โรงแรมสุโกศล 29 มี.ค.-สุวิทย์ย้ำบทบาทป.ย.ป.เตรียมความพร้อมช่วงเปลี่ยนผ่านประเทศส่งต่อรัฐบาลใหม่ ชี้ ประเทศไทยต้องปรับตัวให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงของโลกศตวรรษที่ 21
นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่องมิติการพัฒนาประเทศกับการขับเคลื่อนของป.ย.ป. ระหว่างการประชุมวิชาการเพื่อนำเสนอผลการศึกษางานวิชาการ ของนักศึกษาหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยสำหรับนักบริหารระดับสูง รุ่นที่ 20 (ปปร.20) สถาบันพระปกเกล้า โดยกล่าวถึงความจำเป็นของยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี เนื่องจากยังไม่มีความเป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เกิดจุดบกพร่องต่าง ๆ เมื่อรัฐบาลเข้ามาแล้วอยู่ได้ไม่นาน เพราะใช้นโยบายประชานิยม ไม่สามารถรักษาความสมดุลได้
“จึงจำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติที่เปรียบเสมือนงูที่อยู่ในอุโมงค์ ต้องเลื้อยไปตามทิศทาง ดังนั้น ต้องออกแบบอุโมงค์ไม่ให้แคบหรือกว้างจนเกินไป เพื่อให้รัฐบาลที่จะเข้ามาอยู่แล้วไม่อึดอัด ซึ่งไทยตั้งเป้าหมายที่จะเป็นประเทศในโลกที่ 1 ดังนั้น การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศโลกที่ 1 ได้จำเป็นต้องมียุทธศาสตร์ชาติ การปฏิรูปประเทศ และการบริหารราชการแผ่นดิน ภายใต้บรรยากาศความสามัคคีปรองดอง ซึ่งคณะกรรมการป.ย.ป. เป็นการสร้างรากฐาน เพื่อเตรียมความพร้อมส่งมอบให้รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศ” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
นายสุวิทย์ กล่าวว่า ประเทศไทยจำเป็นต้องปรับตัว เพราะโลกในศตวรรษที่ 21 จะเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง เป็นโลกแห่งความสุดโต่ง ที่ไม่ใช่แค่เรื่องธรรมชาติ แต่เป็นความสุดโต่งทางการเมือง เศรษฐกิจ ลัทธิการปกป้องตนเอง และทางสังคม โดยเฉพาะความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบเฉียบพลัน เกิดนวัตกรรมและเทคโนโลยีมากมาย ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนโมเดลประเทศไทยให้สอดรับกับพลวัตของโลกในศตวรรษที่ 21 จะมีความท้าทายใน 5 ประเด็น ประกอบด้วย ไทยจะสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ภายใต้ภูมิทัศน์ใหม่ของโลกได้อย่างไร การเตรียมทรัพยากรคนสู่ศตวรรษที่ 21 ให้มีหลักคิดที่ถูกต้องตามครรลองครองธรรมเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้
“การสร้างสังคมให้เป็นสังคมสะอาดและโปร่งใส (Clean and clear) ไม่มีคอร์รัปชั่น อิสระและเท่าเทียม (Free and fair) เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ สังคมห่วงใยและแบ่งปัน (Care and share) เพื่อทุเลาความขัดแย้ง สามัคคีปรองดอง ซึ่งถือว่าเป็นหัวใจของไทยแลนด์ 4.0 และความท้าทายในการสร้างชนชั้นกลางของประเทศให้เพิ่มมากขึ้น การสร้างเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างยั่งยืนและแบ่งปันซึ่งกันและกัน ต้องเน้นสร้างความเข้มแข็งจากภายใน แต่ไม่ปิดประเทศ โดยโมเดลไทยแลนด์ 4.0 ประกอบด้วย การสร้างความมั่นคั่งทางเศรษฐกิจ ความอยู่ดีกินดี การรักษ์สิ่งแวดล้อม และการยกระดับคุณค่าของมนุษย์โดยใช้กลไกประชารัฐเป็นตัวขับเคลื่อน รวมทั้งจำเป็นต้องปฏิรูประบบราชการอย่างเข้มข้นด้วย” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย
