เซาเปาลู 6 ธ.ค. – ประธานาธิบดีจาอีร์ โบวโซนารู ของบราซิล ยอมรับว่าบราซิลกำลังถังแตก และเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่านี้ วิกฤติที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากการระบาดรุนแรงของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19
ประธานาธิบดีโบวโซนารู กล่าวกับหนึ่งในกลุ่มผู้สนับสนุนที่ทักทายเขาบริเวณหน้าทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงบราซิเลียว่า ตอนนี้บราซิลมีฐานะการเงินขัดสน และเขาไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว ทั้งยังระบุเพิ่มเติมว่า เขาต้องการที่จะปรับลดอัตราภาษี แต่การระบาดรุนแรงของเชื้อไวรัสโคโรนาก็ทำให้ประเทศมาถึงจุดนี้
ก่อนหน้านี้ ผู้นำบราซิลได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะเพิ่มระดับเพดานของภาษีเงินได้ แต่ก็ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาดที่ส่งผลให้เศรษฐกิจของบราซิลพังทลาย
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโบวโซนารูยังคงได้รับคะแนนความนิยมจากโครงการมอบเงินเยียวยาฉุกเฉินเป็นเวลา 9 เดือน ให้แก่ประชาชน 68 ล้านคน ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของประชากรทั้งหมด อย่างไรก็ดี การมอบเงินช่วยเหลือดังกล่าวจะสิ้นสุดลงในเดือนนี้ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลว่า บราซิลอาจเผชิญกับภาวะขาดดุลงบประมาณและหนี้สินระดับสูง
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขรายงานว่า บราซิลพบผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่เกือบ 60,000 คน และมีผู้เสียชีวิต 1,171 คน ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทำให้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 7.75 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 197,000 คน ทั้งนี้ คาดว่ายอดผู้ป่วยติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในบราซิลจะพุ่งสูงขึ้นในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า เนื่องจากมีการจัดฉลองเทศกาลคริสต์มาสและวันขึ้นปีใหม่อย่างเอิกเกริก.-สำนักข่าวไทย