จากความฝันอยากเป็น “นักข่าว” ตั้งแต่เด็ก มุ่งมั่นเลือกเดินตามฝัน จนขึ้นแท่นผู้ประกาศข่าวหนุ่มสุดฮอตมากความสามารถ หลากบทบาทหน้าจอกับการเปิดเผยความเป็นตัวตนแบบหมดเปลือก มาแชร์ชีวิต ความคิด ความฝัน กับ “ตั่ว” สุทิวัส หงส์พูนพิพัฒน์ ผู้ประกาศข่าว สำนักข่าวไทย อสมท และพิธีกรรายการ ช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30
ชื่อเล่น “ตั่ว” มาจากภาษาจีนแต้จิ๋ว หมายถึงพี่คนโต แต่จริงๆ แล้วเป็นคนสุดท้อง เพราะมีพี่ชื่อ “เต้” ด้วยความเกิดมาตัวใหญ่ อาก๋งเลยเข้าใจว่าเป็นคนโต เติบโตมากับครอบครัวคนไทยเชื้อสายจีน ภูมิลำเนาที่จ.ขอนแก่น ครอบครัวทำธุรกิจอัลลอยสแตนเลส เป็นเด็กเรียนห้อง Gifted-คณิตศาสตร์ ที่โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน เป็นตัวแทนสอบแข่งขันของโรงเรียนทั้งสายคณิตศาสตร์ เคมี สังคม ภาษาไทย ถึงขั้นเคยผ่านโอลิมปิกเคมี สอวน. ค่าย 2 ได้รางวัลแข่งประกวดพูดระดับประเทศ จนได้รับคัดเลือกให้เป็นตัวแทนนักเรียนรางวัลพระราชทานของโรงเรียน
แม้จะเป็นเด็กเรียนตัวยง! แต่กิจกรรมก็เข้มข้นไม่แพ้กัน ทั้งเป็นเครือข่ายเด็กและเยาวชนดอกคูณ ทำงานเพื่อเด็กในภาคอีสาน พัฒนาชุมชนลงไปช่วยชาวบ้าน และค้นหาตัวตนมาโดยตลอด จนพบว่าชอบพูด ตั้งแต่มัธยมต้นเป็นเด็กห้องประชาสัมพันธ์ จนได้จับไมค์เป็นนักข่าว ผู้กำกับ ตัดต่อ หลากหลายหน้าที่ในศูนย์ข่าวเยาวชนแห่งประเทศไทย จ.ขอนแก่น ซึมซับความเป็นสื่อมวลชนทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังมาโดยตลอด
ในที่สุดจับเข่าคุยกับทางบ้านว่าอยากเรียนด้านนิเทศศาสตร์ แต่ที่บ้านไม่สนับสนุน เพราะอยากให้รับราชการ แต่ก็ไม่ลดละ จุดผลิกของชีวิตเมื่อมีโอกาสไปเข้าค่ายนักข่าวเยาวชน ทำให้พบว่าการเป็นนักข่าวไม่จำเป็นต้องเรียนจบด้านนิเทศศาสตร์ ด้วยความคิดที่ว่า การไปสู่เป้าหมายไม่ต้องเดินตรงๆ แค่เดินอ้อมก็ไปสู่เป้าหมายได้ ประกอบกับชอบเรียนคณิตศาสตร์ เลือกเรียนปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ เอกการเงินและการเมือง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หวังเป็นนักข่าวสายเศรษฐกิจ ใช้เวลาในการเรียนจนจบ 3 ปีครึ่ง (อื้อหืออออ … เก่งไม่เบา)
*** การเริ่มต้นบนเส้นทางสื่อสารมวลชน ***
ระหว่างเรียนชั้นปีที่ 3 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตอนนั้นช่อง 9 เปิดรับสมัคร “โครงการผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ สำนักข่าวไทย รุ่นที่ 3″ จึงตัดสินใจก้าวเข้ามาสมัครเพื่อทำตามความฝัน ฝ่าฟันผู้สมัครกว่า 700 คน จนติด 1 ใน 3 ได้เป็นผู้ประกาศข่าวหน้าใหม่ในที่สุด เริ่มต้นจากการอ่านข่าวต้นชั่วโมง และเมื่อช่อง 9 เปิดรับผู้สื่อข่าว ตัดสินใจสมัคร ได้รับคัดเลือกให้ทำหน้าที่เป็นผู้สื่อข่าวโต๊ะเฉพาะกิจ ทำสกู๊ปข่าว เช่นเรื่อง จำนำข้าว ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง การเมือง เป็นสกู๊ปแนวเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่ชอบและตรงกับที่เรียนมาเป๊ะ!! จึงมีความสุขกับการทำงานมาก
นอกจากนี้ยังเป็นวิทยากรมืออาชีพของ MCOT Academy ทำหน้าที่สอนหลักสูตรสอบบัตรผู้ประกาศของ กสทช และหลักสูตรผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าว สานฝันคนที่อยากทำงานในเส้นทางสื่อสารมวลชนอีกด้วย
“จุดที่มีความสุขที่สุดในเส้นทางสื่อมวลชนคือ การได้แบ่งปันประสบการณ์ในวิชาชีพที่เราทำให้แก่คนอื่น อยากเห็นวงการข่าวพัฒนา อยากเห็นคนเก่งๆ เข้ามาในอาชีพนี้ มันทำให้เราตื่นตัวตลอดเวลา หลายคนเรียกอาจารย์ รู้สึกเป็นเกียรติมาก ถึงแม้เราจะอายุน้อย เรากลับรู้สึกตลอดช่วงเวลาบรรยายหรือฝึกภาคปฏิบัติเรากำลังแลกเปลี่ยนกับเขาตลอดเวลามากกว่าที่จะให้วิธีสำเร็จรูป เพราะงานวงการสื่อต้องมีศิลปะในการสื่อสารด้วยความเป็นตัวของตัวเองมากผมจำคำที่ครูเคยสอนเสมอว่า เป็นลูกศิษย์ต้องเก่งกว่าครู ไม่งั้นวงการเรา โลกเราจะพัฒนาได้อย่างไร”
*** เบื้องหลังการทำข่าวมีอะไรเด็ดๆ ท็อปซีเคร็ทบ้าง ***
การทำหน้าที่ทั้งผู้สื่อข่าวและผู้ประกาศข่าวควบคู่กันเป็นอะไรที่สนุกมาก ได้ประสบการณ์ไม่น้อย ทั้งแรงกดดัน เป็นการเก็บชั่วโมงบินกว่า 3 ปีที่เข้มข้นและทรหดสุดๆ หลังสืบที่มาที่ไปแล้วชาวบ้านเขาได้รับผลกระทบ เคยเกือบจะโดนยิงและอื่นๆ เพราะทำข่าวทุจริตผู้มีอิทธิพลในโครงการขนาดใหญ่มาแล้ว แต่ในวิกฤตินั้นก็เกิดสิ่งดีๆ ขึ้น เพราะได้ “เรียนรู้” การนำเสนอข่าวทีวีชนิดที่ติดเขี้ยวเล็บในการนำเสนอ ใช้ภาพสื่อสารแทนที่จะเป็นบทพูด เมื่อภาพและบทไม่ไปในทิศทางเดียวกัน คนดูเท่านั้นเป็นผู้ตัดสิน
“ในชีวิตนักข่าว ทีมข่าวสำคัญ สำคัญตั้งแต่ตอนหาประเด็น ถกกับกองบรรณาธิการ จนเข้าสู่กระบวนการผลิตก่อนรายงานข่าวทางหน้าจอ โชคดีเราเห็นภาพรวมทั้งสายโซ่ ตลอดจนทีมงานที่ร่วมชีวิตไปกับเรา ณ ช่วงเวลาที่อันตราย สุ่มเสี่ยงเกิดความขัดแย้งในพื้นที่ทำข่าว เมื่อนั้นเราต้องเข้มแข็ง ยอมรับเคยเสียน้ำตากับงานข่าวด้วย แต่เป็นน้ำตาที่ดีใจที่ได้ทำหน้าที่สื่อมวลชนและร่วมงานกับคนคุณภาพ ซึ่งพอมาวันหนึ่งกาลเวลาก็พิสูจน์ค่าของคนเอง และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ”
***เคยตัดสินใจก้าวเดินจากสิ่งที่รักและฝันมาตลอด***
ในตอนนั้นสิ่งที่ฝันเราได้ทำมันทุกๆ อย่างแล้ว ทั้งการทำสกู๊ปข่าว เขียนข่าว รายงานสด จึงคิดอยากจะพัฒนาตัวเองให้ดียิ่งขึ้นไปอีก เลยตัดสินใจพักงานประจำในฐานะผู้สื่อข่าว ลองกระโดดไปชิมลางแวดวงธุรกิจ เลือกเรียนเพิ่มเติมเกี่ยวกับมาร์เกตติ้ง เพราะอยากจะได้มุมมองใหม่ๆ ในการใช้ชีวิต อยากวิเคราะห์เศรษฐกิจได้ อยากรู้กลยุทธ์และความเป็นไปของเศรษฐกิจ
“ความหวังสูงสุดเราคือผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ แล้วกลับมาวิเคราะห์ข่าวในงานที่เรารัก ขณะเดียวกันก็ยังทำหน้าที่ผู้ประกาศข่าวควบคู่ไป และสิ่งเหล่านี้จึงเป็นการต่อยอดและเป็นจุดเริ่มต้นให้เป็น ผู้ดำเนินรายการวิทยุคลื่น FM 100.5 รายการ 100.5 คืบหน้าข่าว ช่วงจอมยุทธ์การตลาด วันพุธถึงวันศุกร์ ให้ความรู้ด้านเศรษฐกิจการตลาดในสไตล์นักการตลาดรุ่นใหม่ คู่กับกูรูการตลาดชั้นนำของเมืองไทย สัมภาษณ์ผู้ประกอบการที่เปิดตลาดอาเซียน รวมทั้งสัมภาษณ์ผู้ประกอบการ Start Up ที่เป็นแรงบันดาลใจให้คนที่อยากทำธุรกิจยุคใหม่ และยังไม่กล้าลงมือทำ”
***คิดอย่างไรกับการที่ชาวเน็ตให้ขึ้นแท่นเป็นผู้ประกาศข่าวหนุ่มสุดฮอต หน้าตาดี ***
ส่วนตัวไม่ได้หน้าตาดีขนาดนั้นครับ แต่ก็รู้สึกดีนะที่มีคนตามผลงานเรา มีคนเคยถามเหมือนกันว่า เอ๊ะ! พอเราหน้าตาดีแล้ว มีคนติดตามข่าวเรามากขึ้นไหม? ก็จริงนะ (ยิ้ม) บางคนติดตามผลงานตลอด ยกให้เราเป็นไอดอล เพราะอยากจะนักข่าวเหมือนเรา เห็นมุมมองการใช้ชีวิตเราจากบทสัมภาษณ์ตามสื่อต่างๆ ติดตามรายการที่เราทุ่มเท แค่นี้เราก็รู้สึกดีแล้ว
“ผู้ชมบางท่านอาจจะชื่นชอบนักข่าว คนหน้าจอที่บุคลิกภายนอก มันก็เหมือนเวลาเจอหน้าใคร แล้วเราประทับใจ แรกพบนะ.. คุณมีเวลาไม่กี่วินาที ก่อนที่ผู้ชมจะกดรีโมทไป ที่จะทำให้เขาตกหลุมรักเรา ด้วยสิ่งที่เราคิดและพูด สื่อสารออกไปในแบบที่เราเป็น ผมคิดแบบนั้น ผมถือคติว่าต้องรู้ให้มากกว่าคนดูคิดว่าเรารู้…ท้ายสุดคนดูเขาตัดสินเองว่าจะรับเราไปไว้ในใจหรือไม่”
*** มองงานข่าวกับโซเชียลปัจจุบันเป็นอย่างไร ***
โลกโซเชียลเปิดช่องทางในการรับข่าวสารหลากหลายมากขึ้น แต่ด้วยความรวดเร็วในตัวมันเอง ก็ต้องมีข้อจำกัดที่ต้องระวัดระวัง ผู้เสพสื่อต้องมีวิจารณญาณในการรับสื่อ ควรเปิดรับหลายๆช่องทาง
“บางอย่างที่เราไม่แน่ใจว่าถูกหรือผิด ถ้าบังเอิญมันผิด กลายเป็นว่าเราอาจไปทำร้ายเขาโดยไม่รู้ตัว เราแชร์ข้อมูลไปราวกับว่ามันถูกต้อง ถ้าคุณไม่แน่ใจ ผมแนะนำสามารถส่งไปที่ ศูนย์ชัวร์ก่อนแชร์ ของสำนักข่าวไทยได้ เพื่อที่จะให้เขาได้มีการตรวจสอบ สิ่งที่สื่อมวลชนทำคือ ยึดจรรยาบรรณ ถูกต้อง เป็นกลาง ไม่ใช่แค่คำนึงถึงคนดูว่าได้อะไร แต่ต้องไม่ได้รับผลกระทบด้วย จากการที่ทำข่าวและนำเสนอข่าวให้สำนักข่าวไทย ซึ่งได้นำเสนอข่าวที่เป็นประโยชน์กับสังคม เปิดพื้นที่แสดงความคิดเห็นในฐานะพื้นที่ความขัดแย้งอย่างสันติ ซึ่งเป็นสิ่งที่เราภาคภูมิใจที่อยู่ในบ้านหลังนี้”
*** พูดถึงมุมมอง “เปลี่ยน ปรับ ขยับสู้” ของสำนักข่าวไทย อสมท ***
ถ้าสังเกตในภาคข่าวต่างๆ ของสำนักข่าวไทย ในส่วนตัวแล้วรับผิดชอบข่าวเที่ยง รูปแบบการนำเสนอข่าวจะเข้าถึงผู้ชมมากขึ้น จากเดิมที่เป็นการรายงานข่าวอย่างเดียว ก็เปลี่ยน ปรับให้เป็นลักษณะของการรายงานข่าวกึ่งเล่าข่าว เพื่อให้เข้าถึงผู้ชมและเข้าใจง่ายมากขึ้น ส่วนตัวมองว่าข่าวของสำนักข่าวไทย จุดเด่นคือ ความเป็นกลาง น่าเชื่อถือ มืออาชีพ ซึ่ง 3 คอนเซปต์นี้มันตอบโจทย์ทุกอย่างได้ดีอยู่แล้ว ในฐานะผู้ประกาศข่าวที่เรานำเสนอ ด้วยความที่เป็นการรายงานกึ่งเล่าข่าว การนำเสนอยังไงก็ตามที่ไม่เอนเอียงข้างใดข้างหนึ่ง หรือสะท้อนมุมมองใดมุมมองหนึ่ง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ผู้ประกาศพึงระมัดระวังอยู่แล้ว
ส่วนการเปลี่ยน ปรับ ขยับสู้ ในครั้งนี้ มุมมองหรือเรื่องราวของข่าวที่นำเสนอออกไป สำนักข่าวไทยแทบจะไม่ตกประเด็นเลย แต่สิ่งที่เราคุยกับทีมกองบรรณาธิการตลอด คือผู้ชมได้อะไรจากการนำเสนอข่าวนั้นๆ และที่สำคัญความถูกต้องของข่าวและการรายงานข่าว หลังๆ จะเห็นว่าข่าวในปัจจุบันมีเยอะมาก ทุกคนสามารถที่จะทำหน้าที่สื่อได้หมด แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นสื่อที่มืออาชีพได้ แต่เรามีทีมข่าวที่มีการคัดกรองข่าวมาแล้ว เป็นกลาง น่าเชื่อถือ และเป็นมืออาชีพ ก่อนที่จะนำเสนอหรือแชร์ออกไป
***บนหน้าจอ เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน มุกที่ยิงมาแต่ละเม็ดมีที่มายังไง***
สำหรับมุกที่เล่นในรายการสามหนุ่มเตือนภัย และรายการอื่นๆ ต้องบอกก่อนเลยว่า ข่าวก็สาระหนักๆ บางครั้งก็เครียดมากแล้ว แต่ว่าคนดูส่วนใหญ่ชอบบันเทิง อะไรที่เป็นแบบสาระเชิงข่าวได้รับความนิยมน้อย การที่เรานำเสนออะไรไปก็ตาม สื่อสารไปแบบ 100% จริงๆ คนรับสารรับได้ไม่ถึง 100% แน่นอน เลยคิดว่าจะดีกว่ามั้ย? ถ้าเนื้อหาไม่แน่น ไม่หนักมาก แต่คนดูเอาไปใช้ได้ แบบโดนใจ เขาก็จะจำได้และสนุกไปกับมันด้วย พอลองดูก็มีกระแสตอบรับดีมาก มีแฟนคลับรายการ มุกบางมุกก็มีทั้งหามาแล้ว แต่งเองมุกสดก็มี และส่วนใหญ่มุกที่แป้ก ไม่ใช่เพราะผมแน่นอน เพราะเพื่อนไม่เก็ต เข้าคอนเซ็ปต์รายการ มุกไม่ฮาพาเพื่อนเครียดครับ 555+
*** ทำงานมากหลายอย่างแบบนี้ได้พักผ่อนบ้างไหม***
จริงๆ ทำรายการก็เหมือนเป็นการพักผ่อนไปในตัว เพราะได้ไปวิ่งด้วย เป็นคนชอบวิ่งอยู่แล้ว และมีเวลาพักแบบสัปดาห์ละ 1 วัน จะไปสังสรรค์กับเพื่อนแบบปกติ เพราะเป็นคนชอบแฮงเอาท์ หรือบางสัปดาห์แทบจะไม่ได้หยุดเลย แต่ทุกๆ การทำงานเรารู้สึกว่าเรามีความสุขกับสิ่งที่เรารัก
*** หุ่นฟิต!! สุขภาพดีขนาดนี้ มีเคล็ดลับหรือเทคนิคดูแลสุขภาพอย่างไร***
อย่างการวิ่งมันเป็นกีฬาที่เราอยู่กับตัวเองได้ ไม่ต้องรอเพื่อน ไปได้เองเลย ส่วนการเล่นเวทเพราะเราอยู่หน้าจอ การดูแลสุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ แต่จุดเริ่มต้นของการออกกำลังกายต้องมีแรงบันดาลใจ เพื่อนชวนครับ ถ้าคุณมีเพื่อนออกกำลังกาย เพื่อนก็จะดึงคุณไปด้วย แล้วสุดท้ายคุณก็จะติดกับการออกกำลังกายไปเอง
“บางคนอาจจะบอกว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย ผมว่าคนเรามี 24 ชั่วโมงเท่ากัน มันขึ้นกับว่าคุณให้ความสำคัญอะไรมากกว่ากัน โดยเฉพาะสิ่งที่คุณจะอยู่กับมันไปตลอดชีวิต เราจะไม่ให้ความสำคัญมันบ้างเลยหรือ? (ฟังแล้วอยากลุกไปออกกำลังกายบ้างไรบ้าง)
ส่วนเทคนิคการออกกำลังกายไม่มีอะไรมาก แค่เราสนุกไปกับมัน บางครั้งเราเครียดกับงาน พอเราได้ออกกำลังกายเหมือนได้กระชากตัวเองออกไป ให้เหนื่อยสุดๆ เหงื่อออกให้ความเครียดมันออกไป และดีด้วยที่งานข่าวสำหรับผมแล้วมันจบเป็นวันๆ วันถัดมาก็เป็นข่าวเรื่องใหม่ เจออะไรใหม่ๆตลอด ต้องตื่นตัวตลอดเวลา เหมือนการออกกำลังกาย Weight Training ก็เหมือนกัน ออกกำลังกายท่าซ้ำเดิม กล้ามเนื้อจดจำและจำเจ ต้องปรับเปลี่ยนหาเทคนิค ท่าใหม่ๆ ในการออกกำลังกาย ประมาณนี้ไม่มีอะไรมาก และผมชอบวิ่งมาก ทุกครั้งที่ได้วิ่งมาราธอนจะมีความสุขมาก เหมือนได้เติมเต็ม ถือเป็นงานอดิเรกเลย ได้ทั้งเพื่อน สังคม ประกอบกับการได้โอกาสทำรายการ Unique Running เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์การกีฬา เราก็ได้คำแนะนำที่ถูกต้องไปด้วย ส่วนการดูแลเรื่องเสียง ก็จะดื่มน้ำเปล่าอุณหภูมิห้องอย่างเดียวเลยครับ
***มีคำตอบไหนที่อยากตอบมาก แต่ไม่เคยมีใครถามเลย***
สำหรับคนที่ติดตามอินสตาแกรม หรือเห็นภาพเราบนเว็บไซต์ต่างๆ อาจสงสัย “ใครเป็นคนถ่ายภาพให้?? “บอกเลยตรงนี้หลายรูป…ไม่มีใครถ่ายให้นะ ถ่ายเอง 555+ ใช้กล้องดิจิทัลที่สามารถต่อกับโทรศัพท์มือถือ ตั้งถ่ายเองเลย เนียนๆ หลบมุม หลบมือถ่าย บอกใครก็ไม่มีใครเชื่อ เราเข้าใจนะ เราก็ไม่คิดว่าเราจะสามารถเหมือนกัน
จากการการสนทนาร่วมชั่วโมงกับ “ตั่ว” สุทิวัส ผู้ประกาศหนุ่มหล่อสุดล่ำ บอกได้เลยว่าผู้ชายคนนี้มีความครบเครื่อง ครบรส ความรู้สามารถรอบด้าน และมีพลังมากมายที่จะทำตามใจฝัน เราคงมีโอกาสได้เห็นผลงานของเขาทางหน้าจอและหน้าปัดวิทยุมากขึ้น รอชมผลงานของเขาได้เลย (แน่นพอๆ กับกล้ามที่เห็นนั่นแหละ)
***รายการที่ทำอยู่ปัจจุบัน ***
ผู้ประกาศข่าว สำนักข่าวไทย อสมท และพิธีกรรายการ ทางช่อง 9 MCOT HD เลข 30 และ MCOT Family
– ข่าวเที่ยง ในวันจันทร์-อังคาร 12.00-13.00 น.
– รายการคุยขโมงข่าวเช้า ช่วง Biztime ในวันพฤหัสบดี-ศุกร์ (เวลา 06.50-07.10น.)
– 9 Speed News ในวันพฤหัสบดี-ศุกร์
– พิธีกรรายการสามหนุ่มเตือนภัย จันทร์-ศุกร์ เวลา 23.30-24.00 น.
– พิธีกรรายการ Share ชีวิต ทุกวันเสาร์ เวลา 14.00-14.30 น.
– พิธีกรรายการ Unique Running ทุกวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.30 น.
– รายการ Kids De doo dee จันทร์-ศุกร์ เวลา 07.30-08.00 น. MCOT Family ช่อง 14
– รายการอยู่อย่าง Strong by สโมสรสุขภาพ ช่วงขยับอย่าง Strong ในวันพฤหัสบดี-ศุกร์ เวลา 14.00-15.00 น.
รายการวิทยุ
– รายการคืบหน้าข่าว ช่วงจอมยุทธ์การตลาดและจอมยุทธ์อาเซียน FM 100.5 เวลา 11.00-12.00 น.
– สน.100.5 คลื่น FM 100.5 เวลา 16.00-18.00 น.
***ช่องทางการติดตาม ***
Facebook : Tua Sutiwas
IG : sutiwas
twitter : SutiwasHong
***ประวัติส่วนตัว***
นายสุทิวัส หงส์พูนพิพัฒน์ (ตั่ว) ผู้ประกาศข่าว พิธีกร ผู้ดำเนินรายการวิทยุ และวิทยากรมืออาชีพ
เกิดวันที่ 6 ก.ย. 2532 ส่วนสูง 177 ซม. น้ำหนัก 75 กก.
การศึกษา :
– มัธยมศึกษา สายวิทย์-คณิต (อัจฉริยภาพทางคณิต)โรงเรียนขอนแก่นวิทยายน อ.เมือง จ.ขอนแก่น
– ปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ (สาขาวิชาการเงิน-การธนาคาร, วิชาโทการเงิน)
Sutiwas Hongpoonpipat
News Anchor, Modernine TV Station
Email : Sutiwas@yahoo.com