กรมธนารักษ์ เผยรายได้ปี 68 แตะ 90% จากเป้าทั้งปี 11,000 ล้าน

กรุงเทพฯ 21 เม.ย. – กรมธนารักษ์พลิกบทบาท ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม-วัฒนธรรม เผยรายได้ปี 2568 แตะ 90% จากเป้าทั้งปี 11,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าภายในปี 2569 เพิ่มรายได้เชิงพาณิชย์ที่ราชพัสดุอีก 20% ลดความต่างระหว่างราคาประเมินและราคาตลาดให้เหลือไม่เกิน 15% ให้ประชาชนขอวงเงินสินเชื่อได้มากขึ้น


นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า แม้ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้มีการพัฒนาและยกระดับการทำงานมาอย่างต่อเนื่อง แต่ด้วยบริบทโลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทั้งเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสังคม และปัญหาสิ่งแวดล้อม กรมธนารักษ์จึงได้นำมิติต่างๆ มาพิจารณา เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจหน้าที่ของหน่วยงานก้าวทันกับความเปลี่ยนแปลงต่างๆที่เกิดขึ้น  จึงประกาศยุทธศาสตร์และบทบาทใหม่ของกรมธนารักษ์ ผ่านกลยุทธ์ ‘VALUE’ ประกอบด้วย 5 เสาหลัก ดังนี้

เสาที่ 1 V : Value กลยุทธ์เพิ่มมูลค่าและคุณค่าที่ราชพัสดุโดยจัดทำ Master Plan เพื่อพัฒนาพื้นที่แบบองค์รวม เพื่อให้การจัดประโยชน์ใช้ที่ราชพัสดุเหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม   และวัฒนธรรมในแต่ละพื้นที่ โดยในปี 2568 นี้ จะมีการทำพื้นที่ทดลอง Sandbox ในจังหวัดนครนายก หรือ นครนายกโมเดล เพื่อเป็นพื้นที่ต้นแบบ นอกจากนั้น จะมีการประสานงานกับหน่วยงานที่ครอบครอง  ที่ราชพัสดุด้วยการเพิ่มมูลค่าการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เต็มศักยภาพ ทั้งนี้กรมธนารักษ์ได้ตั้งเป้าเพิ่มรายได้และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on Asset) ในส่วนของที่ราชพัสดุเชิงพาณิชย์ให้สูงขึ้น 20% ภายในปี 2569 


เสาที่ 2 A : Appraise กลยุทธ์เพิ่มความแม่นยําในการประเมินราคาที่ดินด้วยการพัฒนาฐานข้อมูลการประเมินราคาให้สอดคล้องกับราคาตลาดและเป็นธรรม โดยมีการนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาใช้ในการประเมินราคาที่ดินเพื่อเพิ่มความถูกต้อง ทั้งนี้ กรมฯ ตั้งเป้าที่จะลดความต่างระหว่างราคาประเมินและราคาตลาดให้เหลือไม่เกิน 15% ภายในปี 2569 จากปัจจุบันต่างกันประมาณ 30-40% ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนในการยื่นขอสินเชื่อที่จะได้วงเงินมากขึ้นนอกจากนี้ กรมฯ จะพัฒนาระบบสืบค้นราคาประเมินที่ดินออนไลน์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถค้นหาข้อมูลราคาประเมินได้ง่าย สะดวก และรวดเร็ว

เสาที่ 3 L : Legacy กลยุทธ์เพิ่มคุณค่าทางประวัติศาสตร์ให้เหรียญกษาปณ์และพิพิธภัณฑ์ของกรมธนารักษ์ โดยจะมีการยกระดับการผลิตและจำหน่ายเหรียญกษาปณ์ให้เป็นมาตรฐานสากลและพัฒนาตลาดรองเพื่อเพิ่มมูลค่าเหรียญกษาปณ์ให้ตรงตามความต้องการของนักสะสมเหรียญ และนำแนวคิด ESG มาใช้ในกระบวนการผลิตเหรียญกษาปณ์เพื่อตอบโจทย์สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล นอกจากนี้จะมีการบูรณาการร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเรียนรู้เชิงประวัติศาสตร์และอนุรักษ์วัฒนธรรม รวมถึงส่งเสริมให้พิพิธภัณฑ์ของกรมฯ สามารถช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน ยกระดับคุณภาพชีวิตพี่น้องประชาชนในพื้นที่และละแวกใกล้เคียง 

เสาที่ 4 U : Unity กลยุทธ์ความเป็นหนึ่งเดียวของบุคลากร ส่งเสริมบุคลากรของกรมธนารักษ์ให้ เก่ง ดี และมีความสุข ด้วยการเพิ่มเติมทักษะที่จำเป็นทั้งในเรื่องงาน Current Skill และ Future Skill จัดตั้งโรงเรียนธนารักษ์ออนไลน์ ส่งเสริมให้บุคลากรของกรมธนารักษ์เป็นคนดี ผ่านการนําองค์กรคุณธรรมมาใช้ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส ซื่อสัตย์ ตรวจสอบได้ และยังส่งเสริมบุคลากรของกรมธนารักษ์ให้มีความสุข มีการสร้างองค์กรรมนียสถานที่เอื้อต่อการทํางาน และสนับสนุนการทำงานให้มีประสิทธิภาพ


เสาที่ 5 E : Efficiency กลยุทธ์เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและการให้บริการประชาชน ด้วยการปรับกระบวนการทํางานให้คล่องตัวแบบ Agile และการนำเทคโนโลยีดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูล และเอไอ (Digital, Data, AI) มาใช้ในการทำงาน โดยในปี 2568 นี้จะมีการพัฒนา ‘น้องรักษ์’ ซึ่งเป็นระบบ AI มาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเจ้าหน้าที่และยกระดับการให้บริการประชาชน ให้สะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมทั้งจะมีการปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ รวมถึงลดขั้นตอนการทำงานต่างๆที่ไม่จำเป็น พร้อมทั้ง  จะมีการกระจายอำนาจให้ธนารักษ์ภาค เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

สำหรับการดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวในปีนี้ กรมธนารักษ์จะพัฒนาโครงการต้นแบบในรูปแบบต่างๆ อาทิ 1) โครงการธนารักษ์เอื้อราษฎร์ต้นแบบ โดยมีชุมชนเป็นแกนกลางเพื่อส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน 2) โครงการร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขเพื่อนำที่ราชพัสดุมาใช้ประโยชน์ในการให้บริการทางการแพทย์แก่ประชาชน 3) โครงการต้นแบบพัฒนาอาคารเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมเช่น โครงการพิพิธตลาดน้อยที่ดำเนินการเสร็จไปแล้ว 4) โครงการต้นแบบพลังงานสะอาด อาทิ การทำฟาร์มพลังงานแสงอาทิตย์  ในที่ราชพัสดุ การติดตั้งพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาอาคาร เป็นต้น

สำหรับปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 11,000 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากที่ราชพัสดุ 10,600 ล้านบาท และจากเหรียญกษาปณ์ 400 ล้านบาท ขณะนี้รายได้อยู่ที่ระดับ 90% ของเป้าที่วางไว้แล้ว โดยเป็นรายได้จากที่ราชพัสดุ 9,800 ล้านบาท

“ด้วยยุทธศาสตร์และกลยุทธ์ที่กรมธนารักษ์ตั้งใจจะขับเคลื่อนนี้ จะเป็นการวางรากฐานสำคัญในการเพิ่มมูลค่าและคุณค่าทรัพย์สินของแผ่นดิน เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชน ส่งเสริมสิ่งแวดล้อม และวัฒนธรรม สร้างความยั่งยืนต่อไป” อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าว.-516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เขยโหดบุกยิงแม่ยาย-ญาติ ดับ 3 ก่อนจบชีวิตตัวเอง

ปทุมธานี 3 ก.ย. – เขยปืนโหด ถูกจับได้ว่าแอบคบกับน้องเมียวัย 13 ปี บุกยิงยกครัวเมียที่บ้านพัก ย่านปทุมธานี แม่ยาย-น้องเมีย-น้า เสียชีวิต ก่อนจบชีวิตตัวเองหนีความผิด เหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อเวลา 23.10 น. ที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.คลองห้า จ.ปทุมธานี ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมตรวจสอบบ้านหลังหนึ่ง ในพื้นที่หมู่ 7 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จุดเกิดเหตุอยู่ด้านหลังบ้าน ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่ง พบร่างนางทัศนี อายุ 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ด้านข้างโต๊ะกินข้าว ตามร่างกาย มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่ศีรษะ ข้างกันพบปลอกกระสุนปืนขนาด.380 ตกอยู่จำนวนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังพบร่างนายชัยวัฒน์ อายุ 43 ปี น้องชายนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บ ส่วนในบ้านพบ ด.ญ.วันเพ็ญ อายุ 13 ปี ลูกสาวนางทัศนีย์ ได้รับบาดเจ็บอีกราย เจ้าหน้าที่กู้ชีพและกู้ภัยฯ […]

พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย”

รัฐสภา 3 ก.ย.-พรรคร่วมฯ ใหม่ ตบเท้าร่วมแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลกับ “ภูมิใจไทย” ก๊วน “สุชาติ-ธรรมนัส-สันติ” ร่วมด้วย ด้านงูเห่า “เพื่อไทย-ปชป.” โผล่โชว์ตัว บรรยากาศการประชุมพรรคภูมิใจไทย ภายหลังพรรคประชาชนมีมติโหวตให้นายอนุทิน เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาลต่างทยอยเดินทางมาเพื่อรอแถลงข่าวจัดตั้งรัฐบาลในเวลา 11:00 น. โดยมีนายสุชาติ ชมกลิ่น สส.รวมไทยสร้างชาติ นำกลุ่ม 18 สส. เดินทางมาเป็นกลุ่มแรก อย่างไรก็ตามไม่พบว่ามี สส.ของพรรครวมไทยสร้างชาติ ของกลุ่มนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เดินทางมาร่วมแต่อย่างใด ขณะที่ตัวแทนจากพรรคพลังประชารัฐ นำโดย ชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ตามมาด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่นำ สส.เพชรบูรณ์ มาร่วมด้วย จากนั้น พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม พร้อมแกนนำพรรค เช่น นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรค นายไผ่ […]

“ทักษิณ” รับผิดไว้ใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป

กรุงเทพฯ 2 ก.ย.- “ทักษิณ” ยอมรับผิด ไว้วางใจ “ธรรมนัส” มากเกินไป ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล ต้องรอดูพรรคประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 1 ก.ย. สส.พรรคเพื่อไทย ประมาณ 10 คน ได้นัดเลี้ยงสังสรรค์ให้นายฉลาด ขามช่วง ที่ได้รับเลือกให้เป็นดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 เมื่อเรื่องรู้ถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายทักษิณ จึงเดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับนายฉลาด ด้วย โดยในวงรับประทานอาหาร นายทักษิณ พูดถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ถอนตัวจากรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยยอมรับผิดว่า “ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส มากเกินไป พี่ผิดไปแล้ว พี่ดูคนผิด” ทำให้ สส. ที่ร่วมวงอยู่นั้นสวนทันทีว่านายทักษิณ โดนคนหลอกตลอด ซึ่ง สส.ที่ร่วมวง ต่างเห็นตรงกันว่า ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ยอมรับผิดแบบนี้มาก่อน เห็นได้ว่านายทักษิณ ได้แสดงท่าทีรู้สึกผิดมาก พร้อมกันนี้ สส. […]

เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย ส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ

พรรคเพื่อไทย 2 ก.ย.- เปิดชื่อ 20 สส.เพื่อไทย เข้าชื่อส่งศาล รธน. ปมตุลาการหมดวาระ แต่ยังปฏิบัติหน้าที่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 20 สส.เพื่อไทย นำโดย นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ สส.บัญชีรายชื่อ ประธานวิปรัฐบาล ได้ทำหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร ขอให้ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อพิจารณาความชอบด้วยกฎหมายของกระบวนการพิจารณาวินิจฉัย เรื่องพิจารณาที่ 17/2568 กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 6 ต่อ 3 วินิจฉัยให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร สิ้นสุดความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยเมื่อวันที่ 29 ส.ค.2568 ซึ่งเป็นวันวินิจฉัยคดีของศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งให้ นายสราวุธ ทรงศิวิไล ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 29 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป แทน นายปัญญา อุดชาชน ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งพ้นจากตำแหน่งเนื่องจากครบวาระการดำรงตำแหน่ง ดังนั้น เมื่อได้รับทราบถึงการมีประกาศพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายสราวุธ แทนนายปัญญา ซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว จึงไม่ควรที่จะให้ นายปัญญา […]

ข่าวแนะนำ

รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิด “เขากระโดง”

ดีเอสไอ 3 ก.ย.-รฟท.ประสาน DSI เลื่อนแจ้งความเอาผิดเรื่องเขากระโดงไม่มีกำหนด ความคืบหน้าการสืบสวนเรื่องร้องเรียนการครอบครองและการออกเอกสารสิทธิในที่ดินบริเวณเขากระโดงจังหวัดบุรีรัมย์ อันอาจเป็นที่ดินของรัฐ ซึ่งอธิบดีดีเอสไอมีคำสั่งสืบสวน และดีเอสไอได้ดำเนินการสอบสวนปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบรวบรวมพยานหลักฐานพบกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่รฟท.เกี่ยวข้อง ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ติดต่อจะมอบให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อขอให้ดำเนินการสอบสวนตาม พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง พร้อมมอบเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวข้องวันนี้ เวลา 14.00น. ล่าสุดพ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผอ.กองคดีทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย รฟท.ได้ประสานกลับมายังตน ขอเลื่อนการเข้าแจ้งความร้องทุกข์ออกไปก่อน อย่างไม่มีกำหนด กรณีนี้ พนักงานสอบสวนดีเอสไอตรวจสอบพบ กลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟเข้าไปเกี่ยวข้อง และการรถไฟฯ เป็นผู้เสียหายจึงประสาน รฟท.ไปให้มาแจ้งความดำเนินคดีอาญากับกลุ่มบุคคลและเจ้าหน้าที่การรถไฟแห่งประเทศไทย และเจ้าหน้าที่รัฐอื่นในการเข้ายึดถือครอบครองที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย บริเวณพื้นที่เขากระโดง ต.เสม็ด และ ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ จ.บุรีรัมย์ หากรฟท.ไม่มาแจ้งร้องทุกข์ ก็เข้าข่ายละเลยการปฏิบัติหน้าที่ ดีเอสไอจะทำหนังสือแจ้งรฟท.อีกครั้งให้มาแจ้งความร้องทุกข์ หากยังไม่มาอีก ก็จะประชุมพนักงานสอบสวน ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้บริหารการรถไฟฯ เรียกสอบบุคคลที่เกี่ยวข้องฐานเป็นผู้สนับสนุนเพื่อดำเนินการทางกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ติดป้ายให้ ‘ชาวกัมพูชา’ รื้อถอน-ย้ายออก พื้นที่บ้านหนองจาน

สระแก้ว 4 ก.ย.-ผู้ว่าฯ สระแก้ว สั่งติดป้ายให้ชาวกัมพูชา รื้อถอน-ย้ายออก พื้นที่บ้านหนองจาน ในส่วนของไทย หากฝ่าฝืนเอาผิด พ.ร.บ.คนเข้าเมือง-ป่าไม้ โทษปรับ-จำคุก เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน จ.สระแก้ว ติดตั้งประกาศบังคับใช้กฎหมายชาวกัมพูชาที่บุกรุกพื้นที่ในราชอาณาจักรไทย บริเวณบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว โดยป้ายมี 3 ภาษา ไทย-กัมพูชา-อังกฤษ พร้อมแผนที่ ระบุว่า “ประกาศให้ชาวกัมพูชาที่บุกรุกถือครองที่ดินและอยู่อาศัยทำกินในราชอาณาจักรไทย เป็นการกระทำความผิดในราชอาณาจักรไทย ตามแผนที่แนบท้ายกรอบสีฟ้า หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทย หากเพิกเฉยไม่ดำเนินการจะดำเนินคดีและต้องรับโทษในราชอาณาจักรไทยตามกฎหมายดังนี้ 1.พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 11 มาตรา 62 และมาตรา 81 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 20,000 บาท 2.พระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ.2484 มาตรา 54 และมาตรา 72 ตรี ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 […]

เร่งล่าคนร้ายฆ่าหญิงสาวยัดกระเป๋าเดินทางถ่วงน้ำ

ชลบุรี 3 ก.ย. – คดีสังหารโหดหญิงปริศนายัดกระเป๋าเดินทาง โยนทิ้งอ่างเก็บน้ำ จ.ชลบุรี ตำรวจเร่งหาเบาะแสล่าตัวคนร้าย พบลายนิ้วมือแฝงบนดัมเบลที่ใช้ถ่วงน้ำหนักกระเป๋า ตำรวจ สภ.ห้วยใหญ่ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน นำกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ ซึ่งมีโซ่เหล็ก และกุญแจล็อกแน่นหนา ขึ้นมาตรวจสอบ หลังจากพบลอยอยู่ในอ่างเก็บน้ำคลองบางไผ่ ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วบริเวณ จากการตรวจสอบภายในกระเป๋า พบศพหญิงสาว อายุประมาณ 30 ปี ไม่ทราบสัญชาติ เปลือยท่อนบน นุ่งกางเกงขา 3 ส่วน สีครีม นอนขดตัวอยู่ในกระเป๋า พบร่องรอยเขียวช้ำบริเวณลำคอ กลางหน้าอก และดั้งจมูก คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน โดยเจ้าหน้าที่ได้ส่งศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง รวมถึงตรวจสอบอัตลักษณ์บุคคลว่า ผู้ตายเป็นใคร มาจากไหน ส่วนบริเวณช่องใส่ของด้านหน้ากระเป๋า พบแผ่นดัมเบล 9 แผ่น (ขนาดน้ำหนัก 5 กก. จำนวน 1 แผ่น / 2.5 […]

แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา

3 ก.ย. – แห่แจ้งความเอาผิด “ภูมิธรรม” ปมยื่นทูลเกล้าฯ ยุบสภา ชี้ผิดมาตรา 112 และมาตรา 157 สะพัด! ตีกลับ พ.ร.ฎ.ยุบสภา เหตุไม่เป็นไปตามระเบียบ-กฤษฎีกาแย้งไร้อำนาจ ด้าน “อนุทิน” บอกยังเป็นแค่ข่าว รอรัฐบาลแจงดีกว่า นายไทกร พลสุวรรณ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และนายสุรทิน พิจารณ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน บก.ปปป. เอาผิดนายภูมิธรรม เวชยชัย ในความผิดมาตรา 112 พร้อมเผยว่า การพยายามยื่นทูลเกล้าฯ พ.ร.ฎ.ยุบสภา ถือเป็นการกระทำที่มิบังควร เนื่องจากไม่มีอำนาจหน้าที่หรือสิทธิที่สามารถทำได้ นายไทกร ระบุว่า ได้รับข้อมูลว่านายภูมิธรรม นำเรื่องพระราชกฤษฎีกายุบสภาไปส่งยังสำนักพระราชวังแล้ว หนังสือฉบับนั้นได้ถูกส่งกลับมาที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี แต่พรรคเพื่อไทยและนายภูมิธรรมยังไม่ยอมที่จะเคารพต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิในการที่จะใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญเพื่อที่จะยุบสภา กลับมีความพยายามที่จะเรียกประชุมคณะกรรมการกฤษฎีกาคณะใหญ่ โดยมีการทาบทามให้ ดร.วิษณุ เครืองาม และคณะ มาทำหน้าที่ เพื่อที่จะตราพระราชกฤษฎีกายุบสภาขึ้นอีกฉบับใหม่ในวันพรุ่งนี้ เพื่อที่จะนำส่งสำนักพระราชวังอีกครั้ง ถือว่าการกระทำที่ไม่บังควร “ศุภชัย” […]