นายกฯ แจงกระทู้สดครั้งแรก รับปากแก้ปัญหาแก๊งคอลฯ-ยาเสพติด

ฐสภา 27 ก.พ.- “แพทองธาร” แจงกระทู้สดครั้งแรก รับปากสภาฯ แก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และยาเสพติดให้หมดเร็ววัน พร้อมจัดการผู้มีอิทธิพลอยู่เบื้องหลัง ขณะที่หลังแจง มีเสียงปรบมือชื่นชม ท่ามกลางเสียงโวยของฝ่ายค้านที่สงสัยทำไม ไม่ตอบกระทู้ฝ่ายค้านบ้าง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันนี้ (27 ก.พ.68) มีนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธาน ในช่วงพิจารณากระทู้ถามสด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ร่วมตอบกระทู้ถามสดครั้งแรก ซึ่งตั้งถามโดยนายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ สส.ราชบุรี พรรครวมไทยสร้างชาติ ต่อประเด็นการแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ และอาชญากรรมออนไลน์ ข้ามชาติ

น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า ตั้งแต่ก่อนเป็นนายกฯ ปัญหาคอลเซ็นเตอร์ต่างๆ ที่แพร่หลายทุกสังคม จังหวัด และส่งผลกระทบไปยังประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงทั่วโลกที่เผชิญปัญหาในทุกพื้นที่จึงต้องให้ความสำคัญ ตนได้รับข่าวสารจำนวนมาก ว่าแก๊งคอลเซ็นตอร์หลอกหลวงประชาชนจนหมดตัว และบางคนจบชีวิต และคิดทำร้ายคนอื่นเพื่อแก้หนี้สิน ทำให้เป็นปัญหาต่อเนื่อง ถึงยาเสพติดและความไม่สงบสุข และเมื่อเข้ารับตำแหน่งนายกฯ ได้สั่งการทันทีกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เช่น กระทรวงดีอี ธปท. กสทช. ปปง. ดีเอสไอ สตช. ความมั่นคงช่วยดูแลอย่างบูรณาการ ไม่สามารถทำโดยหน่วยงานใดได้ การคุยกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อขอควมร่วมมืออย่างบูรณาการต้องใช้รัฐบาลกับรัฐบาล เพื่อหาทางออกร่วมกัน


น.ส.แพทองธาร ชี้แจงด้วยว่าในการแก้ปัญหาร่วมกัน ที่ผ่านมารัฐบาลจัดศูนย์ปอ้งกันและปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ เพื่อบูรณาการทั้งหมดรับแจ้งเหตุ 24 ชั่วโมง เพื่อช่วยระงับความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมถึงปิดดบัญชีม้า รวม 1.92 ล้านบัญชี และมีการติดตาม นอกจากนั้นคือมีมาตรการธนาคารยกระดับการเปิดบัญชีใหม่กับบุคคลที่มีความเสี่ยงสูง และได้ยกร่าง พ.ร.ก.ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ซึ่งมีสาระสำคัญ เพิ่มอำนาจให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหา กำหนดความผิดกับผู้ที่นำข้อมูลประชาชนไปขาย และมีบทความรับผิดชอบของหน่วยงานสถาบันการเงินที่ไม่ระงับความเสียหายที่เกิดขึ้น

“สำหรับชายแดน ได้ให้หน่วยงานความมั่นคงซีลพื้นที่ โดยทำงานร่วมกับกับทหารและฝ่ายปกครอง แก้ปัญหาให้เข้มข้น จับกุมขบวนการการค้ามนุษย์ที่ผ่านแดนไปเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ นอกจากนั้นตรวจค้นทำลายแหล่งส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ตที่ผิดกฎหมาย รวมไปถึงให้กระทรวงการต่างประเทศประสานหน่วยงานต่างประเทศเพื่อแก้ปัญหา ซึ่งมีระบบไตรภาคี ระหว่างไทย จีน เมียนมา เพื่อช่วยเหลือในการแก้ปัญหา” น.ส.แพทองธาร ชี้แจง

นายกฯ​ ชี้แจงด้วยว่าสำหรับผู้ต้องสงสัยที่จับได้ คัดกรอและส่งตัวไปดำเนินการกฎหมาย มีการส่งตัวและเก็บข้อมูลเพื่อติตดามเฝ้าระวังต่อไป ซึ่งต้องทำให้ครบทั้งหมด เพื่อให้สามารถแก้ปัญหาให้ได้ สำหรับการแก้ปัญหาที่ได้ผล คือ การตัดไฟ และหยุดส่งน้ำมัน ซึ่งต้องสั่งการทันทีเพื่อให้การแก้ปัญหาลดลง ถือว่ารัฐบาลได้รับความร่วมมือและมีผลสำเร็จเป็นที่ประจักษ์


ทั้งนี้ นายอัครเดชได้เสนอแนะต่อรัฐบาลในนโยบายการควบคุมการลงทะเบียนซิมม้า ที่พบว่ามีการใช้ชื่มปลอม ขณะเดียวกันต้องมีมาตรการทางการเงิน ควรจำกัดวงเงินบัญชีธนาคารเพื่อลดความเสียงบัญชีม้า

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า จะรับข้อเสนอแนะ ในการคุมซิมม้าจะสั่งการให้กสทช. และดีอีรับไปดำเนินการรวมถึงความเห็นอื่นๆ ได้จดไว้แล้ว ส่วนการตัดไฟฟ้า และน้ำมัน สถานที่ทำการของอาชญากรรมข้ามชาติ พบการใช้ไฟน้อยลง มีการย้ายอุปกรณ์ และคนออกจากพื้นที่ รวมถึงพบการหยุดก่อสร้างขนาดใหญ่ในฝั่งเมียวดี เมียนมาด้วย อย่างไรก็ดีได้รับรายงานกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติปิดตัวลงหรือลดขนาดลง ทั้งนี้ยังพบการลักลอบนำน้ำมันเข้าประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ไทยจับกุม 17 ครั้ง รวม 8,000 ลิตร

“ทั้งนี้ 28 ก.พ. จะไป จ.สระแก้ว เพื่อไปติดตาม สิ่งที่สั่งการ อาทิ การลดเสาส่งสัญญาณอินเตอร์เน็ต ปราบปรามซิมบ็อกซ์ ระงับไว-ไฟคอลลิ่งจากประเทศเพื่อนบ้าน จัดระเบียบผู้ซื้อผู้ให้บริการไลน์เซ่นส์โทรคมนาคม ที่ผ่านมา 100 ล้านบาทต่อวัน แต่ตอนนี้ 50 ล้านบาทต่อวัน ทั้งนี้ตั้งใจจะลดลง หากได้รับความร่วมมืออย่างบูรณาการจะทำให้การแก้ปัญหาหมดไปแน่นอน” น.ส.แพทองธาร ชี้แจง

ทางด้านนายอัครเดช ตั้งคำถามย้ำด้วยในมาตรการการปราบปรามผู้อิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อาชญากรรมออนไลน์ ซึ่ง น.ส.แพทองธาร ชี้แจงว่า ทราบดีถึงการมีผู้อิทธิพล นักการเมือง นายทุน ข้าราชการที่มีอิทธิพล ขอให้คำมั่นกับสภาฯ จะจัดการเรื่องนี้จริงจัง และขอให้มั่นใจ ไม่ว่าใคร ตำแหน่งสูงใหญ่ ทำผิดเรื่องดังกล่าวทำให้คนไทยเดือดร้อนจะจัดการอย่างเด็ดขาดและมั่นใจว่าจะทำได้อย่างเต็มที่

“เป็นนายกฯของคนไทยต้องดูแลคนไทยก่อน เรื่องคอลเซ็นเตอร์ และยาเสพติดหากไม่จบไม่เลิกแน่นอน” น.ส.แพทองธารชี้แจง

ทั้งนี้ ภายหลังจากนางสาวแพทองธารชี้แจงจบ มีเสียงปรบมือจากสภาฯ ที่แสดงความชื่นชมด้วย

จากนั้น ได้เข้าสู่วาระกระทู้ถามทั่วไป ซึ่งเป็นคำถาม นายภูริวรรธภ์ ใจสำราญ สส.กทม. พรรคประชาชน เรื่อง แนวทางแก้ไขปัญหา ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย แต่นายกรัฐมนตรีได้ออกจากห้องประชุมสภาฯ ไปก่อน และนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งเป็นประธานการประชุมในขณะนั้น ระบุว่า นายกรัฐมนตรีได้มอบหมาย น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมเป็นผู้ตอบกระทู้

ทำให้ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ได้ลุกขึ้นหารือว่า เมื่อสักครู่นายกรัฐมนตรีได้ตอบกระทู้ถามสดไปแล้ว ซึ่งตอบได้ค่อนข้างดี แต่กระทู้ถามทั่วไปที่ได้ตั้งถามมาหลายเดือนแล้ว นายกรัฐมนตรีเอง ก็ชูธงนโยบายด้าน Soft Power จึงเป็นที่น่าเสียดายที่นายกรัฐมนตรีมาถึงที่ประชุมสภาฯ แล้วก็ได้ลุกหนี ไม่ยอมตอบกระทู้ถามทั่วไป

ระหว่างนั้น ได้มี สส.พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นประท้วง เช่น นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม, ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ, นางนุชนาถ จารุวงษ์เสถียร สส.ศรีษะเกษ ประท้วง และขอให้ดำเนินกลับสู่วาระการประชุมปกติ พร้อมขอให้ถอนคำพูดว่า “ลุกหนี”

ต่อมา นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. ได้สอบถามว่า นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการมาตอบกระทู้อีกเมื่อไหร่ เพราะฝ่ายค้านน้อยใจอยากให้มีการตอบกระทู้เหมือนนายอัครเดช ที่ถามแล้วตรงคำตอบ จะได้จัดการตั้งถามให้ตรงเวลา

ทำให้ประธานในที่ประชุม ชี้แจงว่า นายกรัฐมนตรีมีภารกิจมาก กระทู้ถามสดมีความสำคัญ นายกรัฐมนตรีจึงพยายามมาตอบ ตอบได้กระทู้สด 1 เรื่อง ก็ยังดี และต่อไปนายกรัฐมนตรีก็จะมาตอบอีก แต่กระทู้ถามทั่วไปมีหนังสือไปล่วงหน้าแล้ว และนายกรัฐมนตรีได้มอบหมายผู้เกี่ยวข้องโดยตรง คือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ที่ได้เตรียมข้อมูลมาเต็มที่ พร้อมที่จะตอบแล้ว มองว่าเป็นไปตามเงื่อนไขแล้ว จึงขออนุญาตเข้าสู่วาระต่อไป.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

แก๊งมอดไม้เหิม! โค่นป่า 40 ไร่ “เขาชะเมา” เหลือแต่ตอ

ระยอง 3 มิ.ย.- แก๊งมอดไม้เหิมเกริม ลักลอบโค่นป่าเกือบ 40 ไร่ กลางเขตป่าสงวนแห่งชาติ เขาชะเมา จ.ระยอง เหลือแต่ตอไม้ ชาวบ้านโวยไร้เจ้าหน้าที่ดูแล ผู้สื่อข่าวรับร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการลักลอบตัดไม้ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พิกัด ม.3 บ้านเขาพัง ถนนเขาชะเมา-แก่งหางแมว ช่วงหลัก รย.4060 กม.ที่ 8 ต.ห้วยทับมอญ อ.เขาชะเมา จ.ระยอง จึงลงพื้นที่ตรวจสอบ เบื้องต้นพบภาพชวนสะเทือนใจ พื้นที่กว่า 37-40 ไร่ถูกโค่นต้นไม้จนโล่งเตียนเหลือเพียงตอไม้เบญจพรรณ ต้นยางพาราถูกโค่นราบเป็นหน้ากลอง พื้นที่กลายเป็น “เขาหัวโล้น” ไร้เงาไม้ยืนต้น ด้าน นายบุญธรรม ผู้ใหญ่บ้าน บอกว่า พื้นที่ทั้งหมดในหมู่บ้านรวมถึงจุดที่เกิดเหตุอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ตามระเบียบให้ชาวบ้านใช้ประโยชน์ทำกินได้ ห้ามแพ้วถาง ตัดไม้โดยเด็ดขาด หากฝ่าฝืนมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ คือ หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ 1 ระยอง 1 (รย.1) สังกัดกรมป่าไม้ ซึ่งรับผิดชอบดูแลป่าทั่วทั้ง อ.เขาชะเมาและอ.แกลง ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามติดต่อหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ […]

ชาวบ้านให้กำลังใจทหาร เชื่อพื้นที่อ้างสิทธิเป็นของไทย

อุบลราชธานี 3 มิ.ย.- ชาวบ้านแปดอุ้ม ยอมรับกังวลสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมให้กำลังใจทหารทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตย นางดำ วัย 66 ปี ชาวบ้านแปดอุ้ม ตำบลโดมประดิษฐ์ อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ยอมรับตอนนี้ครอบครัวอยู่อย่างกังวลกับสถานการณ์ แต่ยังอุ่นใจที่ทหารเข้ามาในพื้นที่ปกป้องรักษาอธิปไตยไทย พร้อมเล่าอีกว่าเมื่อก่อนเคยขึ้นไปด้านบน เห็นคูเลตของกัมพูชาขยับเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งที่แนวเขตแบ่งตามแนวสันปันน้ำไทย-กัมพูชา ส่วนจุดปะทะล่าสุดยืนยันว่าเป็นของไทย ชาวบ้านรู้กันตั้งแต่บรรพบุรุษรุ่นทวดทำเกษตรทำไร่บริเวณนั้น ตนเองก็เคยขึ้นไปทำไร่กันสนุกสนานในพื้นที่นั้นจนถึงเนิน 500 นางดำ ยังเล่าต่อไปว่า เดิมทีหมู่บ้านแปดอุ้ม ไม่ได้อยู่ด้านล่าง แต่อยู่บนเขา ใกล้จุดปะทะ แต่ในปี 2520 คอมมิวนิสต์เวียดนามและเขมรแดงเป็นพันธมิตรกันสู้รบกับรัฐบาลกัมพูชา ทางเขมรแดงได้เข้ามาต้อนชาวบ้านแปดอุ้มไปเป็นทหาร ส่วนบ้านแปดอุ้มปัจจุบันเป็นหมู่บ้านที่ทางการไทยจัดสรรให้ชาวบ้านใหม่ในปี 2522 โดยให้ชาวบ้านที่อยู่ด้านบนลงมาอยู่ด้านล่าง ด้านนายทอน อายุ 86 ปี ชาวบ้านแปดอุ้มอีกคน บอกว่า ติดตามข่าวสารทางทหาร ทราบข่าวลือของแม่ทัพภาคที่ 2 จึงอยากให้กำลังใจทหาร ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกปักรักษาลูกหลานทหารไทย .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” ​ชี้​ต้องยึดสันติวิธี ปมไทย-กัมพูชา

สนามหลวง 3 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” ​ชี้​ปมไทย-กัมพูชา ต้องยึดสันติวิธี หลีกเลี่ยงความรุนแรง​ คำนึงถึงชีวิต-​ความสูญเสีย ขณะที่ทหารพร้อมยึดมั่นรักษาอธิปไตย ส่วนกัมพูชาเตรียมนำเรื่องขึ้นศาลโลก ให้เป็นเรื่องของการเจรจา ย้ำ​ใช้สงคราม​เป็นมาตรการสุด​ท้าย นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม​ กล่าวถึง จุดยืนของไทยต่อสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา ว่า​ ตนได้บอกไปหลายครั้งแล้ว คือยึดมั่นแนวทางแก้ไขแบบสันติวิธี พยายามหลีกเลี่ยงความรุนแรง และยึดมั่นในการรักษาอธิปไตย และผลประโยชน์ของประชาชน ที่ผ่านมาเราได้พยายามแสดงจุดยืนเหล่านี้ และพยายามหาช่องทางในการเจรจา เพื่อหาทางยุติได้อย่างสงบ ขณะเดียวกันเราก็ไม่ประมาท มีการประสานงานกันอย่างทั่วถึงตลอดเวลากับทางกองทัพ กองทัพภาค ผู้บัญชาการทหารบก​ กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ สิ่งที่เราทำขณะนี้ในแง่ของกองทัพ เราเตรียมความพร้อม เพื่อรักษาอธิปไตยของประเทศ เท่าที่ตรวจดูในรายละเอียดต่างๆ มีการวางกำลังที่สามารถปกป้องอธิปไตยของประเทศได้โดยมั่นใจ และกองทัพก็ได้มีการเตรียมการอย่างเหมาะสม ไม่มีความบกพร่อง ส่วนเรื่องของการเจรจา​ นายภูมิธรรม​ ยืนยันว่า​ เราได้มีการพูดคุยกันมาตลอด ทั้งกระทรวงกลาโหม​ กองทัพ​ และกระทรวงการต่างประเทศ ว่าสิ่งที่เราอยากจะแก้ไขปัญหา ต้องคุยกันภายในให้เป็นเอกภาพ เมื่อวานนี้ก็ได้มีการพูดคุยกันตลอดทั้งวัน “สิ่งที่สำคัญก็คือ เราจะใช้มาตรการในการใช้ความรุนแรง หรือสงคราม จะเป็นมาตรการสุดท้าย […]

South Korea's presidential election voting place

เกาหลีใต้เลือกตั้ง ปธน.หลังการเมืองวุ่นหลายเดือน

โซล 3 มิ.ย.- ชาวเกาหลีใต้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีในวันนี้ หลังจากการเมืองตกอยู่ในความวุ่นวาย นับตั้งแต่อดีตประธานาธิบดีประกาศใช้กฎอัยการศึกเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน ผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง 44.39 ล้านคน ในเกาหลีใต้เริ่มออกไปใช้สิทธิลงคะแนนเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีตามหน่วยเลือกตั้งต่าง ๆ ทั่วประเทศในวันนี้ ที่เปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่เวลา 06.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น เร็วกว่าไทย 2 ชั่วโมง ขณะที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติของเกาหลีใต้ส่งกำลังตำรวจทั้งหมด 28,590 นายไปประจำการตามคูหาเลือกตั้งทั้ง 14,295 แห่งทั่วประเทศเพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย การลงคะแนนจะเสร็จสิ้นในเวลา 20.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น คาดว่าจะทราบผลเลือกตั้งได้ภายในไม่กี่ชั่วโมงหลังปิดหีบ โดยเมื่อวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ที่แล้ว มีการจัดให้ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้า มีผู้ออกไปใช้สิทธิลงคะแนนมากกว่า 15 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 34.74 สูงที่สุดเป็นอันดับ 2 นับตั้งแต่เริ่มให้มีการเลือกตั้งล่วงหน้าได้ตั้งแต่ปี 2557 การเลือกตั้งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ต้องจัดขึ้นก่อนกำหนดเดิมที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 มีนาคม 2570 หลังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองนานหลายเดือน จากการที่นายยุน ซ็อก ยอล อดีตประธานาธิบดี ประกาศใช้กฎอัยการศึกเป็นเวลาสั้นๆ เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ทำให้เขาถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งในเวลาต่อมา หลายฝ่ายมองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการลงประชามติต่อการกระทำของนายยุน มากกว่าการชูนโยบายแข่งขันกันของผู้สมัครชิงตำแหน่ง […]