ก.ยุติธรรม 5 ต.ค. – “สรวิศ” โฆษกศาลยุติธรรม จ่อตรวจสอบคดีทนายปลอมไก่หมุน และให้ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีใช้ดุลพินิจจัดการ ไต่สวนละเมิดอำนาจศาล แจ้งความ ป.อาญากับตำรวจ เล็งอนาคตเชื่อมข้อมูลสภาทนายความ
นายสรวิศ ลิมปรังษี โฆษกศาลยุติธรรม เปิดเผยว่า กรณีมีคนแอบอ้างเป็นทนายความ ทั้งที่ไม่มีชื่อในทะเบียนทนายความ เข้ามาว่าความคดีของศาลยุติธรรมนั้น ตนเพิ่งได้รับรายงาน และยังอยู่ในระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีกี่คดี อยู่ที่ไหน เป็นคดีความอย่างไร และจากนั้นก็เป็นดุลพินิจของผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีนั้น ๆ ที่จะดำเนินการขั้นตอนต่อไป อย่างนำคดีที่ตัดสินไปแล้วมาพิจารณาตรวจสำนวนคดีใหม่ หรือพักการพิจารณาที่อยู่ระหว่างไต่สวนสืบพยานไปก่อน ก็อยู่ที่ผู้พิพากษา
ที่ผ่านมาตนไม่เคยพบว่ามีการปลอมเป็นทนายมาขึ้นว่าความในศาลมาก่อน แต่จากที่ได้รับรายงานของศาลจังหวัดกำเเพงเพชร ได้ส่งตัวแทนไปแจ้งความดำเนินคดีกับตำรวจแล้ว เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายอาญา แต่ในส่วนของศาล หากพบว่ามีความผิด จะมีการไต่สวนละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งต่อไป
เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีการป้องกันตรวจสอบทนายปลอมอย่างไร นายสรวิศ กล่าวว่า หลังจากนี้ตนหวังว่าจะได้ประสานกับทางสภาทนายความ เพื่อในอนาคตจะมีการใช้เทคโนโลยีเชื่อมต่อโดยตรงกับทางศาลยุติธรรม และได้ข้อมูลของทนายความที่อัปเดตล่าสุดได้เสมอ แต่เท่าที่ทราบตอนนี้ทางสภาทนายความยังไม่พร้อม จึงอาจจะต้องมีการปรึกษาหารือเรื่องนี้ต่อไป
ด้านนายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยกรณีปรากฏข่าวพ่อค้าไก่หมุนปลอมเป็นทนายความเเละว่าความชนะอัยการคดียักยอกทรัพย์ ว่า นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้มอบให้ตนตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยเร่งด่วน ซึ่งตนได้โทรประสานงานไปยังนายธนพล ประเสริฐดี อัยการจังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งได้รายงานข้อเท็จจริงแจ้งมาว่า ทางสำนักงานอัยการและเจ้าหน้าที่ศาลได้ช่วยกันตรวจสอบหาสำนวนตามที่เป็นข่าวกรณีพ่อค้าไก่หมุน ถึงคดียักยอก ที่แจ้งว่าอัยการแพ้คดีนั้น ตรวจสอบเบื้องต้นยังตรวจไม่พบคดีดังกล่าวว่าเป็นสำนวนคดีใดยังไม่ปรากฏ คงตรวจสอบพบแต่คดีข้อหาฉ้อโกง ซึ่งบุคคลตามข่าวได้ขอเข้ามาเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการ และคดีดังกล่าวตกลงกันได้ ศาลจึงจำหน่ายคดี
ข่าวที่เกิดขึ้นจึงไม่ปรากฏสำนวนคดียืนยันว่าเป็นเรื่องใด ยังปราศจากมูลความจริง ขณะนี้กำลังเร่งรัดตรวจสอบหาคดียักยอกตามข่าวต่อเนื่อง หากตรวจพบจะรายงานเข้ามาที่สำนักงานอัยการสูงสุดต่อไป. -สำนักข่าวไทย