กทม.10 ส.ค.-จเรตำรวจแห่งชาติ แจงละเอียดยิบ สำรองราชการ “พล.ต.อ.วิระชัย”ตามขั้นตอน เปิดทางสอบแล้วไม่ผิด กลับมาดำรงตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้
พลตำรวจเอกชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร จเรตำรวจแห่งชาติ แถลงชี้แจงขั้นตอน การดำเนินการทางวินัย และการสั่งสำรองราชการพลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา ว่า เป็นไปตามขั้นตอนตามกฎหมาย ไม่ใช่การกลั่นแกล้ง หรือเร่งรัดดำเนินการ โดยหลังเกิดกรณีคลิปเสียงฯหลุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง มีจเรตำรวจ แห่งชาติ เป็นประธาน ระหว่างนั้นมีการรายงานข้อเท็จจริงต่อนายกรัฐมนตรีและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เสนอให้พลตำรวจเอกวิระชัย ไปปฎิบัติหน้าที่ที่สำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริงดำเนินการไปอย่างโปร่งใส โดยคณะทำงานใช้เวลา ตรวจสอบข้อเท็จจริงนานกว่า 6 เดือน ซึ่งผลสอบสรุปว่าคดีมีมูล ผิดวินัยร้ายแรง กรณีปล่อยคลิปเสียงสนทนาฯ ซึ่งเป็นความลับของทางราชการ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จึงเสนอความเห็นให้ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อ 23 กรกฎาคม 2563 เพื่อให้ส่งตัวพลตำรวจเอกวิระชัย กลับมาดำเนินการสอบสวนตามระเบียบของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และมีความเห็นให้ทีมกฏหมายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษทางอาญากับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม
ต่อมา วันที่ 24 กรกฎาคม พล.ต.อ.วิระชัย รอง ผบ.ตร.กลับต้นสังกัด มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง ทั้งทางวินัย และอาญา โดยมี พลตำรวจเอก ศตวรรษ หิรัญบูรณะ ที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน และ เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนฯ จึงจำเป็นต้องมีคำสั่ง ให้สำรองราชการพลตำรวจเอก วิระชัย ไว้ระหว่างการสอบข้อเท็จจริง โดยคณะกรรมการชุดพลตำรวจเอกศตวรรษ จะใช้เวลาสอบสวนกรณีนี้ในกรอบระยะเวลา 180 วัน ระหว่างนี้ พลตำรวจเอกวิระชัย สามารถยื่นคำร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมได้ กรณีพลตำรวจเอกวิระชัย ยื่นร้องทุกข์ต่อคณะอนุกรรมการข้าราชการตำรวจเกี่ยวกับการร้องทุกข์ที่มีพลตำรวจเอกสุชาติ ธีระสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธาน เป็นเรื่องสามารถทำได้ตามปกติควบคู่กันไป
พลตำรวจเอกชนสิษฎ์ ยืนยันว่า หากสอบแล้วไม่พบความผิด พลตำรวจเอกวิระชัย สามารถกลับเข้ามาดำรงตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้เหมือนเดิม แต่ส่วนตัวขอปฏิเสธให้ความเห็นว่าพลตำรวจเอกวิระชัย ยังมีสิทธิ์ได้รับการเสนอชื่อเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่หรือไม่.-สำนักข่าวไทย