3 เม.ย. – ย้อนรอยประวัติศาสตร์โลก : สงครามการค้าด้วยการขึ้นภาษีนำเข้าเคยเศรษฐกิจสหรัฐฯ เศรษฐกิจโลกพังมาแล้ว
ในปี ค.ศ. 1930 (พ.ศ. 2473) ประธานาธิบดีเฮอร์เบิร์ท ฮูเวอร์ ผู้นำสหรัฐคนที่ 31 ลงนามกฎหมาย Smoot-Hawley Tariff Act ประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอย่างหนักหน่วง ทำให้นานาประเทศพากันขึ้นภาษีตอบโต้ ยิ่งสินค้าแพงขึ้น การค้าโลกก็ยิ่งลดลง ส่งผลให้วิกฤต Great Depression หรือ ภาวะเศรษฐกิจโลกตกต่ำที่เริ่มก่อตัวตั้งแต่ ค.ศ. 1929 ยิ่งรุนแรงลากยาว กินเวลานานถึงทศวรรษ 1930
ประธานาธิบดีเฮอร์เบิร์ท ฮูเวอร์ ประกาศใช้กฎหมาย Smoot-Hawley Tariff Act เพราะคิดว่า การรักษาดุลงบประมาณเป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นทางเดียวที่จะไปให้ถึงเป้าหมายได้ ก็คือ ต้องขึ้นภาษีให้หนัก โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านของบรรดานักเศรษฐศาสตร์ที่ร่วมกันลงชื่อนับพันคนเพื่อให้ผู้นำสหรัฐ คนที่ 31 ยกเลิกความคิด เพราะตอนนั้นเศรษฐกิจเปราะบางมาก
เฮอร์เบิร์ท ฮูเวอร์ ไม่เพียงขึ้นอัตราภาษี 40-60% กับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศมากถึงกว่า 20,000 ชนิด (รวมทั้งสินค้าเกษตร) เท่านั้น แต่เขายังออกกฎหมายอีกฉบับ คือ Revenue Act of 1932 เพื่อขึ้นอัตราภาษีทุกประเภททั่วสหรัฐ เช่น ขึ้นอัตราภาษีเงินได้ 25% – 63% ขึ้นภาษีอสังหาริมทรัพย์จากเดิม 2 เท่า ขึ้นภาษีธุรกิจการค้า 15% การขึ้นภาษี ยังรวมไปถึงสินค้าอุปโภคบริโภคทุกประเภท ตั้งแต่หมากฝรั่ง น้ำอัดลม ไปจนถึงเครื่องประดับ อาวุธปืน และน้ำมัน
แต่ผู้ช่วยศาสตราจารย์มาร์คัส วิทเชอร์ (Marcus Witcher) ซึ่งเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์เศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเวสต์เวอร์จิเนีย เผยว่า เฮอร์เบิร์ท ฮูเวอร์ คิดผิด เพราะนโยบายขึ้นภาษีของเขาไม่เพียงแต่ ไม่ช่วยรักษาดุลงบประมาณเท่านั้น แต่ยังทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจซบเซาถดถอยด้วย
ด้าน ศาสตราจารย์คริสโตเฟอร์ คลาร์ค (Christopher Clarke) อาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน กล่าวว่า ปัจจัยต่าง ๆ ที่ประดังประเดส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐล้มเป็นโดมิโน จนกลายเป็นวิกฤตเศรษฐกิจ
บรรดานักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังเห็นตรงกันว่า นโยบายขึ้นพิกัดอัตราภาษีสินค้านำเข้า ยิ่งส่งผลสะเทือนไปถึงวิกฤตเศรษฐกิจโลก (Great Depression) ตกต่ำถึงขีดสุด นอกจากนี้ ยังทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ กับนานาประเทศยิ่งเสื่อมถอยขยายขอบเขตไปมากกว่าเรื่องการค้า
ศาสตราจารย์คลาร์ก บอกว่า ยิ่งค้าขายกันน้อยลง ความร่วมมือระหว่างประเทศก็ยิ่งลดลง และนำไปสู่การไว้วางใจกันน้อยลง ส่งผลให้เกิดเหตุกระทบกระทั่งกันมากขึ้น ความสัมพันธ์ในระดับสากลที่มัวหมองเป็น 1 ในหลายตัวการที่นำไปสู่การเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในที่สุด
ผลกระทบรุนแรงที่เกิดจากกฎหมายขึ้นภาษีสินค้านำเข้า “Smoot-Hawley Tariff Act” ของอดีตประธานาธิบดีเฮอร์เบิร์ท ฮูเวอร์ ทำให้ คริส เจมส์ มิทเชเนอร์ (Kris James Mitchener) อาจารย์เศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัย Santa Clara University ในสหรัฐ ซึ่งเชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์เศรษฐกิจ และเศรษฐกิจการเมือง ถึงกับกล่าวว่า กฎหมายขึ้นภาษีของโฮเบิร์ท ฮูเวอร์ เป็นกฎหมายที่สุดของที่สุดแห่งสงครามการค้าทั้งปวง (Mother of All Trade Wars).-811
ข้อมูล :
- CNBC : What the ‘mother of all trade wars’ can teach us about U.S. tariffs, according to economists
- NPR : Did tariffs contribute to the Great Depression? Here’s what to know
- When Hoover raised tariffs, the Great Depression follows
- What Is the Smoot-Hawley Tariff Act? History, Effect, and Reaction