ทำเนียบฯ 19 ต.ค.- “พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์” ระบุเตรียมแจ้งความดำเนินคดีสำนักข่าวที่เข้าข่ายกระทำความผิด ฝ่าฝืนพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะปิดหรือไม่ เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย ไม่เลือกปฏิบัติ เผยตั้งแต่ 14-18 ตุลาคม พบสื่อโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม กระทำผิดประมาณ 300,000 URL อยู่ระหว่างการตรวจสอบหากมีตัวบุคคลชัดเจนก็จะดำเนินคดี
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่ากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวถึงคำสั่งหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ที่ 4/2563 เรื่อง ให้ตรวจสอบและให้ระงับการออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาสาระที่มีผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ของสื่อ 4 แห่ง ว่า ที่ผ่านมาได้มีการติดตามและเฝ้าระวังมาโดยตลอด โดยเฉพาะช่องทางสื่อโซเชียลมีเดีย ซึ่งหากพบการกระทำที่ผิดกฏหมายก็ต้องดำเนินการตามกฏหมาย อีกทั้งขณะนี้มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินด้วย จึงจำเป็นต้องเข้มงวด
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมา มีความพยายามสื่อสารผ่านโซเชียลมีเดียหลากหลายรูปแบบ ซึ่งวันนี้ได้มอบหมายให้ปลัดกระทรวงฯ ไปแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ที่ใช้สื่อโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์มที่ผิดกฏหมาย ตั้งแต่วันที่ 14-18 ตุลาคม 2563 เบื้องต้นพบผู้กระทำผิดประมาณ 300,000 URL โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบหากมีตัวบุคคลชัดเจนก็จะดำเนินคดีต่อไป ขอเตือนประชาชนให้ใช้สื่ออย่างระมัดระวัง เพราะในสถานการณ์ฉุกเฉินจะมีข้อจำกัดมากขึ้น โดยเฉพาะห้ามยุยง ปลุกปั่น และสร้างความแตกแยก ดังนั้นหากมีการกระทำที่เข้าข่ายก็จำเป็นต้องบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด
ส่วนกรณีที่ตำรวจประสานงานให้ตรวจสอบและปิดเว็บไซต์ข่าวและช่องทางในการนัดหมายชุมนุมนั้น นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในการแจ้งความดำเนินคดี จะมีสำนักข่าวที่เข้าข่ายความผิดด้วย แต่จะถึงขั้นปิดหรือไม่ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ซึ่งหากมีคำสั่งศาลให้ปิดก็จะประสานให้ปิดทันที ส่วนสื่อดิจิทัลก็จะประสาน กสทช.ตรวจสอบ ขณะที่สื่อออนไลน์ที่รายงานสถานการณ์ผ่านสื่อโซเชียลมีเดียก็จะตักเตือนก่อน เบื้องต้นมีประมาณ 2-3 รายที่เข้าข่ายความผิด ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม เฟซบุ๊กออกอากาศ และเป็นสถานีข่าว
นายพุทธิพงษ์ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงฯ จะเก็บรวบรวมหลักฐานผู้กระทำความผิด ส่วนจะใช้กฏหมายฉบับใดก็จะพิจารณาต่อไป ซึ่งหากเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ก็จะรายงานไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ส่วนที่เข้าข่าย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ก็จะดำเนินการทันที เราทำอย่างระมัดระวังและรอบคอบ ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า เอกสารคำสั่ง ผบ.ตร.ที่ให้ตรวจสอบสื่อเป็นของจริง แต่จะต้องดูว่าบังคับใช้กับใครบ้าง แต่ในส่วนของกระทรวงได้ติดตามทั้งสื่อและรายบุคคลอย่างระมัดระวัง และจะดำเนินการในส่วนที่เข้าข่ายความผิดชัดเจน ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่ารัฐบาลใช้อำนาจปิดกั้นประชาชนนั้น ไม่ได้ดำเนินคดีกับทุกคน เพราะหากไม่เข้าข่ายความผิดหรือข้อกฏหมาย ก็ไม่ได้ดำเนินคดี ไม่ได้ละเมิดสิทธิอย่างแน่นอน
“อย่าเข้าใจผิดว่าจะไปปิดจอดำ ทีวีช่องต่าง ๆ จากนี้ กสทช. ก็ต้องเชิญมาเตือนมาคุยเรื่องเนื้อหาที่ละเมิด ปลุกปั่น สถานีต่าง ๆ ก็จะถูกเชิญมาหารือ เตือนเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เนื้อหาสื่อสารปกติก็สามารถทำได้ ส่วนการเสนอข่าวตามเพจเฟสบุ๊ค ก็จะมีการแจ้งไปยังเฟสบุ๊ค หากต้องขอความร่วมมือในการปิดเพจที่แสดงเนื้อหาที่ผิดกฏหมาย ยุยงปลุกปั่น มีขั้นตอนกระบวนการอยู่ และหากเฟสบุคไม่ยินยอมก็ต้องดำเนินการตามกฏหมายกับเฟสบุ๊คต่อไป” นายพุทธิพงษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย