เก่งครบสูตร! ผู้ประกาศข่าวค่ำ เจษฎา ศาลาทอง

เก่งครบสูตร! ผู้ประกาศข่าวค่ำ เจษฎา ศาลาทอง

 


เกเ้กเ

หล่อเก่งครบสูตร!  เจษฎา ศาลาทอง  ผู้ประกาศข่าวค่ำ สำนักข่าวไทย ช่อง 9 MCOT HD เลข 30

การันตีความสามารถด้วยดีกรี ด็อกเตอร์

ดร.เจษฎา ศาลาทอง จบปริญญาตรี (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทและเอก จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำ ภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ประกาศข่าว การเดินทางด้านสายงานข่าวของ ดร.เจษฎา เริ่มต้นจากการเป็นผู้ประกาศข่าวของ ช่อง UBC ตั้งแต่สมัยที่เรียนระดับปริญญาตรี เรื่อยมาจนจบปริญญาตรี ได้มีโอกาสร่วมงานที่เครือเนชั่นในการรายงานข่าว เป็นเวลา 4 ปี ก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่อยู่ที่นู่นก็ได้เป็นผู้ประกาศข่าวและผู้แปล ภาคภาษาไทยให้กับ Radio Japan ของ NHK World เป็นระยะเวลา 4 ปีเช่นกัน หลังจากที่กลับจากประเทศญี่ปุ่น ก็ผันตัวเองมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย สอนในคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะเดียวกันก็ยังไม่ทิ้งงานด้านสายข่าว ยังเป็นผู้ประกาศข่าวให้กับหลายๆ ช่อง อาทิ กรุงเทพธุรกิจทีวี, สปริงนิวส์ รวมทั้งนักจัดรายการวิทยุของคลื่น FM 100.5 Good Morning Asean ควบคู่ไปด้วย ก่อนที่จะมาเป็นผู้ประกาศข่าวที่สำนักข่าวไทย

ดร.เจษ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามผลงานของสำนักข่าวไทยมาโดยตลอด เพราะสำนักข่าวไทยเป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ และสมัยที่ทำงานอยู่ที่ NHK ประเทศญี่ปุ่นนั้น การเช็กข่าวสารที่เกี่ยวกับประเทศไทย ก็จะติดตามสำนักข่าวไทยนี่แหละ พอมีโอกาสได้ก้าวเข้ามาทำงานที่นี่ โดยเฉพาะเวลาที่ได้มาเป็นผู้ประกาศข่าวค่ำ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาหลักของข่าว ก็รู้สึกดีใจและอยากเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสนี้

เสน่ห์ของการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยกับการจับไมค์เป็นผู้ประกาศข่าว ?


ดร.เจษ เล่าว่า การเป็นอาจารย์ที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการเป็นผู้ประกาศข่าวค่ำ สำนักข่าวไทยนั้น ทั้งสองอย่างนี้ต้องใช้ทักษะในการสื่อสารทั้งคู่ ผมมองว่าอันนี้เป็นจุดร่วมที่เหมือนกัน แต่เวลาที่เราสอนเราจะต้องมีเทคนิคอีกแบบหนึ่ง เวลามาเป็นผู้ประกาศข่าวก็จะใช้เทคนิคและวิธีการของการเป็นผู้ประกาศข่าวอีกแบบหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะต่างกันแต่ก็มีเสน่ห์ที่เหมือนๆ กัน

ก้กด้ด้ด้ด
สำหรับการเตรียมตัวก่อนที่จะมานั่งอ่านข่าวบนหน้าจอทีวีนั้น สำหรับผมการเตรียมตัวจะแบ่งออกเป็น 2 อย่าง อย่างแรก จะเตรียมตัวทางด้านร่างกาย ต้องมีการฟิตร่างกาย ออกกำลังกายให้พร้อม ดูแลตัวเองไม่ให้เจ็บป่วย โดยเฉพาะเสียง พยายามจะฝึกในเรื่องของเสียงหรือ Voice Training ให้มีพลังของเสียงมากขึ้น นอนหลับให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี ไม่นอนดึกมากเกินไป ไม่นอนน้อยมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดสิว หรืออาจจะทำให้เราเบลอได้และอย่างที่สองคือในส่วนของเนื้อหา อันนี้จะต้องมีการทำการบ้านมาให้ดีๆ เพราะในแต่ละวัน เราอ่านข่าว 1.30 ชม. ข่าวภาคค่ำ มีเรื่องราวเกิดขึ้นเราจะต้องคอยอัพเดทตลอดเวลา อันนี้ถือว่าเป็นการเตรียมตัวในด้านของเนื้อหาและด้านของร่างกาย

edit1
คุณมีมุมมองเกี่ยวกับทีวีดิจิตอลในปัจจุบันอย่างไรบ้าง ?

ทีวีดิจิตอลในปัจจุบันถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ของแวดวงโทรทัศน์ไทย อย่างที่เราทราบกันดีว่า พอมันมีช่องที่เพิ่มมามากขึ้น การแข่งขันมันก็สูงขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของช่องที่นำเสนอเรื่องข้อมูลข่าวสาร ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่จะมีทางเลือกในการดูช่องฟรีทีวีที่มีเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันฝั่งของผู้ผลิตเองในเมื่อมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น ก็ต้องมีการแข่งขันกันสูงมากขึ้น สำนักข่าวไทยก็เช่นกัน การที่มีการเปลี่ยนปรับขยับสู้ ก็จะช่วยทำให้การนำเสนอข่าวเป็นไปอย่างมีคุณภาพมากขึ้น สุดท้ายประโยชน์ทั้งหมดก็จะตกไปอยู่กับผู้บริโภค

 

สังคมออนไลน์ถือเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนยุคปัจจุบันคุณมองว่า?

ในปัจจุบันทุกคนติดและใช้สังคมออนไลน์กันมากขึ้น ในการเผยแพร่ข้อมูล การแสดงความรู้สึกต่างๆ ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นผมมองว่า ปัจจุบันการใช้สังคมออนไลน์ควรจะเป็นไปอย่างรู้เท่าทัน หลักแนวคิดที่ใช้ได้ดีคือ ชัวร์ก่อนแชร์ เหมือนกับที่สำนักข่าวไทยทำอยู่ มันก็สอดคล้องกับแนวคิดเรื่องการรู้เท่าทันสื่อ ถ้าเกิดว่าเรามีข้อมูลอะไรเราต้องให้ชัวร์ก่อนว่าข้อมูลนี้ถูกต้อง ก่อนที่เราจะแชร์ออกไป อันนี้เป็นหลักพื้นฐานง่ายๆ ในการที่จะใช้โซเชียลมีเดีย อย่างปลอดภัยและรู้เท่าทันสื่อ
ทำไมถึงตั้งโจทย์ให้ตัวเองว่า จะต้องเรียนจบ ดร. จบต่างประเทศ มีแรงบันดาลใจจากอะไร?

สำหรับสิ่งที่ทำให้อยากจะเรียน เป็น ดร. จริงๆ แล้วผมเป็นคนชอบเรียนหนังสือ รู้สึกว่าเราได้ความรู้ใหม่ๆ มันเป็นการเปิดโลกของเรา อย่างตอนที่สอบชิงทุนได้ไปประเทศญี่ปุ่น เรามีความรู้สึกว่าเราอยากจะไปต่างประเทศ อยากจะเรียนรู้วัฒนธรรมต่างประเทศ อยากจะรู้ว่าคนต่างบ้านต่างเมืองต่างภาษา เขามีแนวคิด มีความอ่านอย่างไร เลยเลือกที่จะไปเรียนต่อโดยสมัครชิงทุนรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อไปถึงแล้วเรียนต่อปริญญาโทจบแล้ว ก็สามารถที่จะสอบเข้าปริญญาเอกได้เลย เลยมองว่า“มันเป็นโอกาสที่ดี และได้เรียนไม่ใช่แค่ในเฉพาะห้องเรียน ไม่ใช่แค่ตัวปริญญาเท่านั้น แต่โอกาสที่เราจะได้เรียนรู้โลกภายนอก วิธีการคิด การใช้ชีวิต การทำงานแบบคนญี่ปุ่น” และในขณะเดียวกันเวลาเราเรียนปริญญาเอก เราก็จะมีเพื่อนจากหลายๆ ประเทศ มาเรียนด้วย การที่เราได้พบป่ะพูดคุยแลกเปลี่ยน จากเพื่อนที่มาจากหลายวัฒนธรรม หลายประเทศก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่ดีมากเช่นกัน

ในมุมมองของคุณ การทำหน้าที่สื่อมวลชนไทยในยุคดิจิตอล เป็นอย่างไร และอยากฝากอะไร?

การทำหน้าที่สื่อมวลชนในยุคดิจิตอล ทุกคนพยายามจะแข่งขันกันให้สูง เร็ว อะไรที่สามารถขายได้ ก็จะทำออกมา ผมมองว่าแค่นั้นมันไม่พอ มันจะต้องดูถึงความถูกต้อง ผลกระทบที่มีต่อสังคม ทำแล้วสังคมได้อะไร ก่อให้เกิดประโยชน์หรือเกิดโทษ ซึ่งมันคงจะไม่ได้ไปแค่ความรวดเร็วเท่านั้น โดยมีการกล่าวว่าคนไทย “เวลาที่มีการนำเสนอข่าวที่ผิดๆ ไม่เป็นไร ถ้าเกิดเขานำเสนอข่าวเร็วแล้วมาขอโทษภายหลัง ผมมองว่าอันนี้เป็นมาตรฐานที่ไม่ควรเกิดขึ้น ผมมองว่าเราต้องนำเสนอข่าวให้ถูกต้อง มีความเที่ยงตรงชัดเจน อยากให้สื่อมวลชนไทยคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย นอกเหนือจากเรื่องของเรทติ้ง และความรวดเร็วในการนำเสนอข่าว”

ณ วันนี้การทำงานควบคู่กันทั้งเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาและนั่งเก้าอี้ผู้ประกาศข่าว จุดสูงสุดในอาชีพคุณ พอใจกับตัวเองในเรื่องไหน?
เนื่องจากทำงานสองอย่างควบคู่กัน ผมก็มองว่า อันที่ 1 คือจะทำอย่างไรให้อาชีพทั้งสองอย่างมีประโยชน์เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เช่น เราจะสามารถนำประสบการณ์การเป็นผู้ประกาศมาใช้ได้อย่างไร กับการเป็นอาจารย์ ในขณะเดียวกันความรู้งานวิจัย สิ่งที่เราได้จากแวดวงวิชาการจะนำมาใช้อย่างไรกับการประกาศข่าว ผมมองว่า “จุดสูงสุดคือเราจะเอาสิ่งที่ได้จากสองสิ่ง ประสบการณ์ ความรู้ จากสองอย่างนำมาทำให้เกิดประโยชน์ทั้งสองอย่าง ถ้าสามารถทำได้ ก็ถือว่าเป็นจุดสูงสุดที่ผมภูมิใจ”

กิจกรรมยามว่างนอกเหนือจากการทำงาน คุณมีวิธีผ่อนคลายหรือทำอะไรในวันหยุดบ้าง?edit2

ขณะนี้ก็ดูแลเรื่องสุขภาพด้วย มันก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานด้วย ก็จะชอบวิ่ง ตอนนี้ก็วิ่งมินิมาราธอนอยู่ ก็ไปวิ่งตามที่ต่างๆ ไปเชียงใหม่บ้าง สุโขทัยบ้าง ถือโอกาสไปเที่ยวด้วย ปลายปีนี้หวังว่าจะขยับไปวิ่ง ฮาล์ฟ มาราธอนให้ได้ อันนี้เป็นความหวังอยู่ นอกจากนั้นผมก็ชอบวิ่งในสวนทั่วไป นอกเหนือจากการไปวิ่ง ไปเที่ยวแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบก็คือชอบดูหนัง เพราะว่าการที่เราไปดูหนังจะทำให้เราดูวิธีการเล่าเรื่องในแต่ละแบบ หนังที่ผมชอบจะเป็นแนวใช้ความคิด คือ ทริลเลอร์ เพราะจะได้นำมาปรับใช้ในการเล่าเรื่อง การลำดับความคิดต่างๆ

มุมมองความรักในยุค 4 G ? สำหรับในยุค 4 จี ผมว่าความรักของเขา เขาโตมากับในยุคที่แตกต่างกัน อย่างผมหรือคนที่อายุประมาณ 30 กว่าๆ ก็จะมองว่าความรักในสมัยก่อน กว่าที่เราจะส่งข้อความหากันได้ ต้องมีการไปโทรศัพท์ที่สาธารณะ ต้องเขียนจดหมาย กว่าที่เราจะพูดจะบอกอะไรกันได้ มันไม่ใช่ง่ายๆ แต่ในปัจจุบันโซเชียลมีเดียหรือว่าเทคโนโลยีต่างๆ ในการสื่อสาร มันทำให้การส่งข้อความหากัน การสื่อสารกันมันง่ายมากขึ้น เราส่งสติ๊กเกอร์หากัน เราจะบอกว่าคิดถึง อยากขอกอดใครสักคน เราสามารถที่จะส่งหาได้หลายๆ คนเลย อย่างไรก็แล้วแต่ “แก่นของความรักความรู้สึกจริงๆ อย่างเช่น เราคิดถึงใครสักคน เรารักใครสักคน อยากจะกอดกับใครสักคน อยากให้เราซื่อสัตย์ต่อความรัก” เพราะว่าต่อให้เราส่งสติ๊กเกอร์หาคนเป็น10คน แต่ผมเชื่อว่าความรู้สึกไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้กับทุกคน ก็อยากจะให้เราซื่อสัตย์กับความรัก ความรู้สึก บอกมันเมื่อเรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

สามารถติดตามผลงานของคุณผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?
สามารถติดตามผ่าน ทางช่องทาง หลัก 2 ช่องทาง คือ แฟนเพจ เอาไว้อัพเดทข่าวสารต่างๆ แชร์ข่าวที่สนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ข่าวเกี่ยวกับสื่อสารมวลชน และเทคโนโลยีต่างๆ รวมทั้งถึงทุนการศึกษาด้วย ชื่อว่า อาจารย์เจษ อีกหนึ่งช่องทางถ้าใครอยากจะติดตามเกี่ยวกับรูปภาพต่างๆ ไปดูได้ที่ อินสตาแกรม Jesssalathong เป็นสองช่องทางที่สามารถติดต่อสื่อสาร ถ้าเกิดว่ามีคำติชมอย่างไรในการทำงานของผม ก็สามารถบอกมาได้ผ่านทางสองช่องทางนี้

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบแล้วบ้าน “พระอลงกต” ที่ขอนแก่น ชาวบ้านเผยเป็นคนใจดี

ขอนแก่น 25 ส.ค. – พบแล้วบ้านของ “พระอลงกต” ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง ชาวบ้านเผย “พระอลงกต” เป็นคนใจดี กลับมาแจกเงินทุกปี พอเห็นข่าวรู้สึกตกใจและสงสาร เพราะเที่เคยสัมผัสเป็นคนใจดี ทีมข่าวตรวจสอบข้อมูลเพื่อตามหาบ้านของพระอลงกต รู้ว่าเป็นคน จ.ขอนแก่น ตั้งแต่กำเนิด สืบค้นที่อยู่ตามทะเบียนบ้าน พบระบุว่าบ้านเกิดของหลวงพ่ออลงกต อยู่ใน อ.เมือง จ.ขอนแก่น ตรวจสอบพบว่าเป็นบ้านพักข้าราชการของกรมทางหลวง และไปพบบ้านของพ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ซึ่งทุกคนไม่ได้เรียกว่าพระอลงกต แต่จะคุ้นเคยเรียกกันว่าพระจอร์จ และนิสัยของพระพระอลงกตมีแต่เรื่องราวดีๆ มอบให้กับสังคม พระอลงกตจะแวะเวียนมาบอกบุญเสมอปีละครั้ง ในช่วงวันเกิดที่โรงเรียนแก่นนคร ที่พระอลงกตเคยศึกษา อย่างช่วงที่พ่อเฉย พ่อของพระอลงกต ยังมีชีวิต พ่อเฉยจะทำว่าวให้เด็กๆ ละแวกนี้เล่น เป็นที่รักของคนในชุมชนเช่นกัน พี่สาวของพระอลงกต ขายข้าวแกงอยู่ตรงข้ามบ้านพักข้าราชการ ซึ่งบ้านของครอบครัวพระอลงกต จะอยู่ติดกับรั้วของสำนักงานทางหลวง แต่พอครอบครัวพระอลงกตเกษียณก็พากันย้ายออกไปอยู่ที่อื่น บ้านพักปัจจุบันนี้ไม่มีใครอยู่ และบ้านส่วนตัวก็ไม่มีใครอยู่อาศัยเช่นกัน พระอลงกตออกจากบ้านไปช่วงปี 2527 แต่พระอลงกตจะกลับมาที่บ้านส่วนตัวทุกปี หลังจากเป็นเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ เพื่อมาทำบุญวันเกิดโรงเรียนแก่นนคร มอบทุนการศึกษาให้กับเด็กๆ เสมอ […]

ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์”

กทม. 24 ส.ค.-ตำรวจแจ้งข้อหาเมาแล้วขับ “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่า ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยโวยวายและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คาดน่าจะเกิดจากมึนเมา กรณีนักแสดงสาว “มารี เบรินเนอร์” ขับรถหรูเจอด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์แล้วไม่ยอมเป่าวัด ส่วนเพื่อนชายที่มาด้วยได้ลงจากรถมาโวยวายขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ ทาง พ.ต.อ.เจษฎา ยางนอก ผกก.สน.วังทองหลาง เผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา ตำรวจ สน.วังทองหลาง ได้ตั้งด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์ ที่ถนนประดิษฐ์มนูธรรม ช่วงเวลาประมาณ 02.00-04.00 น. ได้ขอตรวจรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ สีเขียว ปรากฏว่ามี น.ส.มารี เบรินเนอร์ นักแสดงสาว เป็นผู้ขับขี่ และมีนายอัศม์กรณ์ โดยสารมาด้วย ซึ่งนั่งข้างหน้า และมีผู้หญิงมาด้วยอีก 2 คน เมื่อขอตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ นายอัศม์กรณ์ กลับโวยวาย ขัดขวางไม่ให้ตรวจ และมีการด่าทอด้วยคำที่หยาบคาย แต่ไม่ได้มีการทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ ในที่สุดตำรวจได้คุมตัวทั้งหมดมายัง สน.วังทองหลาง พร้อมกับแจ้งข้อกล่าวหาเมาแล้วขับ กับนางสาวมารี เนื่องจากนางสาวมารี ไม่ยินยอมเป่าเครื่องตรวจวัดแอลกอฮอล์ จากนั้นนางสาวมารี ได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 20,000 บาท […]

“คาจิกิ” ทวีกำลังเป็นพายุไต้ฝุ่น ส่งผลให้ไทยฝนตกเพิ่มทุกภาค

กรุงเทพฯ 24 ส.ค.- กรมอุตุฯ ออกประกาศระบุ ช่วงเช้าที่ผ่านมา พายุโซนร้อน “คาจิกิ” ในทะเลจีนใต้ ได้ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น เตือน 57 จังหวัด เฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมาก ตั้งแต่วันที่ 24-27 ส.ค.68 นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า พายุโซนร้อน “คาจิกิ” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลาง ทวีกำลังแรงเป็นพายุไต้ฝุ่น “กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก ค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย และมีแนวโน้มที่จะเคลื่อนเข้าสู่อ่าวตังเกี๋ย ก่อนจะขึ้นฝั่งตอนบนของ ประเทศเวียดนาม และ สปป.ลาว ในช่วงวันที่ 25–26 สิงหาคมนี้ ขอบด้านหน้าของพายุ เริ่มส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันนี้ โดยเฉพาะพื้นที่ด้านตะวันออกของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีเมฆฝนเพิ่มขึ้น จากนั้นจะมีฝนตก ก่อนขยายไปยังภาคกลาง รวมทั้ง กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคตะวันออก และ ภาคใต้ ในช่วงวันถัดไป กรมอุตุนิยมวิทยาเตือนว่า อิทธิพลของพายุ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ที่มีกำลังแรง จะทำให้มีฝนตกเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะ […]

“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดี เป็นคลิปตกแต่งเสียง

ทำเนียบ 24 ส.ค.-“จิรายุ” ย้ำคลิป “นั่งลงลูก” ในห้องพิจารณาคดีศาล รธน. ที่ “ชวน” ได้ยินเป็นคลิปตกแต่งเสียง ฟังกี่รอบก็ชัดว่า “นั่งลงครับ” เตือนประชาชนบิดเบือนข้อมูลใส่ร้าย อย่าโพสต์ ไม่ชัวร์ อย่าแชร์ นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ กล่าวถึง กรณีมีการบิดเบือนคำพูดในวันสืบพยานของนายกรัฐมนตรี โดยหลังจากนายกรัฐมนตรีกล่าวคำสาบานตนแล้ว ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญท่านหนึ่งได้กล่าวคำว่า “นั่งลงครับ” แต่กลับมีกระบวนการนำไปบิดเบือนและตกแต่งเสียง โดยกล่าวหาว่า ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญพูดว่า “นั่งลงลูก“ ซึ่งเป็นการบิดเบือน ขณะเดียวกัน ยังพบว่าอดีตประธานรัฐสภา นายชวน หลีกภัย ได้สัมภาษณ์ให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวหลายประเด็น ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า นายชวน หลีกภัย อาจจะยังไม่ได้ฟังคลิปเต็มๆ จริงๆ ในวันดังกล่าว หรือไม่ก็อาจจะได้ฟังจากคลิปที่ถูกบิดเบือนและตกแต่ง ซึ่งความเป็นจริงการบันทึกเสียงทั้งหมดหรือการกล่าวบนบัลลังก์ คนที่นั่งอยู่ในห้องพิจารณาก็ได้ยินตรงกันว่า “นั่งลงครับ” ทั้งสิ้น นายจิรายุ กล่าว ตนในฐานะเคยดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการศาลองค์กรอิสระ องค์กรอัยการฯ ติดตามการทำงานกระบวนการยุติธรรมมาโดยตลอด ไม่มีเหตุผลใดๆ ในกระบวนการยุติธรรมที่จะใช้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ […]

ข่าวแนะนำ

แจงยิบข้อดี MOU43 กรอบแนวทางสำรวจปักปันเขตแดน

กต. 25 ส.ค.- อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ แจงละเอียดยิบข้อดี MOU43 ใช้เป็นกรอบแนวทางการสำรวจปักปันเขตแดน เพื่อทำแผนที่ใหม่ร่วมกันตามหลักสากล เตือนยกเลิกหนีแผนที่ 1 : 200,000 ไม่พ้น และจะวนมาทำ MOU กันใหม่ นายเบญจมินทร์ สุกาญจนัจที อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ ร่วมกับนายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ อธิบายถึงที่มาของบันทึกความเข้าใจว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกระหว่างไทยกับกัมพูชา หรือ MOU 43 ว่าเป็นเอกสารพื้นฐานของกรอบการเจรจา ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนทางบกปี 2543 หรือ MOU2543 หรือ MOU43 อธิบดีกรมสนธิสัญญาฯ มั่นใจว่า ประเทศไทยได้เปรียบจาก MOU43 เนื่องจาก MOU43 เป็นการกำหนดกรอบความตกลง และกลไกการปักปันเขตแดน เพื่อร่วมกันสำรวจ-จัดทำหลักเขตแดน เพื่อให้ได้แผนที่ที่นำมาใช้ได้จริง โดยใช้หนังสือสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 และ 1907 เป็นเอกสารประกอบ เนื่องจาก หนังสือสัญญาดังกล่าวได้พูดถึงคณะกรรมการปักปันเขตแดน เพื่อให้ไปทำแผนที่ตามหลักสันปันน้ำ แม่น้ำ และแนวเส้นตรง […]

“ภูมิธรรม” รับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง

ทำเนียบ 25 ส.ค.- “ภูมิธรรม” บอก ประชุม RBC กองทัพภาค 2 เป็นเรื่องเขตแดน ยอมรับหนักใจ “กัมพูชา” ตกลงกันแล้วไปพูดอีกอย่าง ย้ำไม่ยอมให้ใครรุกล้ำอธิปไตย มองเรื่องเขตแดน ไม่เคยจบง่ายบางประเทศใช้เวลาเป็น 100 ปี อย่าไปกังวลใจ ถ้ายังยืนหยัดผลประโยชน์ชาติ พร้อมยกนาฬิกาข้อมือ ก่อนแซวตัวเอง “วันนี้วันที่เท่าไหร่ ดูเวลาทุกวัน จะพ้นตำแหน่งแล้ว” นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค RBC ไทย-กัมพูชาในส่วนของกองทัพภาคที่2ในวันที่ (27 ส.ค.) จะมีการเสนอเงื่อนไขเหมือนกับการประชุม RBC ของกองทัพภาคที่ 1 หรือแตกต่างกันหรือไม่ว่า ก็ไม่มี เป็นการต่อเนื่อง จากการประชุม RBC ครั้งที่แล้ว แต่อาจจะแตกต่างกันบ้างของแต่ละสภาพพื้นที่และสภาพปัญหา และพื้นฐานจะเป็นการประชุมต่อเนื่องจากครั้งก่อน เป็นเรื่องระดับแม่ทัพไปคุยกัน ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเส้นแดน ทำอย่างไรที่จะทำให้ได้ข้อสรุปที่ตรงกันมากที่สุด ส่วนแนวโน้มน่าจะมีสัญญาณที่ดีใช่หรือไม่ เพราะการประชุมครั้งก่อนฝ่ายกัมพูชารับเงื่อนไข แต่การประชุมที่กองทัพภาคที่2 มีเรื่องรั้วลวดหนาม ที่แตกต่างกับกองทัพภาคที่ 1 […]

ชื่นชมผ้าไทยลายกริพเพน

25 ส.ค. – ผ้าไทยลาย “กริพเพน” ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินขับไล่กริพเพน ของกองทัพอากาศไทย ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย เพจกรุงเก่าของชาวสยาม และคุณ Kamon Wan เผยแพร่ภาพผ้าไทยลายเครื่องบินรบกริพเพน โดยกองทัพอากาศ รายงานว่าแนวคิดนี้เกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากเครื่องบินกริพเพน ที่มาร่วมพิทักษ์แผ่นดินไทย ชายแดนไทย-กัมพูชา และถูกถ่ายทอดลงบนผ้าไหมสุรินทร์อันเลื่องชื่อ ผสาน “ความแข็งแกร่ง” ของนักรบกับ “ความงาม” แห่งภูมิปัญญาไทยได้อย่างทรงพลัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แม่ย่านางกริพเพน” ศิลป์และศรัทธาได้รวมเป็นหนึ่ง ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย นี่คือผลงานที่ย้ำเตือนว่าไทยมิได้มีเพียงกำลังปกป้องผืนแผ่นดิน แต่ยังรักษารากเหง้าวัฒนธรรมอันงดงามไว้คู่กัน เพื่อบอกชัดแก่โลกว่าเราคือประเทศไทยผู้สืบสานวัฒนธรรม ที่จะไม่มีวันให้ใครมาย่ำยี ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน ว่าผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารสวีเดนประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ของ SAAB สวีเดน ได้เห็นแล้วปลื้มใจมากที่คนไทยมีความรู้สึกที่ดีกับเครื่องบินกริพเพน และนับเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ กองทัพอากาศมีกำหนดที่จะลงนามในสัญญาจัดซื้อเครื่องบิน Gripen C/D กับ FMV และ SAAB สวีเดน ในวันนี้ (25 สิงหาคม) นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล […]

“คาจิกิ” ขึ้นฝั่งเวียดนามบ่ายนี้ ไทยเตรียมรับฝนหนัก​ 25-27​ ส.ค.

กรุงเทพฯ​ 25 ส.ค.​ – กรมอุตุฯ อัปเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” คาดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน ช่วงบ่ายถึงค่ำ วันนี้​ เตือนทั่วไทยฝนฟ้าคะนองเพิ่ม ขณะที่ภาคอีสาน​ตอน​บน​และ​ภาคเหนือ​ เตรียมรับมือฝนถล่ม ช่วง 25​ -​ 27​ ส.ค.​นี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้​อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ศูนย์กลางพายุไต้ฝุ่น​คาจิกิอยู่ห่างจากเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม ประมาณ 150 กม. เคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย คาดว่า​ขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนช่วง​บ่าย​ถึง​ค่ำ​วันนี้​ และเข้าสู่ สปป ลาว ตามลำดับ เมื่อ​ขึ้นฝั่ง​พายุ​จะ​เริ่ม​อ่อนกำลัง​ลง​ โดยเมื่อเข้า​สู่ประเทศ​ไท​ยจะเป็น​หย่อมความ​กด​อากาศ​ต่ำ​ แต่ไม่รุนแรง​เท่าพายุ​วิภา ทั้งนี้​ ช่วงวันที่ 25–27 ส.ค. 68 ประเทศ​ไท​ยจะมีฝนตก​เพิ่ม​ เริ่มจาก​ขอบของ​พายุ​ ประกอบกับกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดเข้าหาศูนย์กลางของพายุ ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตก​หนัก​ถึง​หนัก​มาก​ โดยเฉพาะ​ภาค​ตะวันออก​เฉียง​เหนือ​ตอน​บน​และ​ภาคเหนือ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​ขอให้​ประชาชนติดตามประกาศแจ้ง​เตือน​ลักษณะ​อากาศ​อย่างใกล้ชิด.​ 512​ – สำนักข่าว​ไทย​