บริเวณโดยรอบทำเนียบฯ กลับสู่สภาวะปกติ

ทำเนียบฯ 15 ต.ค.-  บริเวณโดยรอบทำเนียบฯ กลับสู่สภาวะปกติ เจ้าหน้าที่เทศกิจเข้าทำความสะอาดถนน พร้อมเปิดเส้นทางการจราจร


ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศบริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล เช้าวันนี้ (15 ต.ค.) ว่า กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว หลังจากช่วงเวลา 4.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการฉุกเฉิน ให้กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่มีภัยร้ายแรง จากนั้น เจ้าหน้าที่กองร้อยควบคุมฝูงชนได้อาศัยอำนาจตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน แจ้งคำสั่งที่ออกตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ขอให้ผู้ชุมนุมออกนอกพื้นที่บริเวณโดยรอบทำเนียบรัฐบาล  พร้อมขอคืนพื้นที่จนเป็นผลสำเร็จ  และมีการจับกุมแกนนำคนสำคัญ อาทิ  นายอานนท์ นำภา นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ และนายภาณุพงษ์ จาดนอก ซึ่งมีรายงานว่า ทั้ง 3 คนถูกควบคุมตัวไปไว้ที่กองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดน จ.ปทุมธานี

หลังขอคืนพื้นที่เป็นผลสำเร็จ Jenny ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดได้เข้าตรวจสอบหาสิ่งของที่เป็นอันตราย ขณะที่ เจ้าหน้าที่เทศกิจของ กทม. ได้เข้าทำความสะอาดพื้นผิวการจราจร บน ถ.พิษณุโลก ตั้งแต่แยกสะพานชมัยมรุเชฐจนถึงแยกสวนมิสกวัน รวมถึง ใช้น้ำฉีดพ่น ถ.ราชดำเนินนอก ตั้งแต่แยกสวนมิสกวันจนถึงแยกสะพานมัฆวานรังสรรค์ พร้อมเปิดการจราจรให้ผู้ใช้รถสามารถใช้เส้นทางได้ตามปกติ


สำหรับความเคลื่อนไหวนายกรัฐมนตรี วันนี้  ยังไม่มีการแจ้งอย่างเป็นทางการ แต่มีรายงานว่านายกรัฐมนตรียังคงยืนยันภารกิจเวลา 11.15 น. ที่จะให้นายหวัง อี้ มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน  เข้าเยี่ยมคารวะ เนื่องในโอกาสเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ที่ทำเนียบรัฐบาล ขณะที่ ภายในทำเนียบรัฐบาลได้ให้เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนเข้าปฏิบัติงานได้ตามปกติแล้ว

ด้าน คณะราษฎร 63 ได้ออกแถลงการณ์ กรณีเจ้าหน้าที่จับกุมแกนนำและผู้ปราศรัย เป็นการกระทำที่ไม่ชอบ เพราะการชุมนุมเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานสามารถทำได้ในระบอบประชาธิปไตย และไม่ควรมีใครสมควรถูกจับกุมจากการชุมนุมไม่ว่ากรณีใด และการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เป็นการกระทำที่มีจุดมุ่งหมายขัดขวางการชุมนุมของประชาชน เพื่อรักษาอำนาจของตัวเองและพวกพ้อง  คณะราษฎร 63  ขอประณามการกระทำของรัฐบาล และขอแสดงจุดยืนจัดการชุมนุม วันนี้ เวลา 16.00  ที่แยกราชประสงค์  .- สำนักข่าวไทย 


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]