ผู้ชุมนุมทยอยรวมตัวหน้า มธ.ท่าพระจันทร์

ม.ธรรมศาสตร์ 19 ก.ย. – บรรยากาศบริเวณหน้า ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ฝั่งประตูทางเข้า-ออกบริเวณหน้าท้องสนามหลวง กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักและรอแกนนำกลุ่มนักศึกษา มีตำรวจจาก สน.ชนะสงคราม และ สน.ใกล้เคียง คอยดูแลความเรียบร้อย โดยนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้ตำรวจปฏิบัติกับผู้ชุมนุมโดยละมุนละม่อม ใช้ความอดทนอดกลั้น


กลุ่มผู้ชุมนุมเดินทางมารวมตัวกันบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ฝั่งประตูทางเข้า-ออกบริเวณหน้าท้องสนามหลวง แม้ว่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์จะปิดประตูล็อกกุญแจอย่างหนาแน่นตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา พร้อมติดป้ายปิดทำการตั้งแต่วันที่ 18-20 กันยายน แต่กลุ่มผู้ชุมนุมยังคงปักหลักอยู่ที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัย และรอแกนนำกลุ่มนักศึกษา โดยยืนหยัดที่จะเข้าไปในมหาวิทยาลัยให้ได้

บริเวณรอบพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนมาดูแลความสงบเรียบร้อย ขณะที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยยังมีกลุ่มผู้ชุมนุมที่เดินทางมาอย่างต่อเนื่อง แต่เนื่องจากมีฝนตกโปรยปราย ทำให้กลุ่มผู้ชุมนุมหลายคนเตรียมอุปกรณ์กันฝนมาด้วย


ส่วนบริเวณรอบสนามหลวงมีทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรกลางมาดูแลเส้นทางการจราจร ภายในสนามหลวงมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ชนะสงคราม และ สน.ใกล้เคียง มาดูแลความเรียบร้อย ซึ่งช่วงเช้าประชาชนยังสามารถเดินผ่านเข้าออกได้ แต่ได้นำแผงเหล็กมากั้น และไม่อนุญาตให้เข้าไปยังบริเวณที่เป็นสนามหญ้า นอกจากนี้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดกองร้อยควบคุมฝูงชน จำนวน 1 กองร้อย มาคอยดูแลความเรียบร้อย โดยพบว่าผู้เข้าร่วมชุมนุมบางส่วนยังเดินทางมา แม้จะมีฝนตกลงมา

ในส่วนของการจราจรเริ่มติดขัดบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝั่งสนามหลวง ซึ่งกองบัญชาการตำรวจนครบาลแนะนำประชาชนหลีกเลี่ยงเส้นทาง เพราะอาจส่งผลกระทบต่อการจราจร เส้นทางที่ควรหลีกเลี่ยงในวันนี้ เช่น ถนนราชดำเนิน ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ถนนวิสุทธิกษัตริย์ ถนนจักพรรดิพงษ์ ถนนหลานหลวง ถนนดินสอ ถนนตะนาว สะพานพระราม 8 และสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า

ด้าน พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ได้แถลงข้อปฏิบัติของเจ้าหน้าที่วันนี้ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติกับผู้ชุมนุมโดยละมุนละม่อม และใช้หลักของความอดทนอดกลั้น


ส่วนกรณีการเปลี่ยนแผนจากแผนกรกฎ 52 เป็นแผนชุมนุม 63 ทางตำรวจยืนยันไม่ใช่แผนจัดการกลุ่มผู้ชุมนุม แต่เป็นการนำข้อผิดพลาดและบทเรียนเก่าๆ รวมถึงข้อกฎหมาย พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ มาถอดบทเรียนเพื่อปรับปรุงแผน

ด้านเจ้าหน้าที่จากกระทรวงสาธารณสุขได้ตั้งจุดคัดกรองโควิด-19 เพราะคำนึงถึงความปลอดภัย เพราะหากมีคนมารวมตัวกันมากๆ เกรงว่าจะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ มีการวัดอุณหภูมิ แจกเจลแอลกอฮอล์.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล