ฟัน 2 อดีต รมต.-2 ผู้บริหาร ก.แรงงาน หักหัวคิวแรงงานไปฟินแลนด์

กรุงเทพฯ 11 ม.ค. – ดีเอสไอ มีมติกล่าวหาอดีตรัฐมนตรี และผู้บริหารระดับสูง กระทรวงแรงงาน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ หลังพบหลักฐานพัวพันหักค่าหัวคิวส่งแรงงานไปฟินแลนด์ ความเสียหายรวม 36 ล้านบาท


วันนี้ คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีการค้ามนุษย์ กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ และพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ในฐานะพนักงานอัยการที่อัยการสูงสุด ที่ได้รับมอบหมายร่วมสอบสวน ได้มีมติกล่าวหาอดีตรัฐมนตรี 2 คน และผู้บริหารระดับสูง กระทรวงแรงงาน อีก 2 คน รวมทั้งหมด 4 คน ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 และมาตรา 157 ประกอบมาตรา 83 และมาตรา 86

คดีนี้ เริ่มจากกระทรวงการต่างประเทศ และสถานเอกอัครราชทูตกรุงเฮลซิงกิ ได้ให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยที่ไปทำงานเก็บผลไม้ป่าอย่างถูกต้องตามกฎหมายในฟินแลนด์ แต่กลับตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ในการเดินทางกลับไทย เมื่อช่วยเหลือแล้ว กระทรวงการต่างประเทศ จึงได้ส่งเรื่องให้ดีเอสไอสอบสวน โดยดีเอสไอพิจารณาแล้วได้รับเป็นคดีพิเศษ แต่เนื่องจากเห็นว่าเป็นคดีความผิดที่ส่วนหนึ่งเกิดนอกราชอาณาจักร จึงเสนอสำนวนการสอบสวนไปยังอัยการสูงสุด จากนั้น อัยการสูงสุดพิจารณาแล้ว ได้มอบหมายให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษทำการสอบสวนต่อไป และมีคำสั่งให้พนักงานอัยการมาร่วมสอบสวน และมีการขอความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อรวบรวมพยานหลักฐานจากฟินแลนด์ในความผิดฐานค้ามนุษย์


ต่อมา ฟินแลนด์ได้ส่งพยานหลักฐานสำคัญมาให้ และการสอบสวนปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีขบวนการสมคบระหว่างนักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และบุคคลธรรมดา ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์ จากบริษัทในฝั่งไทยที่ทำหน้าที่ประสานงานกับบริษัทนำเข้าแรงงานฟินแลนด์ หรือเรียกง่ายๆ คือ เรียกเก็บค่าหัวคิว 3,000 บาทต่อแรงงานไทย 1 คน ทั้งๆ ที่ไม่มีสิทธิ์เรียกเก็บตามกฎหมาย ขณะที่ บริษัทประสานงานฝั่งไทย ได้นำค่าหัวคิวที่ถูกเรียกเก็บ มาเรียกเก็บจากคนงานที่ไปทำงานนอกเหนือจากค่าใช้จ่ายตามจริง

และในปี 2563 – 2566 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการดำเนินคดี มีผู้อยู่ในข่ายต้องเสียค่าใช้จ่ายมากถึง 12,000 คน หรือคิดเป็นเงินรวมประมาณ 36 ล้านบาท

สำหรับคดีนี้ นับว่าเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการสอบสวนผู้กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ เพราะหลังจากนี้ ดีเอสไอและพนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด จะต้องส่งต่อสำนวนการสอบสวนให้กับ ป.ป.ช. ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป แต่ในข้อกล่าวหาที่ว่า กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการที่ได้กล่าวหากับ 2 อดีตรัฐมนตรี และ 2 ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงแรงงาน ถือว่าหนักพอสมควร


โดยความผิดอาญามาตรา 149 คือ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติ เรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนบาทถึงสี่แสนบาท หรือประหารชีวิต มาตรา 157 เป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนมาตรา 83 ว่ากันด้วยเรื่อง “ตัวการ” ได้บัญญัติว่า “ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น” คำว่า “ตัวการต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้” หมายความว่า ตัวการแต่ละคนต้องรับโทษตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งแต่ละคนอาจจะได้รับโทษ เท่ากันจริง ๆ ก็ได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพฤติการณ์และการกระทำของแต่ละคนซึ่งจะอยู่ในดุลพินิจของศาล ขณะที่ มาตรา 86 เรื่องของการ “สนับสนุน” ระบุไว้ว่า “ผู้ใดกระทำการอันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการกระทำผิด แม้ผู้กระทำความผิดไม่ได้รู้ถึงการช่วยเหลือหรือให้ความสะดวก ผู้สนับสนุนต้องได้รับโทษสองในสามส่วน ของโทษที่กำหนดไว้สำหรับผู้กระทำความผิด

ด้านพันตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ยืนยันคดีนี้เจ้าหน้าที่มีหลักฐานชัดว่า 4 ผู้ถูกกล่าวหา เรียกเก็บค่าหัวคิว และลอยแพแรงงาน โดยหลักฐานที่ได้เป็นเส้นทางการเงินที่ส่วนใหญ่ได้รับจากตำรวจฟินแลนด์ ส่วนผู้ร้องยังมีทั้งจากคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน และแรงงานที่ชัยภูมิ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก