นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

กรุงเทพฯ 21 พ.ย. – “นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”


นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ร่วมสนทนาแบบ one-on-one กับนางสาว มอร์รา ฟอร์บส์ (Moira Forbes) รองประธานบริหาร Forbes Media และประธานและผู้จัดพิมพ์ ForbesWomen ในงาน Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ถึงประเด็นที่อยู่ในความสนใจระดับโลกหลากหลายประเด็น โดยมีผู้บริหารภาคเอกชน ผู้ประกอบการ นักลงทุนชั้นนำของโลกกว่า 400 ราย เข้าร่วมงาน

โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความมุ่งมั่นของไทยที่เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการเสริมสร้างความเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยมาตรการระยะสั้น กลาง และยาว เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และอำนวยความสะดวกในการทำธุรกิจและการเดินทาง เสริมสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชน โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมหลัก เช่น เศรษฐกิจดิจิทัล การเชื่อมโยง การปรับโครงสร้างหนี้ของครัวเรือนและ SME โดยล่าสุด Amazon, Google และ Microsoft ได้ประกาศการลงทุนครั้งใหญ่ในด้านโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์และ AI ในประเทศไทย รวมถึงศูนย์ข้อมูล (Data Center) โดยรัฐบาลพร้อมผลักดันนโยบายและมาตรการ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินการ


นอกจากนี้ ประเทศไทยพร้อมที่จะเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ โดยมีที่ตั้งสำคัญที่จะเอื้ออำนวยในการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ทำให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างกัน และด้วยความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน ความเข้มแข็ง รวมถึงความมั่นคงทางอาหารของประเทศ food security และมีบุคลากรที่มีความสามารถ เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งต่อการเติบโตในระยะยาวในภูมิภาค อีกทั้งประเทศไทยยังมีความเป็นกลางและยืดหยุ่น ที่ได้รับความเชื่อมั่นในการลงทุนจากนักธุรกิจทั่วโลก

“สิ่งหนึ่งที่เป็นประโยชน์และเป็นจุดเด่นของประเทศไทย คือที่ตั้ง​ เนื่องจากอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งไทยมีภาคการเกษตรที่เข้มแข็ง ก็จะพูดถึงความมั่นคงทางอาหาร​ ซึ่งนักลงทุนจากต่างประเทศต่างพากันตื่นเต้น และเตรียมนโยบายจัดคนทำงานให้กับรัฐบาล เตรียมความพร้อมของข้าราชการในการทำงานเชื่อมโยงกับประเทศอื่น จึงเป็นจังหวะที่ดีมากในการมาลงทุนในประเทศไทย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบความสำเร็จในการเป็นจุดหมายปลายทางที่ดึงดูดการลงทุนจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ระดับโลก เช่น Amazon, Google และ Microsoft โดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI ได้อำนวยความสะดวกด้านการลงทุนอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีการลงทุนมูลค่าสูงในโครงการด้านการศึกษาและการฝึกอบรม เพื่อพัฒนากลุ่มคนที่มีทักษะ ทั้งนี้ ยังให้ความสำคัญกับการเสริมสร้าง soft power ที่คนไทยมีทักษะฝีมือ craftsmanship ที่เป็นเลิศ โดยเฉพาะวัฒนธรรมที่ยาวนานของประเทศไทย โดยรัฐบาลมีวิสัยทัศน์ในการนำมรดกวัฒนธรรมอันทรงคุณค่ามาสร้างสรรค์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น เพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ผ่านการยกระดับทักษะและการปรับทักษะใหม่ รวมทั้งการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยในต่างประเทศผ่านนโยบายต่างประเทศเชิงรุก ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ใน 14 สาขา


นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลมีงบประมาณในการออกนโยบายช่วยเหลือประชาชน ในเรื่องโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่จะนำเงิน 10,000 บาทไปช่วยเหลือ เนื่องจากจะนำเงินไปใช้ทันทีมากกว่าเก็บ ขณะเดียวกันก็มีแผนจะแจกเงินอีก 10,000 บาท ให้กับคนกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นการจัดลำดับความสำคัญ เพราะต้องการให้เงินนั้นเกิดการสะพัดในระบบเศรษฐกิจ

ส่วนการเปลี่ยนผ่านของประเทศไทย นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ บนเวทีการประชุมต่างๆ คำถามที่เจอบ่อย คือคุณพ่อเป็นอย่างไรบ้าง ตนพยายามตอบในมุมธุรกิจ​ แต่มักเจอคำถามเรื่องคุณพ่อ เป็นคำถามแรก พร้อมกล่าวติดตลกว่า

“เดี๋ยวจะได้ยินเสียงคุณพ่อนะคะในเย็นวันนี้ (21 พ.ย.)” ส่วนคำถามที่สองที่มักเจอก็คือ​ แล้วคุณอา เป็นอย่างไรบ้าง​ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะจากห้องประชุม

นายกรัฐมนตรี ยังพูดถึงบทบาทของไทยและสหรัฐอเมริกา ว่า​ ตอนที่ตนได้พูดคุยกับตัวแทนของสหรัฐอเมริกาและจีน​ รวมไปถึงประเทศอื่นๆ ได้มีการนำเสนอตัวเองในฐานะว่าเป็นทูตของสันติภาพและความมั่งคั่ง นี่คือหลักการของประเทศไทย​ คือ ความสงบ​ สันติ และความมั่งคั่ง แต่หากมองถึงประธานาธิบดีทรัมป์ มุมมองทางเศรษฐกิจนั้นเปลี่ยน ในภาพของการส่งออก ซึ่งเราจะต้องมีนโยบายที่สนับสนุน โดยพยายามทำให้คนไทยเข้าใจวิธีการ ซึ่งในวันของทรัมป์ไม่ได้เป็นปัญหากับเรา​ เนื่องจากเราส่งออก GDP 10% ไปยังสหรัฐอเมริกา และตนก็พร้อมจะเปิดตลาด​ พร้อมปรับ​นโยบาย ซึ่งตนก็ทราบดีว่าทุกคนมีความกังวล รัฐบาลมีการเตรียมตัวเป็นอย่างดี

นายกรัฐมนตรี​ กล่าวว่า​ ประเทศไทยมีความพร้อมกับการลงทุน​ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักธุรกิจในอนาคตทั้ง Data Center และ semi connector และต้องประกาศกับโลกว่า​ เราพร้อมแล้ว​ ตอนนี้เรานิ่งแล้ว​ สงบสุขแล้ว

“เชื่อว่าทุกคนต้องการเห็นความก้าวหน้าในระยะยาว​ และในอีก 5 ปีข้างหน้า เราจะหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลาง โดยรัฐบาลมีการวางแผนไว้ 10 ปี​ เราต้องสร้างรากฐานก่อน ไม่ว่ารัฐบาลเปลี่ยน​ นายกฯ เปลี่ยน​ อยากให้นโยบายต้องยึดมั่นกับประชาชน และประโยชน์เหล่านี้​จะต้องอยู่กับประชาชนให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นได้ อย่าง นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค มีมา 20 ปีที่แล้ว ปัจจุบันก็ยังมีนโยบายนี้อยู่ ตนไม่อยากให้ประโยชน์หมดไปอยู่ที่รัฐบาล​ หมดชุดหนึ่งก็จบ​ ไม่ได้​ ตนอยากจะสร้างรากฐานเข้าไปให้รากยาว แบบนโยบายที่ได้สร้างขึ้น​ ก็อยากจะให้อยู่ยาวตลอดไป​ และตนมั่นใจว่าจะเห็นได้อย่างแน่นอน” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-316-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“พล.ท.บุญสิน” ยันยังไม่ดำเนินการโครงการอบรมโดรนเกษตร

กทม. 12 ก.ย.- “พล.ท.บุญสิน” แจงบริษัทเอกชนมามอบของ-ถ่ายรูป พร้อมเสนอโครงการอบรมโดรนเกษตร ยืนยันยังไม่ดำเนินการใดๆ ทั้งสิ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่มีบริษัทเอกชนเข้ามาถ่ายรูปร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 2 โดยมีการนำโครงการ “อบรมการใช้อากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน ให้กับทหารเพื่อเป็นการเพิ่มทักษะ เพื่อใช้ในการเกษตร” วานนี้ (11 ก.ย.) ว่า บริษัทดังกล่าวได้เข้ามาพบเหมือนกับพี่น้องประชาชนและบริษัทต่างๆ ที่เข้ามาพบมอบของ เพียงแต่ว่าทางบริษัทนี้เข้ามานำเสนอโครงการโดรน ตนก็ไม่ได้พูดคุยอะไรมาก เพียงแต่รับฟังไว้ ประมาณ 10 นาที ทางคณะดังกล่าวก็ขอถ่ายภาพ ก่อนเดินทางกลับ “ผมยืนยันว่า ยังไม่ได้มีการดำเนินการทำอะไรเลย ยังไม่ผ่านการตรวจสอบให้รอบคอบ ยืนยันอีกครั้งยังไม่ได้ดำเนินการอะไรทั้งนั้น” พล.ท.บุญสิน กล่าว.-313.-สำนักข่าวไทย

“เฉลิมชัย” ไขก๊อกหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว

พรรคประชาธิปัตย์ 12 ก.ย.-“เฉลิมชัย” ไขก๊อกจากหัวหน้าพรรค ปชป. แบบไม่บอกกล่าว ด้าน “ชัยชนะ” ยันไม่มีขัดแย้ง ในพรรครักกันดี ไม่มีแพแตก นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ยื่นหนังสือลาออกจากหัวหน้าพรรค ประชาธิปัตย์ว่า ตนก็เพิ่งทราบข่าว โดยไม่ได้มีการบอกกล่าวล่วงหน้ามาก่อน แต่ยืนยันว่าในพรรคไม่ได้มีปัญหาขัดแย้งอะไร รักกันดี ทุกคนแต่การตัดสินใจลาออกครั้งนี้เป็นอย่างไรต้องไปถามนายเฉลิมชัยเอง แต่ยืนยันว่า หัวหน้าพรรคกรรมการบริหารพรรค ทุกคนมีความรักใคร่กันดี และตนเชื่อว่านายเฉลิมชัยก็เป็นคนหนึ่งที่รักพรรคประชาธิปัตย์ และทำงานให้กับพรรคมาโดยตลอด ซึ่งตนก็รู้สึกเสียดายและใจหายซึ่งที่ผ่านมานายเฉลิมชัย ก็ไม่ได้ส่งสัญญาณหรือบอกอะไร สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ จะดำเนินการอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า ก็ต้องดำเนินการตามข้อบังคับพรรคและตามกฎหมาย โดยต้องเรียกประชุมวิสามัญ เพื่อนเลือก หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคใหม่เมื่อถามว่าบทบาทของพรรคประชาธิปัตย์หลังจากนี้จะเป็นอย่างไรนั้น นายชัยชนะกล่าวว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องทำหน้าที่กันต่อไป ส่วนกรรมการบริหารพรรคก็มาเลือกคัดสรรกันใหม่ และหลังจากนี้ต้องรอดูว่าใครจะเข้ามาบริหารพรรค และกำหนดนโยบายทิศทางพรรคอย่างไร แต่ตนก็เป็นสมาชิกพรรคคนหนึ่งที่ยังยืนหยัด อยู่กับพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อถามว่าการที่นายเฉลิมชัย ลาออกตอนนี้ เป็นสัญญาณอะไรหรือไม่เนื่องจาก มีไทม์ไลน์ จะยุบสภา ภายใน สี่ เดือน จะไปสังกัดพรรคอื่นหรือไม่ ได้ชัยชนะกล่าวว่าอย่ามองเช่นนั้น เพราะตนเชื่อว่านายเฉลิมชัย […]

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – “ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ งบปี 69 เน้นเส้นเลือดฝอยคู่เส้นเลือดใหญ่ สถานการณ์น้ำตอนนี้ เตรียมรับน้ำเหนือ-พายุ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่สองและวาระที่สาม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากกว่า 30 วันที่ผ่านมา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหรือลดงบประมาณอย่างไร ในจุดไหนบ้าง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน สำหรับงบประมาณส่วนใหญ่ได้ตามที่ตั้งเสนอของบฯ ไว้ โดยจะเน้นงบประมาณลงพื้นที่เขตมากขึ้น เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน การก่อสร้างฝายถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเส้นเลือดฝอย รวมถึงงบประมาณที่จะพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่จะติดตั้งบนอาคารสูงของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็ได้ตามที่เสนอของบประมาณไว้ […]