ปี 2561 ไทยเป็นเจ้าภาพจัดงาน “FUTURE ENERGY ASIA”

โตเกียว  5 เม.ย. – ประเทศไทยประกาศเป็นเจ้าภาพจัดงาน “FUTURE ENERGY ASIA”  ปี 2561 คาดมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท  


ประไทศไทยโดยกระทรวงพลังงานและ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บและบริษัท ดีเอ็มจี ร่วมกันประกาศจัดงาน “FUTURE ENERGY ASIA “ เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ระหว่างวันที่ 12-14 ธันวาคม 2561 

งานแถลงข่าวจัดขึ้นระหว่างการจัดงาน GASTECH ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การจัดงานได้โฟกัสมายังประเทศในเอเชีย โดยเฉพาะภูมิภาคอาเซียนที่เศรษฐกิจกำลังเติบโตความต้องการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย มีการประเมินกันว่าปี  2578  ประเทศในอาเซียนจะมีการใช้พลังงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 35 จากปัจจุบันและหลัก ๆ มาจากพลังงานฟอสซิล ขณะที่ไออีเอประเมินว่าการลงทุนจัดหาพลังงานใหม่ปี 2583 มีเม็ดเงิน  44 ล้านล้านดอลลาร์ และร้อยละ 60 ยังเป็นการลงทุนด้านก๊าซธรรมชาติ ถ่านหินและน้ำมัน ส่วนที่เหลือเป็นด้านพลังงานทดแทนและอื่น ๆ


อย่างไรก็ตาม ชาติอาเซียนส่วนใหญ่เป็นประเทศที่มีการทำการเกษตร เช่น ไทย สปป.ลาว เมียนมาร์ และกัมพูชา ดังนั้น การส่งเสริมการพึ่งพาตนเองด้วยพลังงานทดแทนจากพืชเกษตร รวมทั้งรูปแบบอื่น ๆ เพื่อลดการพึ่งพาการนำเข้าเป็นการจัดสมดุลพลังงานและเศรษฐกิจ ดังนั้น ในงานนี้จึงมีการเชิญทั้งระดับผู้กำหนดนโยบายของแต่ละประเทศ ผู้ผลิต/จำหน่ายสินค้าและเทคโนโลยีด้านพลังงานทุกประเทศเข้าร่วมด้วย เพื่อจะเป็นแนวทางการรองรับความต้องการใช้ที่เพิ่มขึ้นและจัดสมดุลการจัดหาให้เหมาะสมกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศในอาเซียนควบคู่การดูแลสิ่งแวดล้อมการลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจก

“การเตรียมพร้อมระยะยาวด้านการจัดหาพลังงานเป็นเรื่องสำคัญ โดยในส่วนของไทยมีแผนพลังงานหลัก 5 แผนรองรับ และต้องใช้เทคโนโลยีประสิทธิภาพพลังงานรองรับนโยบายประเทศไทย 4.0 เช่น สมาร์ทกริด สมาร์ทซิตี้ ควบคู่การจัดการใช้พลังงานฟอสซิลและพลังงานทดแทน” นายอารีพงศ์ กล่าว 

นางจารุวรรณ สุวรรณศาสน์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการแสดงสินค้านานาชาติทีเส็บ กล่าวว่า การจัดงานนี้คาดจะมีผู้ร่วมงานประมาณ 3,000 คน เงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,500 ล้านบาท และเกิดการซื้อขายต่อเนื่องตามมามากมาย โดยกลุ่มธุรกิจพลังงานนับว่าเป็นผู้เดินทางที่มีการใช้จ่ายเงินระดับสูงไม่ต่ำกว่า 100,000 บาท/คน ขณะเดียวกันการจัดประชุมก็จะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการเกี่ยวข้องต่อเนื่อง โดยปี 2560 ธุรกิจการจัดประชุมนิทรรศการ หรือไมซ์ คาดว่าจะมีสัดส่วนคิดเป็นร้อยละ 1 ของจีดีพีประเทศไทย หรือมีรายได้ประมาณ 100,000 ล้านบาท และมีต่างชาติเข้ามาร่วมงานประมาณ  1.1  ล้านคน.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่ม 31 ซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับคาที่ หลังมีปากเสียงเรื่องขับเฉี่ยวชน

หนุ่มไทยเชื้อสายอินเดีย ลูกเจ้าของร้านขายผ้าซิ่งเก๋งชนไรเดอร์ดับ ริมถนนสุขุมวิท หลังมีปากเสียงเรื่องขับรถเฉี่ยวไม่ลงมาเจรจา

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ขับรถชนไรเดอร์ดับ

พ่อพาญาติเยี่ยมลูกชายลูกครึ่งอินเดีย ที่หัวร้อนขับรถชนไรเดอร์ดับคาที่กลางสุขุมวิท เมื่อวานนี้ พร้อมไหว้ขอสื่อ อย่ามายุ่งกับครอบครัว

จำคุกทนายเดชา

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” ปมไลฟ์หมิ่น “อ.อ๊อด”

ศาลสั่งจำคุก 1 ปี “ทนายเดชา” คดีหมิ่น “อ.อ๊อด” ปรับ 1 แสนบาท ปมไลฟ์ด่าเสียหาย ให้รอลงอาญา โจทก์เตรียมอุทธรณ์ต่อ ขอให้ติดคุกจริง

ศาลให้ประกันหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนไรเดอร์ดับ

ครอบครัวไรเดอร์ที่ถูกหนุ่มลูกครึ่งอินเดียหัวร้อนขับรถไล่ชนเสียชีวิต กอดกันร้องไห้รับร่างและรดน้ำศพ ด้านศาลให้ประกันตัวผู้ต้องหา วงเงิน 600,000 บาท ติดกำไล EM-ห้ามออกนอกประเทศ

ข่าวแนะนำ

สมรสเท่าเทียม

นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้

“แพทองธาร” นายกฯ ส่งคลิปสารร่วมแสดงความยินดีกฎหมายสมรสเท่าเทียมบังคับใช้ ขอบคุณทุกภาคส่วนผ่านการต่อสู้กับอคติกว่า 2 ทศวรรษ ทำให้ ทุกตารางนิ้วของประเทศไทยโอบรับความหลากหลาย และเท่าเทียม

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 20 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ฝุ่น กทม.

คนกรุงจมฝุ่นต่อเนื่อง เช้านี้อยู่ระดับสีแดง 21 พื้นที่

กทม. อ่วมหนัก ฝุ่น PM 2.5 พุ่งต่อเนื่อง อยู่ระดับสีแดง ผลกระทบต่อสุขภาพ 21 พื้นที่ ย้ำสวมหน้ากากอนามัยขณะอยู่นอกอาคาร และงดกิจกรรมกลางแจ้ง