กรุงเทพฯ 5 เม.ย. – “ชัชชาติ” รับเชือดหัวหน้าฝ่ายรายได้เขตราชเทวีเรียกรับเงิน หลังบริษัทฯ เอกชน ร้องเมื่อ 2 เดือนก่อน ลั่นเคยตักเตือนแล้วไม่ฟัง ย้ำองค์กรเสียหาย สงสารครอบครัวมากกว่าคนทำผิด ฝากเตือนสำนักงานเขตพื้นที่อื่น ๆ “ต้องมือสะอาด”
กรณีตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) ร่วม ป.ป.ช.และ ป.ป.ท. รวบ เจ้าพนักงานเขตราชเทวี เรียกรับผลประโยชน์ 3.2 ล้านบาท ล่าสุดวันนี้นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.ชี้แจงว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานสำหรับการจัดการในครั้งในกรณีดังกล่าวที่ผ่านมาให้ความสำคัญ และยอมรับก่อนหน้านี้ได้รับการประสานร้องเรียนจากบริษัทนี้เข้ามาเมื่อ 2 เดือนที่แล้วว่ามีการเรียกรับเงินจากเจ้าพนักงานเขตราชเทวี ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายรายได้ของเขตฯ
ซึ่งหลังรับเรื่องร้องเรียนไม่ได้นิ่งนอนใจได้ดำเนินการทันที เพียงแต่ตอนนั้นยังไม่มีพยานหลักฐานที่จะดำเนินการกับทางบุคคลที่เกี่ยวข้องได้ในทันที อีกทั้งหากจะแก้ปัญหาโดยการย้ายไปอยู่อีกสำนักงานเขต จะถือเป็นการไปสร้างวัฒนธรรมที่ไม่ดีอีกที่หนึ่ง เพราะก็คงกลับไปทำเรื่องดังกล่าวอีก อีกทั้ง กทม. ไม่มีอำนาจดำเนินการทางคดีอาญา จึงจำเป็นต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ปปป., ปปท. และ ป.ป.ช. ให้ตรวจสอบและทำการสืบสวนในเรื่องดังกล่าว
กระทั่งวานนี้ (4 เม.ย.) มีการดำเนินการเกิดขึ้น ซึ่งถือเป็นความลับไม่ได้มีการแจ้ง กทม. ล่วงหน้าแต่อย่างใด กทม.จึงไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นในกรณีนี้จะมีบุคคลอื่นในสำนักงานฯ หรือใน กทม. ตลอดจนผู้บังคับบัญชาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ตนให้เป็นหน้าที่ของ ปปป.
ซึ่งการดำเนินการทางวินัย ของ กทม. มีขั้นตอน คือจะให้ปลัดกรุงเทพมหานครตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบทางวินัยร้ายแรงแล้ว และจะมีการโยกย้ายเข้ามายังสำนักปลัดกรุงเทพมหานคร โดยให้มาอยู่ในการส่วนตำแหน่งว่างเพื่อย้ายข้าราชการกรุงเทพมหานคร ตำแหน่งสามัญ 20 ตำแหน่ง สำหรับบุคคลที่มีพฤติกรรมทุจริต ในระหว่างที่รอการตรวจสอบ โดยไม่ได้รับเงินเดือน ขณะเดียวกันเรื่องการทุจริตการจัดเก็บรายได้พบเป็นครั้งแรก แต่ก่อนหน้านี้พบแต่การทุจริตในฝ่ายโยธามากกว่า
ทั้งนี้ตั้งแต่รับเลือกเป็นผู้ว่าฯ มาได้มีการกำชับเรื่องนี้ โดยเฉพาะสำนักงานเขตราชเทวี เป็นหนึ่งในสำนักงานที่มีการตักเตือนเรื่องการทุจริตภายในองค์กร เนื่องจากว่าไม่ได้มีผลกระทบเพียงผู้กระทำเพียงคนเดียว แต่ยังกระทบต่อองค์กร และเดือดร้อนถึงบุคคลในครอบครัว ซึ่งเรื่องแบบนี้ตนสงสารคนในครอบครัวมากกว่าผู้กระทำผิด
ส่วนเรื่องดังกล่าวเป็นเหตุให้เขตราชเทวีจัดเก็บภาษีได้น้อยไม่ติดอันดับ 1 ใน 4 หรือไม่นั้น นายชัชชาติ กล่าวว่า ต้องกลับไปตรวจสอบอีกครั้ง เนื่องจาก เป็นพื้นที่ในเมือง พื้นที่เต็มหมดแล้วไม่มีการก่อสร้างอาคารใหม่เกิดขึ้น ดังนั้นการจัดเก็บภาษีจึงเป็นเรทของอาคารเก่า แต่เพื่อความชัดเจนคงต้องเข้าไปดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย
นายชัชชาติ ฝากเตือนไปยังสำนักงานเขตพื้นที่อื่น ๆ ว่า กทม.เอาจริงเอาจังในการปราบปรามทุจริตเคสนี้จึงเป็นเคสตัวอย่าง ไม่ถึงกับการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่อยากให้ข้าราชการทุกคน ตระหนักว่า “ต้องมือสะอาด”. -สำนักข่าวไทย