นิวเดลี 8 ก.ย.- ยอดผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด-19 ที่ได้รับการยืนยันในอินเดียเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็นกว่า 4 ล้านคนภายในเวลาเพียง 1 เดือน กลายเป็นประเทศสถานการณ์เลวร้ายอันดับสองของโลก แต่ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า ตัวเลขผู้ป่วยที่แท้จริงอาจแซงหน้าสหรัฐที่เป็นอันดับ 1 ไปแล้ว
รัฐบาลอินเดียแจ้งว่า พบผู้ป่วยใหม่ 90,820 คนเมื่อวันจันทร์ ทำให้ยอดผู้ป่วยสะสมอยู่ที่ 4,204,613 คน ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนสิงหาคมอัตราผู้ป่วยใหม่รายวันอยู่ที่ 55,000 คน แต่ช่วงสัปดาห์แรกของเดือนนี้เพิ่มขึ้นเป็น 90,000 คน เป็นอัตราผู้ป่วยใหม่รายวันสูงที่สุดในโลกในขณะนี้ ดร.รามานัน ลักษมีนารายัน ผู้อำนวยการศูนย์พลวัตร เศรษฐศาสตร์และนโยบายโรคภัยที่มีสำนักงานใหญ่ในกรุงวอชิงตัน ดีซี ในสหรัฐและกรุงนิวเดลีในอินเดียเผยกับสถานีโทรทัศน์ซีบีเอสนิวส์ว่า ตัวเลขที่เห็นเป็นเพียงตัวเลขที่มีการรายงานและมีการตรวจหาเชื้อต่ำ จึงมีความเป็นไปได้ค่อนข้างมากว่าการติดเชื้อที่แท้จริงในอินเดียอาจแซงหน้าสหรัฐไปแล้ว ผลการตรวจตัวอย่างเลือดเพื่อหาการติดเชื้อในกลุ่มคนอาการน้อยหรือไม่มีอาการบ่งชี้ว่า ชาวอินเดียติดเชื้อแล้วร้อยละ 20-30 หรือเท่ากับไม่ต่ำกว่า 100 ล้านคน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 71,642 คน มากเป็นอันดับสามของโลก
รัฐบาลนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ประกาศเมื่อวันที่ 24 มีนาคมว่า จะใช้มาตรการปิดเมืองทั้งประเทศ ยอดผู้ป่วยอย่างเป็นทางการในขณะนั้นอยู่ที่ 500 คนเท่านั้น ส่วนใหญ่อยู่ตามเมืองใหญ่และและผู้มาจากต่างประเทศ แต่รัฐบาลได้ยกเลิกในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่หดตัวร้อยละ 23.9 ในไตรมาสแรกของปีนี้ มากที่สุดในรอบ 4 ทศวรรษ รัฐบาลย้ำว่า อัตราการเสียชีวิตต่ำเมื่อเทียบกับยอดผู้ติดเชื้อเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า กลยุทธ์การตรวจ ติดตาม และรักษาของรัฐบาลได้ผล ดังนั้น รัฐบาลจะเดินหน้ากลยุทธ์นี้ต่อไปควบคู่กับการเปิดเศรษฐกิจเกือบทั้งหมดแล้ว แต่ยังคงปิดโรงเรียนอยู่ โดยให้เรียนออนไลน์แม้ว่าเด็กจำนวนมากเข้าไม่ถึงอินเทอร์เน็ต และให้รัฐบาลท้องถิ่นตัดสินใจเองว่าจะเปิดเรียนเมื่อใด.- สำนักข่าวไทย