ทำเนียบฯ 20 ก.ค.- นายกฯ ออกรายการ “คุยกับเศรษฐา” เทปพิเศษ เผยรัฐบาลดำเนิน 10 โครงการเฉลิมพระเกียรติในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบฯ เตรียมส่งมอบที่ดินทำกิน 72,000 ไร่ พัฒนาคุณภาพชีวิตให้ประชาชน เชิญชวนทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมการดำเนินโครงการ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พูดในรายการ “คุยกับเศรษฐา” เทปพิเศษ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ในเวลา 08:00 น. ถึง 08:30 น. โดยมี น.ส. ชุติมา พึ่งความสุข เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึง 10 โครงการเฉลิมพระเกียรติ ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 ว่า หลังจากได้รับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ไปกับหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้มีการนำเสนอโครงการพระราชดำริในเชิงลึก ทำให้รัฐบาลทราบถึงความยากลำบากว่าจะต้องใส่ใจและใส่เงินเข้าไป เพราะ ผลจะเกิดขึ้นกับประชาชนในเชิงบวก ทั้งเรื่องของปากท้อง การเปลี่ยนแปลงอาชีพ หรือเรื่องที่ทำแบบไม่ถูกกฎหมาย มาเป็นแบบที่ถูกกฎหมาย โดยเฉพาะเรื่องของการทำกินก็ได้เห็นชัดเจนขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ทรงห่วงใยประชาชน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความยากลำบาก อยู่ไกลความเจริญ ประชาชนส่วนนั้นใช้ชีวิตโดยพึ่งพาการเกษตรในการประกอบอาชีพ ดังนั้นเรื่องของน้ำ เรื่องของการไม่ลุกล้ำป่าเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ของคน ทั้งเรื่องสาธารณสุข การศึกษา ก็สามารถ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นในทุกๆมิติ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เนื่องในโอกาสปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระชนม์มายุ 72 พรรษา จึงถือเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเราในฐานะประสบนิกรจะร่วมกันเฉลิมฉลองปีมหามงคลนี้ โดยรัฐบาลได้น้อมนำโครงการพระราชดำริต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องป่า เรื่องน้ำ เรื่องคนมาบรรจุในโครงการที่เราทำขึ้นมา ซึ่งรัฐบาลได้ร่วมกัน กับภาคเอกชนและองค์กรต่างๆคัดเลือกกว่า 600 โครงการ เหลือ 10 โครงการหลัก ส่วนที่เหลืออีก 500 กว่าโครงการก็ยังคงดำเนินการต่อ โดย 10 โครงการเป็นเรื่องป่า น้ำ และคน
นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงโครงการยกระดับสวนสาธารณะบึงหนองบอนและPocket Park 72 แห่ง ว่า โครงการบึงหนองบอนอยู่ใกล้กับสวนหลวง ร.9 มีพื้นที่หลาย 100 ไร่ และมีบึงอยู่แล้วซึ่งรัฐบาลได้ไปสำรวจมาอยากให้มีการพัฒนาเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่แห่งหนึ่ง ตนและคณะรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่พบว่ามีต้นไม้ที่ดี มีสระน้ำที่ใหญ่ พร้อมในการพัฒนาให้เป็นสวนสุขภาพได้ เป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน ถือเป็นสวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดใน 72 สวนสาธารณะที่รัฐบาลจะทำโครงการ เพราะบางพื้นที่มีแค่ไร่เดียวหรือ 2งาน แต่อยู่ใกล้กับพื้นที่ที่มีความแออัดสูง ซึ่งการพัฒนาพื้นที่เหล่านี้ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของคนกรุงฯ เนื่องจากปัจจุบันที่อยู่อาศัยอาจมีความคับแคบจึงต้องการพัฒนาให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจเป็นสถานที่ในการออกกำลังกาย และอาจจะเป็นสวนสาธารณะเล็กๆ ที่มีสนามกีฬาเพื่อให้เด็กและเยาวชนรวมถึงประชาชนทั่วไปมาออกกำลังกายกันได้
ส่วน โครงการ 72 ล้านต้น พลิกฟื้นผืนป่า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเรื่องของสภาพแวดล้อมถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยรัฐบาลและกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้มีการแจกต้นกล้าให้กับหน่วยงานต่างๆนำไปปลูกทุกทุกจังหวัดของประเทศไทย อย่างที่ทราบกันดีว่าปัจจุบันมีการทำไร่เลื่อนลอยต่างๆ รัฐบาลพยายามที่จะแก้ไขปัญหาควบคู่กับเรื่องของการทำมาหากิน เมื่อมีการตัดป่าก็ต้องมีการปลูกทดแทน เพื่อเสริมระบบนิเวศให้สมบูรณ์ และการรักษาหน้าดิน ทำให้มีฝนตกที่ดีพอก็ก่อให้เกิดแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติตามมา ส่งผลครอบคลุมทุกมิติทั้งสิ่งแวดล้อมและเรื่องของเศรษฐกิจ
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งว่าทุกรัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เช่นเดียวกันกับรัฐบาลชุดนี้เราไม่ได้โฟกัสเฉพาะเรื่องของสาธารณูปโภคอย่างสนามบินหรือแลนด์บริดจ์เพียงอย่างเดียว หากการดูแลไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งก็จะส่งผลกับมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมโหฬาร โดยรัฐบาลมีโครงการแหล่งน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ไขปัญหาภัยแล้งอันเนื่องมาจากพระราชดำริ 72 แห่ง
สำหรับโครงการพัฒนา 72 สายน้ำอย่างยั่งยืน นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าประเทศไทยโชคดีที่เรามีแม่น้ำใหญ่ๆอยู่เยอะ เป็นสายเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงเกษตรกรได้และประชาชนได้รับประโยชน์จากแม่น้ำในการอุปโภคบริโภค และการท่องเที่ยว แต่พบปัญหาเรื่องของความตื้นเขิน ตะกอน เรื่องขยะ ทำให้น้ำไหลไม่ดี รัฐบาลได้พยายาม แก้ไขปรับปรุง และยังเป็นที่มาของโครงการ 10 คลองสวย น้ำใส คนไทยมีสุข จากการลงพื้นที่พบว่าชุมชนที่อยู่ริมคลองได้มีการพัฒนา จัดที่อยู่อาศัยให้เป็นสัดส่วนมีทางเดิน ทำให้ประชาชนอยู่อย่างมีความสุข โดยเฉพาะคลองโอ่งอ่าง คลองหลอดหลังกระทรวงกลาโหมข้างกระทรวงมหาดไทย จากการลงพื้นที่ก็รู้สึกแปลกใจว่าคลองใสมาก มีปลา กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดี ซึ่งสมัยก่อนกรุงเทพเป็นเวนิสของตะวันออกก็ว่าได้ ซึ่งก่อนหน้าที่พระองค์ท่านทรงมีพระราชดำริให้ดูแลเรื่องคลองสวยน้ำใสพบว่าน้ำในคลองมีความขุ่นมีกลิ่น แต่หลังจากลงไปดำเนินโครงการก็พบว่าน้ำในคลองคลองใสขึ้น ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนที่อยู่ริมคลองไม่ใช่แค่มีสภาพอากาศที่ดีขึ้น แต่กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวได้ และมีร้านอาหารที่อร่อยหลายร้านถือเป็นนิมิตหมายที่ดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในการเข้าไปดำเนินโครงการต่างๆที่เกี่ยวพันกับความเป็นอยู่การดำเนินชีวิตของประชาชนที่มีอยู่อย่างยาวนาน สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เราจะไปสั่งการอย่างเดียวไม่ได้เพราะฉะนั้นต้องไปพูดคุยกันถ้าเกิดว่าความเป็นอยู่ดีก็จะมีรายได้เสริมที่ดีขึ้นด้วย
“ การทำความเข้าใจกับประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของการดำเนินวิถีชีวิต เช่น เรื่องการทิ้งขยะ ก็เป็นเรื่องสำคัญ เหมือนเวลาที่เราไปต่างประเทศอย่างที่เจนนีวา ก็จะพบว่าน้ำในคลองของเขาใสแจ๋ว ซึ่งหากมาดูบ้านเราพบว่าคลองหลายแห่งมีขยะน้อยลง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ไปจัดหาอุปกรณ์มาสำหรับแก้ไขปัญหา โดยเรื่องของคลองที่มีกลิ่นเหม็น ถ้ามีการลอกดินขึ้นมา อาจเกิดปัญหาตลิ่งทรุดได้ แต่ปัจจุบันได้นำเครื่องมือมาดูดหน้าดินที่มีแก๊สไข่เน่าทำให้ส่งกลิ่น เข้าสู่กระบวนการบำบัดน้ำแยกขยะออกจากดิน พวกพลาสติกทั้งหลาย ดินเมื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดก็จะนำไปทำปุ๋ยแล้วนำน้ำกลับคืนสู่แม่น้ำได้ กลับคืนสู่คลองได้ ซึ่ง 1 กิโลเมตร จะใช้ระยะเวลา 2 เดือนในการจะทำให้ น้ำในคลองใส“ นายกรัฐมนตรี ระบุ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถึงปัญหาที่ประชาชนสะท้อนมาในระหว่างการลงพื้นที่ว่า หนึ่งในหลายเรื่อง คือ เรื่องของสาธารณสุข เพราะฉะนั้นเราจึงมีโครงการพัฒนาเติมเต็มอุปกรณ์ให้กับโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช โรงพยาบาลชุมชนเฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลชัยพัฒน์ และหน่วยบริการปฐมภูมิ 72 แห่ง ซึ่งจากการลงพื้นที่ไปก็จะมีการเพิ่มเติมเรื่องของอุปกรณ์ และการต่อเติมอาคาร
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงโครงการหลอมรวมใจมอบน้ำใสสะอาดให้โรงเรียน ว่า ได้ลงพื้นที่ที่จังหวัดนนทบุรีเพราะเรื่องของน้ำถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งค่าใช้จ่ายเรื่องน้ำดื่มสูงมาก จึงทำเรื่องของน้ำดื่มได้ในโรงเรียน ทำให้น้ำใสสามารถอุปโภคบริโภคได้โดยไม่มีพิษ
ขณะที่โครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของประชาชน ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ปัญหาที่ดินทำกินยังคงเป็นปัญหา เพราะว่าสิ่งที่ทำกิน ที่ดินสามารถทำอะไรได้หลาย ๆ อย่าง เป็นต้นทุนในการหากระแสเงินสดหรือการเลี้ยงชีพก็ได้ โดยรัฐบาลทำงานร่วมกับกองทัพไทยในการที่จะมอบที่ดิน 72,000 ไร่ให้กับประชาชน ซึ่งจะมีการ Kick off เร็ว ๆ นี้ ณ จังหวัดนครพนม นอกเหนือจากการมอบที่ดิน เราก็ดูแลและซ่อมแซมบ้านทั่วประเทศด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง การดำเนินโครงการสำหรับกลุ่มคนพิการ โดยการจัดหากายอุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการ จำนวน 72,000 ชุด ซึ่งมีรถจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) ได้ปล่อยขบวนรถออกไป เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อนำอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปมอบให้ เป็นการยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของคนพิการ ผู้ป่วยติดเตียง หรือทุพพลภาพในบางมิติให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี พร้อมกันนี้ รัฐบาลได้ดำเนินโครงการบริจาคโลหิต 10,000,000 ซีซี ซึ่งเรื่องของการบริจาคโลหิตถือเป็นเรื่องใหญ่ ทุกวันนี้ยังมีคนที่ต้องการโลหิตอยู่จำนวนมาก เพราะฉะนั้นเรื่องของการให้ถือเป็นเรื่องสำคัญ การรณรงค์ทั้งเอกชนและหน่วยงานภาครัฐให้มีการบริจาคโลหิตตรงนี้ โดยเปิดให้มีการบริจาคโลหิตไปจนถึงสิ้นปีนี้ ประชาชนที่สนใจอยากเป็นผู้ให้ก็สามารถไปบริจาคโลหิตได้ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่งทั่วประเทศ และที่สภากาชาดไทย
นายกรัฐมตตรี ยังกล่าวเชิญชวนประชาชนเข้าร่วมโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ รวมถึงโครงการอื่น ๆ ของรัฐบาลที่ได้เปิดกว้างและอยากให้ประชาชนมีส่วนร่วม รวมถึงห้างร้าน และเอกชนต่าง ๆ ก็สามารถเข้ามามีส่วนร่วมในหลายสิบโครงการที่ได้มีการพูดถึง หรือโครงการย่อย ๆ อีก 500 กว่าโครงการ รัฐบาลขอเชิญชวนให้ทุกคนมีส่วนร่วมเข้ามาตรงนี้ ทั้งนี้ จากผลการดำเนินโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ได้รับการตอบรับด้วยดีจากทุกหน่วยงาน และทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นบริษัท รัฐวิสาหกิจ เอกชนต่าง ๆ ทำให้ผู้ที่ด้อยโอกาสสามารถยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของตัวเองขึ้นมาได้ ซึ่งโครงการเฉลิมพระเกียรติฯ ทั้ง 10 โครงการหลักของรัฐบาล จะดำเนินการอย่างต่อเนื่องไปจนถึงปลายปี และเชื่อว่าในวาระอื่น ๆ ในมิติอื่น ๆ รัฐบาลก็ยังเป็นผู้สนับสนุนเรื่องน้ำ เรื่องป่า และเรื่องคนต่อไป
“ผมเชื่อว่าการที่พระองค์ท่านทรงงานอย่างหนักท่านไม่ได้อยู่ในวังอย่างเดียว ท่านลงพื้นที่ค่อนข้างมาก มีการลงรายละเอียดแต่ละโครงการด้วยพระองค์เอง ทางเราเองก็มีการศึกษาติดตามโครงการพระราชดำริต่าง ๆ เวลาที่ผมลงพื้นที่ต่างจังหวัดต่าง ๆ ได้มีการเข้าถึงและเข้าใจถึงปัญหาต่าง ๆ ที่พระองค์ท่านพยายามจะทำ รัฐบาลมีหน้าที่ที่จะขับเคลื่อนหน่วยงานต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้รัฐบาล รัฐวิสาหกิจมีส่วนร่วมมาก และภาคเอกชน เราได้มีการพยายามเชิญเข้ามามีส่วนร่วมในการต่อยอดในการทำโครงการพระราชดำริต่าง ๆ” นายกรัฐมนตรี ระบุ .-316 -สำนักข่าวไทย