เก่งครบสูตร! ผู้ประกาศข่าวค่ำ เจษฎา ศาลาทอง

เก่งครบสูตร! ผู้ประกาศข่าวค่ำ เจษฎา ศาลาทอง

 


เกเ้กเ

หล่อเก่งครบสูตร!  เจษฎา ศาลาทอง  ผู้ประกาศข่าวค่ำ สำนักข่าวไทย ช่อง 9 MCOT HD เลข 30

การันตีความสามารถด้วยดีกรี ด็อกเตอร์

ดร.เจษฎา ศาลาทอง จบปริญญาตรี (เกียรตินิยม) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปริญญาโทและเอก จากมหาวิทยาลัยวาเซดะ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ภายใต้ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นอาจารย์ประจำ ภาควิชาการสื่อสารมวลชน คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


จุดเริ่มต้นของการเป็นผู้ประกาศข่าว การเดินทางด้านสายงานข่าวของ ดร.เจษฎา เริ่มต้นจากการเป็นผู้ประกาศข่าวของ ช่อง UBC ตั้งแต่สมัยที่เรียนระดับปริญญาตรี เรื่อยมาจนจบปริญญาตรี ได้มีโอกาสร่วมงานที่เครือเนชั่นในการรายงานข่าว เป็นเวลา 4 ปี ก็ได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่อยู่ที่นู่นก็ได้เป็นผู้ประกาศข่าวและผู้แปล ภาคภาษาไทยให้กับ Radio Japan ของ NHK World เป็นระยะเวลา 4 ปีเช่นกัน หลังจากที่กลับจากประเทศญี่ปุ่น ก็ผันตัวเองมาเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย สอนในคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ขณะเดียวกันก็ยังไม่ทิ้งงานด้านสายข่าว ยังเป็นผู้ประกาศข่าวให้กับหลายๆ ช่อง อาทิ กรุงเทพธุรกิจทีวี, สปริงนิวส์ รวมทั้งนักจัดรายการวิทยุของคลื่น FM 100.5 Good Morning Asean ควบคู่ไปด้วย ก่อนที่จะมาเป็นผู้ประกาศข่าวที่สำนักข่าวไทย

ดร.เจษ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามผลงานของสำนักข่าวไทยมาโดยตลอด เพราะสำนักข่าวไทยเป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้ และสมัยที่ทำงานอยู่ที่ NHK ประเทศญี่ปุ่นนั้น การเช็กข่าวสารที่เกี่ยวกับประเทศไทย ก็จะติดตามสำนักข่าวไทยนี่แหละ พอมีโอกาสได้ก้าวเข้ามาทำงานที่นี่ โดยเฉพาะเวลาที่ได้มาเป็นผู้ประกาศข่าวค่ำ ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเวลาหลักของข่าว ก็รู้สึกดีใจและอยากเป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ถือว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสนี้

เสน่ห์ของการเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยกับการจับไมค์เป็นผู้ประกาศข่าว ?


ดร.เจษ เล่าว่า การเป็นอาจารย์ที่คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และการเป็นผู้ประกาศข่าวค่ำ สำนักข่าวไทยนั้น ทั้งสองอย่างนี้ต้องใช้ทักษะในการสื่อสารทั้งคู่ ผมมองว่าอันนี้เป็นจุดร่วมที่เหมือนกัน แต่เวลาที่เราสอนเราจะต้องมีเทคนิคอีกแบบหนึ่ง เวลามาเป็นผู้ประกาศข่าวก็จะใช้เทคนิคและวิธีการของการเป็นผู้ประกาศข่าวอีกแบบหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะต่างกันแต่ก็มีเสน่ห์ที่เหมือนๆ กัน

ก้กด้ด้ด้ด
สำหรับการเตรียมตัวก่อนที่จะมานั่งอ่านข่าวบนหน้าจอทีวีนั้น สำหรับผมการเตรียมตัวจะแบ่งออกเป็น 2 อย่าง อย่างแรก จะเตรียมตัวทางด้านร่างกาย ต้องมีการฟิตร่างกาย ออกกำลังกายให้พร้อม ดูแลตัวเองไม่ให้เจ็บป่วย โดยเฉพาะเสียง พยายามจะฝึกในเรื่องของเสียงหรือ Voice Training ให้มีพลังของเสียงมากขึ้น นอนหลับให้เพียงพอ ดูแลสุขภาพร่างกายให้ดี ไม่นอนดึกมากเกินไป ไม่นอนน้อยมากเกินไป เพราะอาจจะทำให้เกิดสิว หรืออาจจะทำให้เราเบลอได้และอย่างที่สองคือในส่วนของเนื้อหา อันนี้จะต้องมีการทำการบ้านมาให้ดีๆ เพราะในแต่ละวัน เราอ่านข่าว 1.30 ชม. ข่าวภาคค่ำ มีเรื่องราวเกิดขึ้นเราจะต้องคอยอัพเดทตลอดเวลา อันนี้ถือว่าเป็นการเตรียมตัวในด้านของเนื้อหาและด้านของร่างกาย

edit1
คุณมีมุมมองเกี่ยวกับทีวีดิจิตอลในปัจจุบันอย่างไรบ้าง ?

ทีวีดิจิตอลในปัจจุบันถือว่าเป็นปรากฏการณ์ใหม่ ของแวดวงโทรทัศน์ไทย อย่างที่เราทราบกันดีว่า พอมันมีช่องที่เพิ่มมามากขึ้น การแข่งขันมันก็สูงขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของช่องที่นำเสนอเรื่องข้อมูลข่าวสาร ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่จะมีทางเลือกในการดูช่องฟรีทีวีที่มีเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกันฝั่งของผู้ผลิตเองในเมื่อมีคู่แข่งเพิ่มมากขึ้น ก็ต้องมีการแข่งขันกันสูงมากขึ้น สำนักข่าวไทยก็เช่นกัน การที่มีการเปลี่ยนปรับขยับสู้ ก็จะช่วยทำให้การนำเสนอข่าวเป็นไปอย่างมีคุณภาพมากขึ้น สุดท้ายประโยชน์ทั้งหมดก็จะตกไปอยู่กับผู้บริโภค

 

สังคมออนไลน์ถือเป็นปัจจัยที่ 5 ของคนยุคปัจจุบันคุณมองว่า?

ในปัจจุบันทุกคนติดและใช้สังคมออนไลน์กันมากขึ้น ในการเผยแพร่ข้อมูล การแสดงความรู้สึกต่างๆ ซึ่งมันมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ดังนั้นผมมองว่า ปัจจุบันการใช้สังคมออนไลน์ควรจะเป็นไปอย่างรู้เท่าทัน หลักแนวคิดที่ใช้ได้ดีคือ ชัวร์ก่อนแชร์ เหมือนกับที่สำนักข่าวไทยทำอยู่ มันก็สอดคล้องกับแนวคิดเรื่องการรู้เท่าทันสื่อ ถ้าเกิดว่าเรามีข้อมูลอะไรเราต้องให้ชัวร์ก่อนว่าข้อมูลนี้ถูกต้อง ก่อนที่เราจะแชร์ออกไป อันนี้เป็นหลักพื้นฐานง่ายๆ ในการที่จะใช้โซเชียลมีเดีย อย่างปลอดภัยและรู้เท่าทันสื่อ
ทำไมถึงตั้งโจทย์ให้ตัวเองว่า จะต้องเรียนจบ ดร. จบต่างประเทศ มีแรงบันดาลใจจากอะไร?

สำหรับสิ่งที่ทำให้อยากจะเรียน เป็น ดร. จริงๆ แล้วผมเป็นคนชอบเรียนหนังสือ รู้สึกว่าเราได้ความรู้ใหม่ๆ มันเป็นการเปิดโลกของเรา อย่างตอนที่สอบชิงทุนได้ไปประเทศญี่ปุ่น เรามีความรู้สึกว่าเราอยากจะไปต่างประเทศ อยากจะเรียนรู้วัฒนธรรมต่างประเทศ อยากจะรู้ว่าคนต่างบ้านต่างเมืองต่างภาษา เขามีแนวคิด มีความอ่านอย่างไร เลยเลือกที่จะไปเรียนต่อโดยสมัครชิงทุนรัฐบาลญี่ปุ่น เมื่อไปถึงแล้วเรียนต่อปริญญาโทจบแล้ว ก็สามารถที่จะสอบเข้าปริญญาเอกได้เลย เลยมองว่า“มันเป็นโอกาสที่ดี และได้เรียนไม่ใช่แค่ในเฉพาะห้องเรียน ไม่ใช่แค่ตัวปริญญาเท่านั้น แต่โอกาสที่เราจะได้เรียนรู้โลกภายนอก วิธีการคิด การใช้ชีวิต การทำงานแบบคนญี่ปุ่น” และในขณะเดียวกันเวลาเราเรียนปริญญาเอก เราก็จะมีเพื่อนจากหลายๆ ประเทศ มาเรียนด้วย การที่เราได้พบป่ะพูดคุยแลกเปลี่ยน จากเพื่อนที่มาจากหลายวัฒนธรรม หลายประเทศก็ถือว่าเป็นการเรียนรู้ที่ดีมากเช่นกัน

ในมุมมองของคุณ การทำหน้าที่สื่อมวลชนไทยในยุคดิจิตอล เป็นอย่างไร และอยากฝากอะไร?

การทำหน้าที่สื่อมวลชนในยุคดิจิตอล ทุกคนพยายามจะแข่งขันกันให้สูง เร็ว อะไรที่สามารถขายได้ ก็จะทำออกมา ผมมองว่าแค่นั้นมันไม่พอ มันจะต้องดูถึงความถูกต้อง ผลกระทบที่มีต่อสังคม ทำแล้วสังคมได้อะไร ก่อให้เกิดประโยชน์หรือเกิดโทษ ซึ่งมันคงจะไม่ได้ไปแค่ความรวดเร็วเท่านั้น โดยมีการกล่าวว่าคนไทย “เวลาที่มีการนำเสนอข่าวที่ผิดๆ ไม่เป็นไร ถ้าเกิดเขานำเสนอข่าวเร็วแล้วมาขอโทษภายหลัง ผมมองว่าอันนี้เป็นมาตรฐานที่ไม่ควรเกิดขึ้น ผมมองว่าเราต้องนำเสนอข่าวให้ถูกต้อง มีความเที่ยงตรงชัดเจน อยากให้สื่อมวลชนไทยคำนึงถึงเรื่องนี้ด้วย นอกเหนือจากเรื่องของเรทติ้ง และความรวดเร็วในการนำเสนอข่าว”

ณ วันนี้การทำงานควบคู่กันทั้งเป็นอาจารย์สอนนักศึกษาและนั่งเก้าอี้ผู้ประกาศข่าว จุดสูงสุดในอาชีพคุณ พอใจกับตัวเองในเรื่องไหน?
เนื่องจากทำงานสองอย่างควบคู่กัน ผมก็มองว่า อันที่ 1 คือจะทำอย่างไรให้อาชีพทั้งสองอย่างมีประโยชน์เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน เช่น เราจะสามารถนำประสบการณ์การเป็นผู้ประกาศมาใช้ได้อย่างไร กับการเป็นอาจารย์ ในขณะเดียวกันความรู้งานวิจัย สิ่งที่เราได้จากแวดวงวิชาการจะนำมาใช้อย่างไรกับการประกาศข่าว ผมมองว่า “จุดสูงสุดคือเราจะเอาสิ่งที่ได้จากสองสิ่ง ประสบการณ์ ความรู้ จากสองอย่างนำมาทำให้เกิดประโยชน์ทั้งสองอย่าง ถ้าสามารถทำได้ ก็ถือว่าเป็นจุดสูงสุดที่ผมภูมิใจ”

กิจกรรมยามว่างนอกเหนือจากการทำงาน คุณมีวิธีผ่อนคลายหรือทำอะไรในวันหยุดบ้าง?edit2

ขณะนี้ก็ดูแลเรื่องสุขภาพด้วย มันก็เป็นส่วนหนึ่งของการทำงานด้วย ก็จะชอบวิ่ง ตอนนี้ก็วิ่งมินิมาราธอนอยู่ ก็ไปวิ่งตามที่ต่างๆ ไปเชียงใหม่บ้าง สุโขทัยบ้าง ถือโอกาสไปเที่ยวด้วย ปลายปีนี้หวังว่าจะขยับไปวิ่ง ฮาล์ฟ มาราธอนให้ได้ อันนี้เป็นความหวังอยู่ นอกจากนั้นผมก็ชอบวิ่งในสวนทั่วไป นอกเหนือจากการไปวิ่ง ไปเที่ยวแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบก็คือชอบดูหนัง เพราะว่าการที่เราไปดูหนังจะทำให้เราดูวิธีการเล่าเรื่องในแต่ละแบบ หนังที่ผมชอบจะเป็นแนวใช้ความคิด คือ ทริลเลอร์ เพราะจะได้นำมาปรับใช้ในการเล่าเรื่อง การลำดับความคิดต่างๆ

มุมมองความรักในยุค 4 G ? สำหรับในยุค 4 จี ผมว่าความรักของเขา เขาโตมากับในยุคที่แตกต่างกัน อย่างผมหรือคนที่อายุประมาณ 30 กว่าๆ ก็จะมองว่าความรักในสมัยก่อน กว่าที่เราจะส่งข้อความหากันได้ ต้องมีการไปโทรศัพท์ที่สาธารณะ ต้องเขียนจดหมาย กว่าที่เราจะพูดจะบอกอะไรกันได้ มันไม่ใช่ง่ายๆ แต่ในปัจจุบันโซเชียลมีเดียหรือว่าเทคโนโลยีต่างๆ ในการสื่อสาร มันทำให้การส่งข้อความหากัน การสื่อสารกันมันง่ายมากขึ้น เราส่งสติ๊กเกอร์หากัน เราจะบอกว่าคิดถึง อยากขอกอดใครสักคน เราสามารถที่จะส่งหาได้หลายๆ คนเลย อย่างไรก็แล้วแต่ “แก่นของความรักความรู้สึกจริงๆ อย่างเช่น เราคิดถึงใครสักคน เรารักใครสักคน อยากจะกอดกับใครสักคน อยากให้เราซื่อสัตย์ต่อความรัก” เพราะว่าต่อให้เราส่งสติ๊กเกอร์หาคนเป็น10คน แต่ผมเชื่อว่าความรู้สึกไม่สามารถจะเกิดขึ้นได้กับทุกคน ก็อยากจะให้เราซื่อสัตย์กับความรัก ความรู้สึก บอกมันเมื่อเรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ

สามารถติดตามผลงานของคุณผ่านช่องทางไหนได้บ้าง?
สามารถติดตามผ่าน ทางช่องทาง หลัก 2 ช่องทาง คือ แฟนเพจ เอาไว้อัพเดทข่าวสารต่างๆ แชร์ข่าวที่สนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ ข่าวเกี่ยวกับสื่อสารมวลชน และเทคโนโลยีต่างๆ รวมทั้งถึงทุนการศึกษาด้วย ชื่อว่า อาจารย์เจษ อีกหนึ่งช่องทางถ้าใครอยากจะติดตามเกี่ยวกับรูปภาพต่างๆ ไปดูได้ที่ อินสตาแกรม Jesssalathong เป็นสองช่องทางที่สามารถติดต่อสื่อสาร ถ้าเกิดว่ามีคำติชมอย่างไรในการทำงานของผม ก็สามารถบอกมาได้ผ่านทางสองช่องทางนี้

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังข้อเท็จจริง​ปมทุ่นระเบิดช่องบก

กองทัพบก 22 ก.ค.- ทบ.​ เชิญ​ผู้ช่วยทูตทหาร​ 47 ประเทศ​ รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​-กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ พบ เป็นทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​วางใหม่​ โดยมีหลายชาติ สนใจรับฟังขณะ​ พลจัตวา​ ฮอม​ คิม ผู้ช่วยทูตทหารดัมพูชา ร่วมด้วย กองบัญชาการ​กองทัพ​บก​ เชิญผู้ช่วยทูตทหารต่างประเทศประจำประเทศไทย​ รับฟังการชี้แจงสถานการณ์​ชายแดนไทย​-กัมพูชา​ ถึงข้อเท็จจริงกรณีไทยโดนรุกล้ำอธิปไตย​ และมีการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล​ ทำให้ทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย​ และมีการตรวจสอบว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดใหม่​ ที่วางในเขตไทย​ ซึ่งขัดต่ออนุสัญญา​ออตตาวา​ ที่ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นประเทศภาคี​ที่ให้สัตยาบัน​​ บรรดาทูต​ทหาร​ ทยอยเดินทางมายังห้อง ศรีสิทธิสงคราม​ ภายในกองทัพบก ตั้งแต่เวลา​ 13.20 น.​ อาทิทูตทหารจากเวียดนาม เมียนมา อินเดีย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อังกฤษ บูรไน ออสเตเรีย สหรัฐอเมริกา อินโดนิเซีย จีน กัมพูชา เยอรมันนี แคนนาดา […]

พายุวิภากระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านอาหารถล่ม

จันทบุรี 22 ก.ค. – พายุกระหน่ำจันทบุรี ซัดหลังคาร้านข้าวมันไก่ถล่ม กระแทกหลังแม่เจ้าของร้านได้รับบาดเจ็บ ส่วนที่ภูเก็ตพายุถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต หลังคาร้านข้าวมันไก่ บริเวณตลาดศิริการ อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกพายุพัดร่วงลงมาทั้งแผง ท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกค้าและพนักงานในร้าน เหตุดังกล่าวเกิดช่วงเที่ยงพอดี จึงมีลูกค้ามานั่งกินข้าวเต็มร้าน กระทั่งมีฝนเทลงมา ทางร้านและลูกค้าจึงช่วยกันขนย้ายโต๊ะเก้าอี้เข้าข้างในเพื่อหลบฝน ก่อนพายุจะซัดเข้ามาอย่างรุนแรง จนหลังคาถล่ม เบื้องต้นไม่มีลูกค้าได้รับบาดเจ็บ มีเพียงแม่เจ้าของร้านข้าวมันไก่อีกร้าน ที่อยู่ติดกัน ถูกหลังคากระแทกหลังได้รับบาดเจ็บ นำส่งโรงพยาบาลแล้ว พนักงานร้านข้าวมันไก่ บอกว่า ปกติบริเวณนี้มีฝนตกบ่อย หลังคาแข็งแรงดี ไม่ได้ชำรุดอะไร แต่วันนี้ ลมแรงมาก มาแบบวูบเดียว พัดหลังคาลอยขึ้นก่อนพังลงมา ทั้งนี้ลมพายุได้พัดหลังคาของตึกที่อยู่ในละแวกร้านข้าวมันไก่พังเสียหายจำนวน 15 คูหา เบื้องต้นกำลังทหารและตำรวจ ได้เข้าตรวจสอบ พร้อมให้การช่วยเหลือ ขนย้ายเศษซากหลังคาเคลียร์พื้นที่เพื่อความปลอดภัยแล้ว พายุโซนร้อนวิภาถล่มภูเก็ต ป้ายล้ม-ต้นไม้ทับสาวจีนเสียชีวิต ที่หน้าหาดเกาะเฮ จังหวัดภูเก็ต นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ หอบข้าวของวิ่งหนีลมพายุ จังหวะนั้นต้นไม้ขนาดใหญ่ถูกลมพัดโค่นลงมา ในคลิปจะได้ยินเสียงคนพูดว่า “เห็นไหม คน ๆ อยู่ใต้นั้น” หลังเหตุการณ์สงบ […]

รถบรรทุกพุ่งชน จยย.พ่วงข้างรับส่ง นร. ตาย 3 เจ็บ 6

พระนครศรีอยุธยา 22 ก.ค. – สลด รถบรรทุก 6 ล้อ พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน มีผู้เสียชีวิต 3 คน บาดเจ็บ 6 คน เกิดอุบัติเหตุรถบรรทุก 6 ล้อ ทะเบียนพระนครศรีอยุธยา พุ่งชนรถจักรยานยนต์พ่วงข้างรับส่งนักเรียน โรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ ก่อนตกลงไปในร่องน้ำ บนถนนชนบทเลียบคลองระพีพัฒน์ หมู่ 5 ตำบลวังน้อย อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และอัดกับรั้วบ้านจนรถพังยับ มีผู้ติดอยู่ในรถ 2 คน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้อุปกรณ์ตัดช่วยเหลือผู้บาดเจ็บทั้ง 2 คนออกมา แต่ผู้โดยสารเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนคนขับบาดเจ็บสาหัส ใกล้กันพบรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง สภาพรถเสียหายยับเยิน คนบนรถ 7 คน เป็นนักเรียนโรงเรียนวัดมณฑลประสิทธิ์ 6 คน ผู้ปกครอง 1 คน บาดเจ็บทั้งหมด เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังน้อย และมีนักเรียน 2 คนเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่มูลนิธิพุทไธสวรรย์ จุดกิตติวังน้อย […]

โฆษก ทบ. เผยนานาชาติเข้าใจไทยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด

กองทัพบก 22 ก.ค.- โฆษก ทบ. เผยเคลียร์ปมทุ่นระเบิด นานาชาติเข้าใจไทย ขณะผู้ช่วยทูตทหารกัมพูชานั่งนิ่งไม่โต้แย้ง – ให้กองทัพภาคที่ 2 ประเมินสถานการณ์หลังคนไทยนัดรวมตัวปราสาทตาเมือนธม ปลายเดือนนี้ พลตรีวินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวภายหลังการเชิญผู้ช่วยทูตทหาร รับฟังคำชี้แจง​สถานการณ์​ชายแดน​ไทย​- กัมพูชา​ หลังกำลังพลเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บ​ 3 นาย​ ว่า บรรยากาศเป็นไปด้วยดี ส่วนใหญ่เป็นการรับฟังและมีคำถามบ้าง ถือว่าน้อย เนื่องจากทุกท่านอาจจะได้รับข่าวสารจากช่องทางอื่นมาบ้างแล้ว ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ที่พยายามบอกกล่าวและชี้แจงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในเรื่องข้อเท็จจริง พลตรีวินธัย เปิดเผยว่า ทูตทหารของกัมพูชา ไม่ได้ชี้แจงหรือมีคำถามอะไร คำถามส่วนใหญ่มาจากท่านอื่นมากกว่า ที่ถามเรื่องของความมั่นใจและยืนยันใช่หรือไม่ ซึ่งทางเรา ก็ให้เหตุผลไป และจะให้เอกสารชี้แจง ส่วนท่าทีของประเทศมหาอำนาจ ก็ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งการเชิญมาในวันนี้เราก็ทำตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก คือทำให้เป็นทางการ ส่วนการหารือได้ชี้แจงเรื่องของการละเมิด บูรณภาพดินแดน และเอ็มโอยู 2543 และอนุสัญญาออตตาวา ด้วยหรือไม่ พลตรีวินธัย ระบุว่า มีการพูดถึงประเด็นดังกล่าว และได้อธิบายตามหลักอนุสัญญา ที่ทั้งสองประเทศเป็นสมาชิก และเล่าถึงกลไกการแก้ไขปัญหา […]

ข่าวแนะนำ

พายุวิภาทำเชียงรายอ่วม-รพ.เทิง งดรับผู้ป่วยชั่วคราว

เชียงราย 23 ก.ค. – พายุวิภาทำ อ.เทิง จ.เชียงราย อ่วม น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือน พื้นที่การเกษตร โรงพยาบาลเทิง ประกาศงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไปชั่วคราว รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ด้านนายอำเภอสั่งการเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ฝนตกหนักจากอิทธิพลพายุวิภา ทำให้น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตรหลายอำเภอใน จ.เชียงราย โดยเฉพาะ อ.เทิง สถานที่ราชการ ได้แก่ สภ.เทิง ศาลจังหวัด และโรงพยาบาลเทิง เกิดน้ำท่วมขัง โรงพยาบาลต้องงดให้บริการผู้ป่วยทั่วไป รับเฉพาะผู้ป่วยฉุกเฉินเท่านั้น ขณะที่สถานการณ์โดยทั่วไปยังมีฝนตกหนัก นายอำเภอเทิงลงพื้นที่ สั่งเจ้าหน้าที่เข้าช่วยเหลือชาวบ้านขนย้ายของขึ้นที่สูง อพยพผู้ป่วยและผู้สูงอายุไปยังที่ปลอดภัย ส่วนถนนพหลโยธิน ต.นางแล อ.เมืองเชียงราย น้ำป่าจากดอยโป่งพระบาทไหล่เอ่อท่วมถนนด้านขาขึ้น การสัญจรเป็นไปอย่างยากลำบาก ภาพรวมสถานการณ์ จ.เชียงราย เบื้องต้นมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 5 อำเภอ ประชาชนเดือดร้อนประมาณ 100 ครัวเรือน เบื้องต้นไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

มท.2 รับกังวล จ.น่าน ที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม.

ก.มหาดไทย 23 ก.ค.-มหาดไทย ถกวอรูมติดตามสถานการณ์ “พายุวิภา” ห่วงพื้นที่เหนือ-อีสาน พื้นที่ราบเชิงเขา เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลัน ด้าน มท.2 กำชับพื้นที่เสี่ยงดินโคลนถล่ม-ความปลอดภัยชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เผยเตรียมลงพื้นที่เชียงราย-น่าน รับกังวลน่านที่สุด เหตุ 1 ชม. น้ำขึ้น 30 ซม. สั่ง ปภ.-กรมชลฯ เร่งสูบน้ำ นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม กองบัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติหรือ บกปภ.ช. ประชุมตั้งวอร์รูมติดตามสถานการณ์พายุ “วิภา” โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ร่วมรับฟัง และมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดที่ได้รับผลกระทบ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ เข้าร่วมประชุมติดตามสถานการณ์ ได้ติดตามภาพรวมสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งจังหวัดแถบภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง ให้หลายจังหวัดจากอิทธิพลพายุวิภาในที่ประชุม กล่าวว่า ได้มีการรายงานสถานการณ์เป็นรายพื้นที่ ประกอบด้วยพื้นที่ติดภูเขา ที่ราบเชิงเขา โดยให้เจ้าหน้าที่ในพื้นที่เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และการตรวจสอบสภาพดินที่ได้รับการสะสมของปริมาณฝนที่ตกลงมา ซึ่งมีลักษณะอุ้มน้ำ และความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำป่าไหลหลาก […]

ฝนถล่มน่าน น้ำเริ่มท่วมหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นรวดเร็ว

น่าน 23 ก.ค.-อิทธิพลจากพายุวิภา ทำให้ฝนถล่มน่านอย่างหนัก ปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตร น้ำเริ่มท่วมในหลายพื้นที่ และน้ำน่านเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จ.น่าน ขณะนี้ฝนตกหนักต่อเนื่องมาเกือบ 20 ชั่วโมงแล้ว และหลายพื้นที่โดยเฉพาะทางตอนเหนือวัดปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรเกือบ 20 สถานี ส่งผลให้ระดับน้ำน่านเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ยชั่วโมงละ 30 เซนติเมตร แม้ว่าระดับน้ำน่านยังต่ำกว่าตลิ่งอยู่มาก แต่ฝนที่ตกหนักติดต่อกันมาทั้งคืน โดยเฉพาะทางตอนเหนือของเมืองทั้งที่ปัว บ่อเกลือ เฉลิมพระเกียรติ ท่าวังผา และอีกหลายอำเภอ ซึ่งจากข้อมูลปริมาณน้ำฝนจากสถานีวัดของมูลนิธิเพื่อนพึ่ง (ภา) ยามยาก ในจังหวัดน่าน เมื่อเช้านี้พบปริมาณฝนสะสมเกิน 200 มิลลิเมตรถึง 18 สถานี สูงสุดอยู่ที่สถานีต้นน้ำน้ำกอนฝั่งซ้าย ตำบลพญาแก้ว อำเภอเชียงกลาง สูงถึง 291 มิลลิเมตร นั่นทำให้บางพื้นที่ลุ่มต่ำเริ่มมีน้ำเข้าท่วมพื้นที่แล้ว อย่างที่อำเภอท่าวังผา เริ่มมีน้ำทะลักเข้ามาแล้ว รวมทั้งระดับน้ำเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยที่สถานีวัดระดับน้ำ n64 บ้านผาขวาง เหนือเมืองน่านไป 30 กิโลเมตร เพิ่มเป็น 7 เมตร […]