ทำเนียบฯ 31 มี.ค.- “พล.ท.สรรเสริญ” เผยการจัดหาที่ดินเป็นที่พักแรงงานต่างด้าวยังเป็นเพียงแนวคิด ชี้ต้องหาข้อสรุปร่วมทุกฝ่ายบนผลประโยชน์ของคนไทย แจงรัฐแก้ปัญหา สังคม-แรงงานครบวงจร คำนึงถึงหลักสิทธิมนุษยชน
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าว รัฐจะจัดหาที่ดินติดทะเลเพื่อเป็นที่พักอาศัยของแรงงานต่างด้าว ว่า เรื่องดังกล่าวยังเป็นเพียงแนวคิด ไม่ใช่ข้อยุติ เพราะหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงแรงงาน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กรมโยธาธิการและผังเมือง และกรมที่ดิน จะต้องหารือร่วมกันถึงความเป็นไปได้ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน นายจ้าง ลูกจ้าง เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่สมเหตุสมผล
“ขณะนี้มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากในประเทศไทย รัฐบาลจึงต้องจัดระเบียบให้เหมาะสมโดยคำนึงถึงผลประโยชน์หรือผลที่จะกระทบต่อคนไทยก่อนเป็นลำดับแรก ไม่อยากให้มองว่าเป็นการดูแลคนอื่นมากกว่าคนไทย แต่ควรมองอย่างเป็นระบบและเปิดใจกว้าง เพราะอาชีพบางอย่างไม่มีคนไทยอยากทำแล้วจึงต้องอาศัยแรงงานต่างด้าว โดยรัฐต้องทำงานหลายมิติและจัดสวัสดิการดูแลแรงงานกลุ่มนี้ตามหลักสิทธิมนุษยชนด้วย” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ผ่านมาแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ คือ ลาว พม่า กัมพูชา อยู่อาศัยเป็นชุมชนกระจัดกระจายไปในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะจ.ระนอง และจ.สมุทรสาคร อันเป็นความสุ่มเสี่ยงต่อปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติด โรคติดต่อ ขยะ ที่พักอาศัยไม่ได้มาตรฐาน ฯลฯ จึงเป็นที่มาของแนวคิดสร้างความเป็นระเบียบและป้องกันปัญหาทุกเรื่องในกลุ่มแรงงานต่างด้าว ซึ่งมีจำนวนกว่า 50,000 คน ใน 13 จังหวัด โดยให้แต่ละจังหวัดไปพิจารณาจัดเขตพื้นที่ส่งเสริมที่พักอาศัยแรงงานต่างด้าว (Zoning) เพื่อให้สถานประกอบการและนายจ้าง นำแรงงานต่างด้าวเข้าพักอาศัย ควบคุมดูแล และบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พล.ท.สรรเสริญ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำว่า การแก้ไขปัญหาแรงงานต่างด้าวเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รัฐบาลให้ความสำคัญ เพราะเกี่ยวข้องกับปัญหาอื่น ๆ เช่น การค้ามนุษย์ การทำประมงผิดกฎหมาย และปัญหาสังคม ซึ่งจำเป็นต้องทำอย่างครบวงจร ทั้งการปราบปรามผู้กระทำผิด และการสงเคราะห์ตามหลักสากลหรือพันธะสัญญาระหว่างประเทศ โดยอยากให้พี่น้องประชาชนหรือผู้ที่เห็นต่างเข้าใจเจตนารมณ์ที่แท้จริงของรัฐบาล วิพากษ์วิจารณ์บนพื้นฐานของเหตุผล เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่ใช้ความรู้สึกตัดสินเพียงอย่างเดียว.-สำนักข่าวไทย