แรงงานไทยเผยสถานการณ์รุนแรง อยู่ต่อไม่ไหวตัดสินใจกลับ

บน.6 / 22 ต.ค.- แรงงานไทยรอบที่ 3 ของกองทัพอากาศ ก้มกราบแผ่นดิน หลังถึงมาตุภูมิ เผยสถานการณ์รุนแรง อยู่ต่อไม่ไหวตัดสินใจกลับไทย รอสถานการณ์สงบพร้อมกลับอิสราเอล


เมื่อเวลา 12.20 น. เครื่องบิน A340-500 ของกองทัพอากาศ เที่ยวบินที่ 3 RTAF229 ที่เดินทางไปอพยพคนไทยในอิสราเอล เดินทางถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 โดยมีแรงงานไทยจากอิสราเอล จำนวน 139 คน แบ่งเป็นผู้ชาย 136 คน และผู้หญิง 3 คน โดยทันทีที่ลงจากเครื่องบิน แรงงานบางคนได้ก้มกราบผืนแผ่นดินไทย หนึ่งในนั้น คือ นายนิทัศน์ พันธศรี ชาวจังหวัดหนองคาย ซึ่งไปทำงานทางตอนเหนือติดกับพื้นที่เลบานอน เปิดใจว่า ที่ก้มกราบแผ่นดินไทย เพราะปราบปลื้ม หลังจากบ้านไป 3 ปี อยู่ที่นั่นต้องไปวิ่งหลบกระสุน และวันนี้รอดตายกลับมาได้ ซึ่งตนต้องไปวิ่งหลบอยู่ในห้องน้ำบ้าง หลบอยู่ในห้องพักและออกนอกห้องไม่ได้ หากออกไปก็อาจจะโดนกระสุน โดยสถานการณ์หนักที่สุดในช่วงวันที่ 16-18 ตุลาคมที่ผ่านมา เนื่องจาก กองโจรมีการสาดไฟเข้ามาภายในห้องที่ตนพักอาศัยอยู่ เพื่อที่จะกราดยิง ส่วนตัวไม่รู้จะทำอย่างไรโทรหานายจ้างช่วงตี 2 ก็ไม่ติด เพราะช่วงตีสองแล้วตี 3 จะเป็นช่วงที่หนักสุดเพราะมีการทิ้งบอมลงมา ในจุดที่ตนพักอาศัยอยู่ มีแคมป์คนงานด้วยกัน 6 – 7 แคมป์ จำนวนคนไม่มาก แต่ตนเองรู้สึกไม่ไหว และได้ขอกับนายจ้างว่าจะขอกลับไปพัก จากนั้นนายจ้างจึงได้ประสานกับทางการไทยเพื่อประสานให้ออกจากพื้นที่เสี่ยงและเดินทางกลับประเทศไทย ทั้งนี้ส่วนตัวจะเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลหลังจากสงครามสงบเพราะได้พูดคุยกับนายจ้างเอาไว้ เนื่องจากต้นเพิ่งเดินทางไปทำงานได้เพียง 2 ปี 8 เดือนเท่านั้น นอกจากนี้ตอนนี้ยังมีเพื่อนแรงงานไทยที่ยังอยู่ที่อิสราเอลและสอบถามตนว่าทำอย่างไรถึงจะได้กลับไทย ตนจึงให้คำแนะนำ

ด้านนายจรัส ส่วนศรี ชาวจังหวัดสิงห์บุรี หนึ่งในแรงงานไทยในอิสราเอล เปิดใจว่า ทันทีที่เดินทางถึงประเทศไทยได้ก้มลงกราบผืนแผ่นดิน ตนเองดีใจที่ได้เดินทางกลับมาด้วยความปลอดภัย และที่ก้มลงกราบนั้น เพราะแม่บอกมา ให้กราบแผ่นดินไทยทันทีที่ถึง จึงต้องการให้แม่สบายใจ ทั้งนี้ ตนเองไปทำงานที่อิสราเอลเป็นระยะเวลา 2 ปี 8 เดือน และหลังจากนี้จะไม่เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลอีกแล้ว


ส่วนนายชูชีพ หนึ่งในแรงงานไทย เล่าว่า ตนเองทำงานอยู่ภาคเหนือของกาซา ซึ่งความไม่สงบระดับภาคพื้นดินการยังมาไม่ถึง แต่ช่วงเช้าวันที่ 8 ต.ค. นายจ้างพาออกมาก่อนไปทางภาคเหนือเนื่องจากเป็นห่วง และไม่นานเมื่ออพยพมาแล้วก็ยังมีการยิงสู้รบตนจึงตัดสินใจเดินทางกลับไทย ซึ่งตนเอง อยากเดินทางกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีก แม้จะเคลียร์ปัญหาหนี้สินหมดแล้วแต่อยากกลับไปทำงานเพื่อเก็บเงิน พร้อมฝากถึงคนไทยที่ยังอยู่ให้กลับ และขอบคุณเจ้าหน้าที่สถานทูตไทย ณ กรุงเทลอาวีฟ ที่ดูแลเป็นอย่างดี รวมถึงกองทัพอากาศที่เดินทางไปรับที่สนามบินด้วย

ขณะที่นายธีรวัฒน์ คำกองแพง ชาวนครพนม บอกกับทีมข่าวสำนักข่าวไทย ว่า สถานการณ์สู้รบในพื้นที่ถือว่ารุนแรง ซึ่งตอนแรกตัดสินใจยังไม่อยากเดินทางกลับเนื่องจากได้ค่าจ้างดี แต่พอสถานการณ์เริ่มหนักขึ้น จึงตัดสินใจเดินทางกลับมาในรอบนี้ โดยจะกลับไปทำงานที่อิสราเอลอีกครั้งหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย เนื่องจากต้องการอยากเก็บเงิน ภายหลังยืมเงินญาติพี่น้องเพื่อไปทำงานที่อิสราเอล พร้อมฝากบอกแรงงานไทยที่ยังไม่ตัดสินใจเดินทางกลับขอให้ดูแลตัวเองให้ดี

ด้านนาวาอากาศเอกเจริญ วัฒนศรีมงคล ในฐานะหัวหน้าชุดปฏิบัติการ นักบินกองทัพอากาศภารกิจนำคนไทยกลับจากอิสราเอล รอบที่3 เปิดเผยว่า ตามแผน ที่กระทรวงการต่างประเทศแจ้งว่าในรอบที่3 จะมีผู้เดินทางกลับ 140 คน แต่มี 1 คนไม่สามารถติดต่อได้ ส่วนการบินเที่ยวที่ 3 ของกองทัพอากาศใช้เวลาสั้นลง ขาไปใช้เวลา 9 ชั่วโมง ขากลับใช้เวลา 8.30 ชั่วโมง ทำให้ประหยัดเวลา และหยัดเชื้อเพลิง ลดความเหนื่อยล้าของแรงงานไทย


ขณะที่การบินของกองทัพอากาศในรอบที่ 4 จะไปรับที่สนามบินฟูไจราห์ นครดูไบ ซึ่งจะทำให้เพิ่มเครื่องบินอื่นได้มากขึ้น เช่น c-130 รวมถึงสายการบินพาณิชย์จะทำให้สามารถนำคนไทยกลับประเทศได้จำนวนมากขึ้น ทั้งนี้ C-130 ยังไม่นำมาปฏิบัติการแต่ได้เตรียมความพร้อมไว้ตลอดเวลา .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ส่งชาวจีนกลับบ้าน

เสร็จสิ้นภารกิจส่ง 621 เหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์กลับจีน

จบภารกิจส่งชาวจีนเหยื่อแก๊งคอลเซ็นเตอร์และสแกมเมอร์เมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา รวม 3 วัน 13 เที่ยวบิน ส่งกลับชาวจีน 621 คน ที่เหลือต้องรอการเจรจา 3 ฝ่าย ไทย จีน และเมียนมา กำหนดแนวทางรับตัวอีกครั้ง

ทำบุญครบรอบแตงโมเสียชีวิต

เพื่อนสนิททำบุญครบรอบ 3 ปี “แตงโม” เสียชีวิต

กลุ่มเพื่อนสนิทของ “แตงโม ภัทรธิดา” นักแสดงสาวผู้ล่วงลับ จัดพิธีทำบุญครบรอบ 3 ปี การเสียชีวิตของนางเอกคนดัง ที่วัดปากน้ำ ซ.พิบูลสงคราม 1 อ.เมือง จ.นนทบุรี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง