กรุงเทพฯ 23 ก.ย. – กนง.มีมติคงดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% ต่อปี ปรับจีดีพีปีนี้ติดลบน้อยลง จาก -8.1% เป็น -7.8% แนะมาตรการรัฐต้องตรงจุดและทันกาล เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย
นายทิตนันทิ์ มัลลิกะมาส ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 6/2563 มีมติเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 0.50% เนื่องจากประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้จะติดลบน้อยลงกว่าที่คาดการณ์เดิมเล็กน้อยตามจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้า โดยยังต้องระวังความเสี่ยงจากโอกาสการเกิดการระบาดรอบ 2 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มติดลบน้อยกว่าที่ประเมินไว้ และมีแนวโน้มทยอยเพิ่มขึ้นปี 2564 อย่างไรก็ตาม เสถียรภาพระบบการเงินเปราะบางมากขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจ โดยคณะกรรมการเห็นว่าควรผลักดันให้สถาบันการเงินเร่งปรับปรุงโครงสร้างหนี้ทั้งครัวเรือนและธุรกิจให้เกิดผลมากขึ้น
นอกจากนี้ ได้ปรับประมาณการณ์ตัวเลขจีดีพีติดลบน้อยลงจากเดิม -8.1% เป็น -7.8% เนื่องจากจีดีพีไตรมาสที่ออกมาติดลบน้อยกว่าที่คาด อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจจะฟื้นตัวแตกต่างกันขึ้นอยู่กับกลุ่มธุรกิจและพื้นที่ ขณะที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวจากเดิมปีนี้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาไทย 8 ล้านคน ลดเหลือ 6.7 ล้านคน และปี 2564 คาดว่ามี 16 ล้านคน ลดเหลือ 9 ล้านคน
ทั้งนี้ กนง.มองว่าเศรษฐกิจไทยแม้ปีนี้จะติดลบน้อยลง แต่จะยังคงฟื้นตัวช้า และใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี จีดีพีจึงจะกลับสู่ระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดโควิด หรือปลายปี 2562 ขณะที่ความเสี่ยงสำคัญ คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในต่างประเทศที่ยังคงรุนแรง ซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยที่พึ่งพาเศรษฐกิจต่างประเทศสูง ทั้งการส่งออกสินค้าและภาคการท่องเที่ยว ดังนั้น มาตรการภาครัฐจำเป็นต้องตรงจุดและทันการณ์มากขึ้น โดยจะต้องเร่งสนับสนุนการจ้างงาน การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง แต่ละภาคส่วนต้องบูรณาการมาตรการให้สอดคล้องและเชื่องโยงกัน เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืน โดยยังคงติดตามอัตราแลกเปลี่ยนใกล้ชิด รวมทั้งประเมินความจำเป็นของการดำเนินมาตรการที่เหมาะสมเพิ่มเติม .- สำนักข่าวไทย