ขึ้นแน่! ค่าแรงขั้นต่ำ รมว.แรงงาน ถกเอกชน ก่อนชง ครม.

กรุงเทพฯ 15 ก.ย.- รมว.แรงงาน ถก ส.อ.ท. หารือแนวทางปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ก่อนเสนอ ครม. 25 ก.ย.นี้ เพื่อให้อนุมัติภายใน พ.ย. เป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย ขณะที่เอกชนเสนอปรับไทยเป็นประเทศ ODM แทน OEM และใช้เทคโนโลยีดิจิทัล แทนแรงงาน

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นำทีมผู้บริหารกระทรวงแรงงาน หารือนายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และคณะกรรมการ ส.อ.ท. เพื่อหารือเกี่ยวกับประเด็นการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ และการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน ณ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย


นายพิพัฒน์ กล่าวว่า กระทรวงแรงงาน มีบทบาทหน้าที่หลักในการพัฒนาศักยภาพแรงงานและผู้ประกอบการให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน นอกจากนี้ยังมีการคุ้มครองและเสริมสร้างหลักประกันในการทำงาน และคุณภาพชีวิตที่ดี การบริหารจัดการด้านแรงงานระหว่างประเทศ การพัฒนากลไกในการสร้างความสมดุลของตลาดแรงงาน การบริหารจัดการองค์กร บุคลากร และเสริมสร้างการมีส่วนร่วมในองค์กร รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและสารสนเทศ เพื่อบูรณาการสารสนเทศที่ทันสมัย และมีเสถียรภาพ

“ภายหลังที่ได้มีการแถลงนโยบายตอนช่วงหาเสียง วันนี้กระทรวงแรงงานได้เดินทางมาที่ ส.อ.ท. เนื่องจาก ส.อ.ท. เป็นตัวแทนภาคเอกชนที่มีความเข้าใจในปัญหาแรงงาน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับภาคอุตสาหกรรม และวันนี้เราต้องการมาเพื่อรับทราบความคิดเห็น และอยากหารือเรื่องค่าแรงขั้นต่ำ เพราะขณะนี้ทุกภาคส่วนมีความกังวล โดยจะนำข้อเสนอที่ได้รับในวันนี้ไปหารือต่อ เพื่อแก้ปัญหาให้ตรงจุด โดยไม่กระทบต่อนายจ้างและลูกจ้างสามารถยอมรับได้” นายพิพัฒน์ กล่าว


นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ส.อ.ท. ขอขอบคุณทางกระทรวงที่เห็นความสำคัญของภาคเอกชน และยินดีร่วมมือกันเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างทั่วถึงและยั่งยืน โดยนายเกรียงไกรได้นำเสนอยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนอุตสาหกรรม ส.อ.ท. ที่มีการขับเคลื่อนทั้งอุตสาหกรรมเดิม (First Industries) ในการยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และอุตสาหกรรมใหม่หรืออุตสาหกรรมแห่งอนาคต (Next-GEN Industries) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้อุตสาหกรรมไทย เพื่อประเทศไทยที่เข้มแข็งกว่าเดิม

ปัจจุบันอุตสาหกรรมกำลังได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ภูมิรัฐศาสตร์ และต้องปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุคดิจิทัล โดยเราได้ทำการวิเคราะห์และพบว่าการจะทำให้อุตสาหกรรมอยู่รอด สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ 1) เปลี่ยนจาก Original Equipment Manufacturer-OEM (ผู้รับจ้างผลิต) เป็น Original Design Manufacturer-ODM (ผู้รับจ้างที่ออกแบบและผลิตสินค้าให้กับบริษัท) และ Original Brand Manufacturer-OBM (ผู้ผลิตภายใต้รูปแบบและตราสินค้าของตนเอง) 2) เปลี่ยนจากใช้แรงงานเป็นใช้เทคโนโลยีดิจิทัล เครื่องจักร และระบบ Automation 3) เปลี่ยนจากผลิตเพื่อกำไร เป็นการผลิตควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อม และ 4) เปลี่ยนจากแรงงานไม่มีฝีมือ (Unskilled labor) เป็นแรงงานที่มีฝีมือขั้นสูง (High-skilled labor) ผ่านการเสริมสร้างทักษะ

“อย่างที่เราทราบกัน ประสิทธิภาพแรงงานไทยในกลุ่มอาเซียน ยังไม่สามารถเทียบเท่าเวียดนามและอินโดนีเซียได้ เนื่องจากยังไม่สามารถฟื้นตัวจากผลกระทบของโควิด-19 ได้เต็มที่นัก ด้วยเหตุนี้ เราจึงต้องรีบเร่งเพิ่มประสิทธิภาพแรงงานไทย เพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศต่างๆ ได้ เราต้องทำงานเป็นปาท่องโก๋กัน เพราะอุตสาหกรรมจะเติบโตได้ ต้องมีกระทรวงแรงงานคอยสนับสนุน” นายเกรียงไกร กล่าว


นายสุชาติ จันทรานาคราช รองประธาน ส.อ.ท. และประธานสายงานแรงงาน ได้กล่าวถึงข้อเสนอด้านแรงงานที่ต้องการให้กระทรวงแรงงานช่วยผลักดัน ประกอบด้วย 8 ประเด็นหลักๆ คือ

1.เพิ่มผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity) เพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยกับประเทศคู่แข่ง และผลักดันประเด็นผลิตภาพแรงงานเป็นวาระแห่งชาติ รวมทั้งต้องมีการพัฒนาทักษะให้ตรงความต้องการของผู้ประกอบการและตลาดแรงงาน เพื่อสอดรับเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยภาครัฐควรมีการสนับสนุนงบประมาณ และประสานความร่วมมือภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคเอกชน ภาคการศึกษา จัดทำหลักสูตรการเรียนการสอน สนองความต้องการตลาดแรงงาน (STEM)
2.ส่งเสริมและพัฒนา SMEs ในการนำระบบ Automation มาปรับใช้ โดยภาครัฐควรมีนโยบายและจัดสรรงบประมาณมาใช้ในระบบบริหารจัดการและการผลิตให้มีประสิทธิภาพ เพื่อทดแทนกำลังแรงงานที่ขาดแคลน และสร้างความสามารถในการแข่งขัน
3.จัดทำฐานข้อมูล (Big Data) ที่ทันสมัย ถูกต้องแม่นยำและครบถ้วน เพื่อบริหารจัดการอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ด้านแรงงาน แก้ไขปัญหาการทำงานไม่ตรงกับทักษะ (Mismatching) และการขาดแคลนแรงงาน โดยมีหน่วยงานเฉพาะกิจมารับผิดชอบ เพื่อวางแผน รวบรวม ประมวลข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแรงงาน เพื่อใช้ในการพัฒนากำลังคน สร้างความสมดุลด้านกำลังแรงงาน
4.กระชับความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคการศึกษา และภาคเอกชน ในการผลิตบุคลากรตามความต้องการของตลาดแรงงาน (STEM) ให้มีปริมาณและคุณภาพที่เพียงพอ
5.แก้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานต่างด้าว โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องปรับปรุงกฎหมายและข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและจ้างงานแรงงานต่างด้าวให้มีประสิทธิภาพ ลดขั้นตอน และค่าใช้จ่าย เพื่อลดภาระผู้ประกอบการที่ใช้แรงงานต่างด้าว นอกจากนี้ ควรมีการจัดทำยุทธศาสตร์การบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวระยะยาว เช่น เจรจากับประเทศต้นทางในการปรับปรุงบันทึกข้อตกลงฯ หรือ MOU ที่ไทยทำกับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสนองความต้องการของภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมไทย
6.แก้ไขปัญหาประเทศไทยเข้าสู่สังคมสูงวัย เพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนแรงงาน โดยภาครัฐควรออกมาตรการจูงใจผู้ประกอบการ ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงวัย ลดการขาดแคลนแรงงาน ลดปัญหาครอบครัวและสังคม เช่น ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงวัยที่มีทักษะและความเชี่ยวชาญ ออกมาตรการลดหย่อนภาษี และมาตรการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยหารือกับทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาทักษะผู้สูงอายุทั้งด้าน Upskill และ Reskill รวมทั้งส่งเสริมผู้สูงอายุปรับตัวตามตลาดแรงงานที่เปลี่ยนแปลงไป
7.เพิ่มรายได้ให้กับแรงงาน สนับสนุน ส่งเสริมให้จ่ายค่าจ้างตามมาตรฐานฝีมือแรงงาน (Pay by Skills) เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับนายจ้าง และสามารถลดต้นทุนต่อหน่วย ปรับปรุงระบบสวัสดิการแรงงานเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงาน เช่น ลดค่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานของครัวเรือน ค่าเล่าเรียนบุตร เป็นต้น เพื่อลดภาระให้กับแรงงานและสามารถดำรงชีพได้
8.ออกนโยบายการปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง

“การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ ควรเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการค่าจ้างไตรภาคีแต่ละจังหวัดเป็นผู้พิจารณาให้สอดคล้องกับปัจจัยทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ อัตราการเจริญเติบโตของ GDPs ความเดือดร้อนของลูกจ้าง ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง และผลิตภาพแรงงาน ให้ปราศจากการแทรกแซงจากหน่วยงานภายนอก การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เราจะไม่ได้มีการจ่ายแบบเหมารวม แต่เราจะจ่ายตามทักษะ หรือที่เรียกว่า Pay by Skills เพราะหากจ่ายค่าจ้างขั้นต่ำแก่แรงงานที่ไม่มีประสบการณ์ ก็จะสร้างความไม่ยุติธรรมต่อแรงงานที่มีประสบการณ์” นายพิพัฒน์ กล่าว

ภายหลังจากการหารือ กระทรวงแรงงานให้ความมั่นใจว่า การปรับค่าแรงขั้นต่ำ จะต้องเกิดขึ้นแน่นอนภายในปี 2567 โดยจะมีการหารือในรายละเอียดทั้งในส่วนของแรงงานไทยและแรงงานเพื่อนบ้าน เพื่อเสนอเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาในวันที่ 25 กันยายนนี้ เพื่อหาข้อสรุปและประกาศออกมาภายในเดือนพฤศจิกายน เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ให้คนไทย.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า

อุตุฯ เผยไทยตอนบน อุณหภูมิขยับลงอีก 1-2 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยไทยตอนบนอากาศหนาวเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลงอีก 1 – 2 องศาฯ ยอดดอยและยอดภูหนาวจัด มีน้ำค้างแข็งบางแห่ง

ยิงพรานล่าหมูป่า

เพื่อนรับเป็นคนยิงนายพรานวัย 52 อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า

เพื่อนเปิดปากรับสารภาพเป็นคนใช้อาวุธปืนยิงนายพรานวัย 52 ปี เสียชีวิตในสวนผลไม้ อ้างคิดว่าเป็นหมูป่า ยืนยันไม่ได้มีปัญหาหรือมีเรื่องกันมาก่อน