หลายร้อยชีวิต บนซากปรักหักพัง เหตุโกดังพลุระเบิด

นราธิวาส 31 ก.ค.-เหตุการณ์โกดังเก็บพลุและดอกไม้ไฟระเบิดในตลาดมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อช่วงบ่ายวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่หลายฝ่ายยังคงสนธิกำลังลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ ล่าสุดมีผู้ประสบภัยเข้าแจ้งขอรับความช่วยเหลือจากเหตุการณ์ในครั้งนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมแล้วกว่า 300 คน


ชาวบ้านในชุมชนมูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส หลายร้อยชีวิต ต้องเผชิญการใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังและความมืดมิด จากผลกระทบโกดังเก็บพลุและดอกไม้ไฟระเบิดเมื่อวันที่ 29 ก.คที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความสูญเสียที่เกิดขึ้น ความช่วยเหลือจากหลายภาคส่วนยังคงหลั่งไหลสู่ชุมชนแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะวันนี้มีความชัดเจนเรื่องการช่วยเหลือเยียวยาจากทางรัฐบาลว่าจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวผู้ประสบเหตุและเสียชีวิตอย่างไร แต่ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากทางเจ้าของโกดัง ซึ่งเป็นต้นเหตุของการระเบิดในครั้งนี้ แม้ว่าตำรวจจะออกหมายเรียกไปแล้วตั้งแต่เมื่อวานนี้


บรรยากาศในพื้นที่ ต.มูโนะ อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส แม้วันนี้จะย่างเข้าสู่วันที่ 3 หลังเกิดเหตุแต่บรรยากาศยังเงียบเหงาและเป็นไปอย่างโศกเศร้า เพราะหลายครอบครัวต้องสูญเสียบุคคลที่รักไปอย่างไม่มีวันกลับ และอีกนับร้อยครอบครัวแทบกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว เพราะทรัพย์สินเสียหายไปพร้อมกับเปลวเพลิงและแรงระเบิด

วันนี้ผู้ประสบเหตุส่วนใหญ่กลับเข้ามาสำรวจความเสียหายภายในบ้านอีกครั้ง เพื่อประเมินว่ามีทรัพย์สินอะไรเสียหายบ้าง และจะต้องซ่อมแซมในส่วนไหนอย่างไร เพื่อรวบรวมข้อมูลแจ้งให้กับทางภาครัฐประเมินว่าเข้าหลักเกณฑ์การช่วยเหลือข้อไหน

วันนี้นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ลงพื้นที่เยี่ยมและให้กำลังใจผู้ประสบเหตุในพื้นที่ด้วย พร้อมระบุว่า ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ พร้อมฝากถึงกระทรวงมหาดไทยกำชับผู้ที่เกี่ยวข้องให้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกรณีการลักลอบเก็บสะสมประทัด พลุ และดอกไม้ไฟ ในพื้นที่ต่างๆ ไม่เฉพาะแค่ในพื้นที่ควบคุมพิเศษเช่น 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ต้องกำชับให้ตรวจตราเข้มในพื้นที่ทั่วทั้งประเทศ เพื่อป้องกันการเกิดโศกนาฏกรรมเหมือนเช่นในครั้งนี้


ส่วนภาพรวมความเสียหายจนถึงเวลานี้ นายสนั่น พงษ์อักษร ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ระบุว่า ขณะนี้มีประชาชนผู้ได้รับผลกระทบมาลงทะเบียนแล้วทั้งสิ้นรวม 365 คน ส่วนตัวเลขผู้สูญหายขณะนี้ไม่มีแล้ว เช่นเดียวกับผู้เสียชีวิตที่ตัวเลขคงที่แล้วอยู่ที่ 12 คน เบื้องต้นสำหรับผู้เสียชีวิต จะได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรีแบ่งออกเป็นค่าจัดการศพ รายละ 50,000 บาท เงินทุนเลี้ยงชีพแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต ครอบครัวละ 30,000 บาท

ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 121 คน ขณะนี้มีที่ยังคงอาการหนัก 1 คน อีก 9 คนปลอดภัยแล้ว ส่วนที่เหลืออีก 101 คนกลับบ้านได้แล้ว เบื้องต้นจะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 30,000 บาท และได้รับเงินทุนเลี้ยงชีพผู้บาดเจ็บทั่วไป รายละ 15,000 บาท กรณีบ้านเรือนเสียหาย ค่าวัสดุในการก่อสร้าง/ซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหาย ตามความเสียหาย เท่าที่จ่ายจริง ไม่เกินหลังละ :230,000 บาท
: เสียหายมาก (30% – 70%) 70,000 บาท
: เสียหาย (น้อยกว่า 30%) 15,000 บาท
ค่าเครื่องอุปโภค และเครื่องใช้อื่น ๆ ที่จำเป็น (เฉพาะบ้านเรือนที่เสียหายทั้งหลัง และเสียหายมาก) ครัวเรือนละ 5,000 บาท

ส่วนความคืบหน้าเรื่องของคดีวันนี้ พล.ต.ท.นันทเดช ย้อยนวล ผู้บัญชาการตำรวจภูธร ภาค 9 ลงพื้นที่ตรวจสอบ พร้อมเปิดเผยว่า หลังจากตำรวจได้ออกหมายเรียกเจ้าของโกดังมาสอบสวนตั้งแต่วานนี้ ล่าสุดติดต่อเข้ามาว่าจะเข้ามาพบกับตำรวจในวันพรุ่งนี้ แต่ถ้าไม่มาก็จะออกหมายจับต่อไป

อย่างไรก็ตาม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 ไม่ได้ให้ข้อมูลว่าขณะนี้เจ้าของโกดังซึ่งก่อนหน้ามีข้อมูลว่าเดินทางไปท่องเที่ยวอยู่ต่างประเทศได้เดินทางกลับเข้ามายังประเทศไทยแล้วหรือไม่ แต่ยอมรับว่าเจ้าของกิจการรายนี้เคยมีประวัติถูกจับเดินคดีในฐานครอบครองประทัด ดอกไม้เพลิงมาแล้วเมื่อปี พ.ศ.2559 หรือเมื่อราว 7 ปีก่อน ซึ่งทางตำรวจได้สั่งฟ้องและดำเนินคดีไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังมีการลักลอบกลับมากกระทำความผิดซ้ำอีก

เบื้องต้นตำรวจเตรียมแจ้ง 3 ข้อหา คือ การทำให้ให้เกิดการระเบิด ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ และทรัพย์สินเสียหายเป็นจำนวนมาก และข้อหาความผิดเรื่องการครอบครองจำพวกระเบิดเพลิงและพื้นที่จังหวัดภาคใต้ เป็นพื้นที่เฉพาะในเรื่องของความมั่นคงในการจำหน่ายดอกไม้เพลิง ส่วนจะมีการแจ้งข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติมหรือไม่นั้นต้องรอการสอบสวนเพิ่มอีกครั้ง

ส่วนดอกไม้เพลิงที่อยู่ในโกดัง ทางชุดเก็บกู้ระเบิดที่คำนวณจากหลุมที่โดนระเบิด เบื้องต้นพบมากกว่า 1,000 กิโลกรัม ส่วนการตรวจสอบว่าดอกไม้เพลิงเข้ามาถูกต้องหรือไม่ตอนนี้ได้สั่งการไปแล้วว่าวัตถุพวกนี้ต้องมีที่มาที่ไป มีขบวนการระหว่างเส้นทาง โดยจะมีกฏหมายเข้ามาควบคุมอยู่แล้ว เริ่มตั้งแต่การผลิต ขนส่ง เก็บรักษา และการขาย ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการในการรวจสอบ นอกจากนี้ยังตรวจสอบว่ามีขายที่ไหนบ้าง ลูกค้ามีใครบ้าง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเจ้าของจะต้องมีเอกสารมาชี้แจง เรื่องนำเข้าและการส่งออก ส่วนการก่อสร้างลักษณะโกดังเก็บประทัด ดอกไม้ไฟต้องมีการของอนุญาตลักษณะพิเศษ ตอนนี้สั่งการให้ตรวจสอบแล้วเช่นกัน ขณะนี้ทางตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน หากพบความผิดหรือมีความเกี่ยวข้องก็แจ้งข้อกล่าวหาต่อไป. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”