“สินทรัพย์ดิจิทัล” ถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน ตรวจจับได้ยาก

สินทรัพย์ดิจิทัล

17 ต.ค. – ตำรวจไซเบอร์ ระบุ “สินทรัพย์ดิจิทัล” ถูกใช้เป็นแหล่งฟอกเงิน หรือโยกเงินข้ามประเทศ เจ้าหน้าที่ตรวจจับยาก ข้อมูลเชิงลึกพบ 2 บอส นำเงินสดจากแม่ทีมไปแลกเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล หวังฟอกเงิน และซุกซ่อนเส้นทางการเงิน


พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผู้บังคับการตรวจสอบและวิเคราะห์อาชญากรรมทางเทคโนโลยี กองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ กล่าวถึงกรณี “สินทรัพย์ดิจิทัล” ว่ามี 2 ส่วนคือ crypto currency และ Token โดย crypto currency จะทำงานลักษณะบล็อกเชน โอนย้ายได้ เช่น cryptocurrency สกุล bitcoin ในประเทศที่ยอมรับสามารถใช้ซื้อสินค้าได้แทนเงินสด ไม่ต้องใช้ธนาคารรับฝาก โดยทุกคนที่ใช้สินทรัพย์ดิจิทัล สามารถเปิดกระเป๋าเงินในระบบออนไลน์ได้ สำหรับประเทศไทย จะมีกระดานเทรด 4-5 กระดาน ที่สามารถนำไปซื้อขายได้ ส่วน Token ยังนิยมใช้ในวงแคบๆ แต่ทำงานในลักษณะเดียวกัน คือ มีการโอนฝากเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัล เช่นเดียวกัน

สำหรับ USDT คือ crypto currency ตัวหนึ่ง เจ้าของคือ ไบแนนซ์ มีเงื่อนไขชัดเจนที่ทางไบแนนซ์ กำหนด คือ 1 usdt = 1 US ดอลล่าสหรัฐ และผันผวนตามค่าเงินจริง ส่วนการทำงานจะใช้ระบบเดียวกับ bitcoin เช่นกัน สำหรับ usdt ประเทศไทยยังไม่ยอมรับ แต่สามารถนำไปแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดได้ที่จุดแลกเปลี่ยนเงินตราที่ได้รับอนุญาต และหากมีการประกาศแลกเปลี่ยน usdt นอกตลาด หรือนอกกระดานเทรด จะเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.สินทรัพย์ดิจิทัล จะต้องทำการซื้อขายในกระดานเทรดเท่านั้น


พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ยังระบุว่า ปัจจุบันมิจฉาชีพเกือบทั้งหมด จะโยกเงินที่ได้จากการหลอกลวง ไปเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล โดยใช้วิธีให้ม้าไปเปิดกระเป๋าเงินดิจิทัล จากนั้นนำเงินที่ได้จากการหลอกลวงเหยื่อไปซื้อ cryptocurrency ซื้อ usdt หรือซื้อ bitcoin แล้วโอนเงินไปยังกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ระบบสร้างขึ้นมา ซึ่งจุดนี้เป็นจุดที่เจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ เนื่องจากกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ระบบสร้างขึ้นมาจะปกปิดเจ้าของกระเป๋าเงินที่แท้จริง จะใช้ชื่อที่ระบบสร้างขึ้นมาเช่น xxyz จากนั้นมิจฉาชีพก็จะโอนเงินต่อไปเป็นทอดๆ รูปแบบของสินทรัพย์ดิจิทัล จึงถูกใช้เพื่อฟอกเงิน หรือโอนเงินข้ามประเทศ หรือขายในตลาดมืดโดยที่ไม่มีใครรู้จักใคร เนื่องจากไม่มีระบบจดบันทึกเหมือนการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านธนาคาร

เช่น นายเอ ต้องการส่งเงินให้กับนายบี ก็จะนำเงินสดไปซื้อสินทรัพย์ดิจิทัล เช่นซื้อ USDT จากนั้นโอน USDT ต่อไปให้นายบี หากนายบี ต้องการแปลงเป็นเงินสด ก็จะจ้างนายซี ซึ่งอาจเป็นคนที่อยู่ในต่างประเทศ หรือเป็นชาวต่างประเทศก็ได้ ให้ทำการเทรดแลกเปลี่ยนเป็นเงินสด จากนั้นนายซี ก็จะโยกเงินสดกลับมาให้นายบี ซึ่งอาจจะอยู่ในประเทศไทย หรือนอกประเทศก็ได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถตรวจสอบ หรือทราบได้เลยว่านายซีคือใคร วิธีนี้จึงเป็นที่นิยมในกลุ่มวิชาชีพอย่างมากตอนนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงลึกกับแหล่งข่าวกรณี 2 บอส ที่ถูกระบุว่า ทำหน้าที่นำเงินสดที่ได้จากแม่ทีม ไปแลกเปลี่ยนเป็นสินทรัพย์ดิจิทัล สกุล usdt พบว่า ทุกครั้งที่บอสทั้งสองจะซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลจะนัดชนมือกับคู่กรณีหน้าธนาคาร เพราะนอกจากบอสทั้ง 2 จะถือเงินสดมาเองแล้ว บางครั้งจะต้องถอนเงินจำนวนมากๆ จากแม่ทีมที่โอนมาจากต่างจังหวัด จึงต้องถอนเงินจากธนาคาร แล้วส่งต่อให้คู่กรณีที่นัดชนมือ เพื่อซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลทันที ในลักษณะจบกันที่หน้าธนาคารในวันนัดหมายเลย


ส่วนกลุ่มจีนเทาที่เข้ามาเกี่ยวข้อง แหล่งข่าวระบุว่า เป็นกลุ่มจีนเทาที่ทำธุรกิจ Call Center และเว็บพนันออนไลน์ในประเทศเพื่อนบ้าน จะนัดชนมือเพื่อซื้อขายสินทรัพย์สกุลดิจิทัลกันตามตะเข็บชายแดน ซึ่งกลุ่มจีนเทา เมื่อได้เงินสดแล้วจะนำมาซื้อคอนโด หรือหมู่บ้าน ซึ่งจีนเทากลุ่มนี้ ยังมีธุรกิจสถานบันเทิงอยู่ที่ย่านรัชดาด้วย

สำหรับรายชื่อบุคคลที่ ปปง. มีคำสั่งอายัดทรัพย์ จำนวน 4 ราย ในกรณี ดิไอคอล กรุ๊ป จากการตรวจสอบ พบว่าชื่อที่ 1 และ 2 คือ บอสพอล คือ ชื่อเก่า และชื่อที่เปลี่ยนใหม่ในภายหลัง ส่วนหญิงสาวรายชื่อที่ 3 จากข้อมูลพบว่า มีชื่อเปิดบัญชีเงินฝากกับ “บอสพอล” เป็นเหตุให้ปรากฏชื่อถูกอายัดทรัพย์ ด้วย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่

ทำเนียบ 21 ส.ค.-“ภูมิธรรม” ลั่นฟ้อง “ธนพร” อยู่ที่ทนายหากขอโทษแล้วจบหรือไม่ ย้ำวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต ไม่มีข้อเท็จจริง ต้องรับผิดชอบ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมอบอำนาจทนายความยื่นฟ้อง นายธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมือง ฐานความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ถ้า นายธนพร ขอโทษ จะเลิกแล้วต่อกันหรือไม่ว่า แล้วแต่ทนายความตนได้มอบหมายไปแล้วเมื่อวานนี้ (20 ส.ค.) ส่วนจะฟ้องเฉพาะนายธนพร หรือจะมีบุคคลอื่นด้วยหรือไม่นั้น นายภูมิธรรม กล่าวว่า อะไรที่เกินเลยเป็นการพูดที่ไม่รับผิดชอบทำลายเกียรติยศ เกียรติภูมิ ของผู้อื่น ก่อให้เกิดความสับสนเป็นภัยต่อปัญหาของประเทศก็คงฟ้อง เมื่อถามว่าที่ผ่านมาก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันแต่ไม่เคยมีการส่งฟ้องกันใช่หรือไม่ นายภูมิธรรม ระบุว่า ไม่จริง มีการฟ้องกันมาเยอะแล้ว ถ้าไปทำลายเกียรติภูมิของเขาหรือครอบครัวเขาก็ฟ้องกันทั้งนั้น ถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริตไม่ผิดอะไร แต่ถ้าวิพากษ์วิจารณ์โดยไม่สุจริต นำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จอันนี้เป็นเรื่องที่ควรรับผิดชอบ และต้องถามผู้ที่วิจารณ์ว่า วิจารณ์ไปโดยที่ไม่มีข้อเท็จจริงเป็นที่ประจักษ์ ทำอย่างนี้ได้หรือเปล่า ต้องย้อนไปถามผู้ทำผิดอย่ามาย้อนถามผู้เสียหาย.-316.-สำนักข่าวไทย

รวบแล้ว! มือยิง “กำนันเล้น” หนีกบดานเกาะลันตา

กระบี่ 21 ส.ค. – ไล่ล่าเกือบ 20 วัน จับได้แล้วมือยิง “กำนันเล้น” กำนันคนดัง จ.ตรัง หนีกบดานเกาะลันตา จ.กระบี่ เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกดดัน 3 วัน 3 คืน สุดท้ายไม่รอด เจ้าหน้าที่บุกจับ นายธวัชชัย อายุ 33 ปี ผู้ต้องหายิง นายบัณฑิต รองพล หรือ กำนันเล้น อายุ 57 ปี กำนัน ต.นาวง อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เสียชีวิต เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา คดีนี้อุกอาจและสะเทือนขวัญคนในพื้นที่มาก เพราะคนร้ายไปรอดักยิงกำนันถึงหน้าบ้าน ขณะที่กำนันกำลังขับรถเข้าบ้าน และใช้อาวุธสงคราม M16 ในการก่อเหตุ ซึ่งกำนันเล้น เป็นกำนันคนดังในจังหวัด และเป็นประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด หลักฐานสำคัญในตอนนั้น คือ ภาพจากกล้องวงจรปิด โดยคนร้ายใส่ชุดดำ สวมหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้า บุกไปก่อเหตุหน้าบ้านกำนัน […]

“ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43-44

รัฐสภา 21 ส.ค.- งงทั้งห้องประชุม! “ไชยา” สั่งปิดประชุมดื้อๆ หนีถกญัตติด่วน MOU 43 และ 44 ด้านประธานวิปรัฐบาลบอกไม่รู้เรื่อง ยันไม่ได้ส่งสัญญาณให้ปิดประชุม ขณะที่ “ไชยา” อ้างเป็นข้อตกลง 2 วิปขอปิดประชุมเอง การประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม ภายหลังจากการพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ถามทั่วไป เสร็จสิ้นแล้ว จึงเข้าสู่วาระพิจารณารับทรารายงานการประชุม เรื่องรายงานประจำปี 2567 ของกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ โดยมีการตกลกระหว่างวิปรัฐบาลกับวิปฝ่ายแล้วว่า หลังจากจากเสร็จสิ้นวาระรับทราบการประชุมแล้ว จะเข้าสู่การประชุมลับ เพื่อพิจารณาญัตติด่วนเรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาบันทึกข้อตกลง MOU 43 และ 44 ของนายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง สส.กระบี่ พรรคภูมิใจไทย แต่ปรากฏว่าภายหลังที่ประชุมรับทราบรายงานการประชุมกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ เสร็จเรียบร้อยแล้ว นายไชยากล่าวต่อที่ประชุมว่า ใช้เวลาการประชุมมาพอสมควรแล้ว และสั่งปิดประชุมดื้อๆ ในเวลา 14.59 น. สร้างความงุนงงให้กับสส. เพราะตกลงกันเรียบร้อยแล้วว่า จะพิจารณาญัตติด่วนเรื่อง MOU 43 […]

นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง

ศาล รธน. 21 ส.ค.-“แพทองธาร” นายกฯ พกยาดม เข้าไต่สวนปมคลิปเสียง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 11.34 น ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้กลับมาเผยแพร่โทรทัศน์วงจรปิดอีกครั้ง หลังจากไต่สวนนายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ พยานในคดีปมคลิปเสียงสนทนา ระหว่าง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เสร็จสิ้นโดยใช้เวลาไต่สวนนายฉัตรชัย ประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นได้เบิกตัวนางสาวแพทองธาร มาไต่สวนต่อ โดยเริ่มจากการกล่าวสาบานตน ก่อนให้การ ซึ่งเป็นที่สังเกตว่านางสาวแพทองธาร ได้พกยาดมสีเหลืองวางไว้ใกล้มือด้วย โดยหลังสาบานตนเสร็จก็ได้มีการตัดสัญญาณถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ อีกครั้ง.-319.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มือยิงถล่ม “กำนันเล้น” สารภาพแค้นส่วนตัว

ตรัง 22 ส.ค.- ตำรวจแถลงคดียิง “กำนันเล้น” แห่งตำบลนาวง จ.ตรัง ผู้ต้องหาสารภาพยิงถล่มจนตายเพราะแค้นส่วนตัว คุมตัวฝากขังศาล พร้อมค้านประกัน ที่ สภ.ห้วยยอด อำเภอห้วยยอด จังหวัดตรัง ผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมตำรวจ ร่วมกันแถลงรายละเอียดผลการจับกุมนายธวัชชัย ผู้ต้องหาคดีฆ่านายบัณฑิต หรือ “กำนันเล้น” กำนันตำบลนาวง และประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอห้วยยอด ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 สิงหาคมที่ผ่านมา การสืบสวนสอบสวนแกะรอยจนรู้ตัวผู้ก่อเหตุ คือ นายธวัชชัย จึงยื่นขอศาลออกหมายจับเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม ในข้อหา”ฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนโดยผิดกฎหมาย และพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต” จากการสืบสวนสอบสวนร่วมกันของตำรวจหลายหน่วยกระทั่งทราบแหล่งกบดาน จนนำไปสู่การจู่โจมจับกุมที่ห้องเช่าในพื้นที่ ตำบลศาลาด่าน อำเภอเกาะลันตา จังหวัดกระบี่ เมื่อวานนี้ (21 ส.ค.) โดยใช้เวลา 18 วันในการปิดคดี “ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา โดยมีสาเหตุมาจากความแค้นส่วนตัวที่สะสมจนถึงจุดแตกหักและลงมือก่อเหตุ” ขณะเดียวกันวันนี้ พนักงานสอบสวน ได้ควบคุมนำตัวนายธวัชชัย ส่งขออำนาจศาลจังหวัดตรัง ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว โดยระหว่างคุมตัวลงมาขึ้นรถ […]

บุกจับปลัด อบจ. เรียกเงินผู้รับเหมา

22 ส.ค.- รวบคาโต๊ะทำงาน ตำรวจบุกจับปลัด อบจ.มุกดาหาร เรียกรับเงินผู้รับเหมา 7 โครงการ วงเงินกว่า 12 ล้านบาท แลกอนุมัติเบิกจ่ายงบฯ เจ้าหน้าที่บุกอ่านหมายจับ ว่าที่ร้อยเอก วัทธิกร ปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร ตามหมายจับของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 4 ฐานเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่ง โดยมิชอบ, ข่มขืนใจ บุคคลใดมอบให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเอง  และฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และมาตรา 157 เป็นการเข้าทำการตรวจค้น จับกุมที่ห้องทำงานปลัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดมุกดาหาร  ก่อนหน้านี้ ผู้รับเหมาเข้าร้องเรียนกับ สำนักงาน ป.ป.ช. ภาค 4  ว่า ในระหว่างที่ผู้ถูกกล่าวหาอยู่ในตำแหน่งปลัด อบจ.มุกดาหาร ปฏิบัติหน้าที่นายก อบจ.มุกดาหาร ระหว่างนั้น ผู้เสียหายได้เข้าเป็นคู่สัญญา รับจ้างในโครงการปรับปรุงถนนลาดยางผิวทางแอสฟัลท์ติกคอนกรีตฯ 1 โครงการ วงเงินงบประมาณ 9,780,000 บาท โครงการเสริมผิวทางแอสฟัลท์ติกคอน กรีตฯ จำนวน 6 โครงการ วงเงินงบประมาณ […]

ผบ.ทอ. บินสวีเดน ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 ส.ค.นี้

22 ส.ค.- กองทัพไทยเพิ่มแสนยานุภาพ เสริมความแข็งแกร่ง ลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” กับสวีเดน อย่างเป็นทางการ 25 สิงหาคมนี้ การลงนามครั้งนี้ นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ จะลงนามกับบริษัท SAAB AB ที่ประเทศสวีเดน ในวันที่ 25 สิงหาคมนี้ ตามมติ คณะรัฐมนตรี ที่อนุมัติหลักการโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง ( วงเงิน 19,500 ล้านบาท ) การจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนครั้งนี้ ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถด้านความมั่นคงทางทหาร ในการเสริมศักยภาพป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของคนไทยทุกคน และยังเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจ สังคม การศึกษา และเทคโนโลยี ในการลงนามจัดซื้อ “กริพเพน” 25 สิงหาคมนี้ ทางประเทศสวีเดน จะมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสวีเดน เข้าร่วมในฐานะสักขีพยาน “มาริษ” ร่วมเป็นสักขีพยานจัดซื้อ “กริพเพน” […]

IOT ลุยบ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านเขมรรุกล้ำอธิปไตยไทย

22 ส.ค.- IOT ลงพื้นที่บ้านหนองจาน สำรวจหมู่บ้านกัมพูชาปลูกรุกล้ำอธิปไตยไทย ชาวบ้านบอกแค้นใจ โดนเขมรยึดแผ่นดิน เมื่อเวลา 16.00 น. ที่ ต.หนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว กองทัพไทยนำคณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว (IOT) 8 ประเทศ ลงพื้นที่ชายแดนไทย–กัมพูชา ตรวจสอบข้อเท็จจริงถึงการรุกล้ำอธิปไตยแผ่นดินไทยของกัมพูชา และรายงานถึงหลักเขตที่ 46 – 48 ที่อยู่ด้านในพื้นที่ พร้อมรับทราบมาตรการควบคุมและป้องกันการกระทำผิดกฎหมายข้ามชาติ เช่น อาชญากรรมออนไลน์ และการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทันทีที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว เดินสำรวจพื้นที่ ได้พบกับหมู่บ้านขนาดเล็ก พร้อมซากอาคาร บ้านเรือน และโรงงานที่ชาวกำพูชาได้ลักลอบมาสร้างไว้กว่า 200 ครอบครัว โดยก่อนหน้านั้นทหารได้ผลักดันให้ออกนอกพื้นที่โดยไม่ได้มีการใช้อาวุธแต่อย่างใด หลังจากดำเนินการเรียบร้อยแล้วได้มีการนำสแลน และวางแนวรั้วลวดหนาม เพื่อเป็นแนวป้องกัน ไม่ใช่การวางเพื่อกำหนดเส้นเขตแดน ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ช่วงที่คณะผู้สังเกตการณ์ชั่วคราว และสื่อมวลชนลงพื้นที่ มีชาวกัมพูชาพยายามที่จะมาแอบดูตามแนวปิดกั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารต้องขอความร่วมมือไม่ให้เข้าไปใกล้ในบริเวณดังกล่าวมากจนเกินไป -สำนักข่าวไทย