กทม. 11 ธ.ค. – สาวขับยาริสชนดับ 2 ศพ ขอโทษญาติผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บ พร้อมรับผิดชอบเต็มที่ อ้างมีอาการวูบเพราะปวดท้อง
ความคืบหน้าอุบัติเหตุรถยนต์ยาริสพุ่งชนรถหลายคันที่หน้าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ มีผู้เสียชีวิต 2 คน เมื่อวานนี้ ล่าสุดทางญาติรับศพกลับไปประกอบพิธีทางศาสนา ขณะที่หญิงสาวที่ขับยาริสขอโทษญาติผู้เสียชีวิต พร้อมรับผิดชอบทุกอย่าง
วันนี้นางสาวปาริฉัตร กีนะพันธ์ ที่ขับรถเก๋งยาริส เข้าพบตำรวจอีกครั้ง นำตัวไปตรวจที่โรงพยาบาล เพื่อนำรายละเอียดประกอบสำนวนคดี หลังจากเมื่อวานนี้เข้ารับทราบ 3 ข้อกล่าวหาไปแล้ว คือขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และขับรถโดยประมาททำให้ทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย
นางสาวปาริฉัตรยกมือไหว้ขอโทษ บอกว่าเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีเจตนาก่อเหตุ ยอมรับเกิดอาการวูบ ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่ได้ทานยาอะไร พร้อมฝากขอโทษครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ยินดีชดใช้ค่าเสียหาย รวมถึงเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตอย่างเต็มที่
ขณะที่แม่ของนางสาวปาริฉัตร บอกว่า ลูกสาวมีอาการตัวชาแล้วก็วูบ ทำให้ควบคุมตัวเองไม่ได้ ซึ่งครอบครัวยินดีชดใช้ค่าเสียหาย โดยได้ติดต่อผู้เสียหายอยู่ตลอด และจะไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บที่โรงพยาบาลด้วย
ตำรวจ เปิดเผยว่า จากการสอบปากคำ น.ส.ปาริฉัตร มีอาการปกติ เจ้าตัวให้การว่าเหตุเกิดในช่วงจังหวะยูเทิร์นกลับรถหน้าสวนเบญจกิติ แล้วก็เกิดอาการอ่อนเพลียและวูบ เนื่องจากปวดประจำเดือน เมื่อวานนี้ตอนตรวจอาการเบื้องต้นไม่พบสารเสพติดและแอลกอฮอล์ ซึ่งตำรวจจะพาไปตรวจเลือดอย่างละเอียดที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อนำมาประกอบสำนวนอีกครั้ง หากพบว่ามีสารอะไรก็จะแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติม ส่วนการชดใช้ค่าเสียหาย คนขับมีประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 วงเงิน 10 ล้านบาท ซึ่งครอบคลุมค่าเสียหายทั้งหมด
ส่วนญาติของผู้เสียชีวิต วันนี้ได้ไปขอรับศพที่สถาบันนิติเวช โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ เพื่อนำไปประกอบพิธีทางศาสนา โดยศพของนายสาคร คงบุญ อายุ 42 ปี ทางญาติจะนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดป่าสุธัมมาราม จ.กาญจนบุรี ส่วนศพของนายธีระพงษ์ ศรีบุญ อายุ 29 ปี ญาตินำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดหัวลำโพง ซึ่งภรรยาของนายธีระพงษ์บอกว่าทางคู่กรณียอมรับผิดและให้การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายทุกอย่างในเบื้องต้น ส่วนเรื่องของคดีให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย ขณะที่น้าชายของผู้เสียชีวิต กล่าวว่า ในส่วนของญาติอยากให้คู่กรณีรับผิดชอบในการดูแลครอบครัวของผู้เสียชีวิต เนื่องลูกทั้ง 2 คนยังเล็กอยู่ และอยากให้แวะมาให้กำลังใจด้วยตัวเอง.-สำนักข่าวไทย