ชลบุรี 11 พ.ย.-นุ้ยหญิงพิการไม่มีนิ้วมือนิ้วเท้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศล เผยพระองค์เป็นพ่อของคนทั้งแผ่นดิน
ที่วัดสัตหีบ หรือวัดหลวงปู่อี๋ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี นายกกิ่งกาชาดอำเภอสัตหีบ ร่วมกับ ประธานชมรมคนพิการเทศบาลเมืองสัตหีบ พร้อมข้าราชการ ทหาร ตำรวจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลสวดอภิธรรมถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช โดยมี พระครูทัสนียคุนากร เจ้าคณะอำเภอสัตหีบ และเจ้าอาวาสวัดสัตหีบ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ โดยพระสงฆ์ 4 รูป บำเพ็ญกุศลสวดพระอภิธรรม 7 คัมภีร์ และนำผู้ร่วมพิธีนั่งเจริญจิตภาวนาเป็นเวลา 9 นาที ร่วมอธิษฐานจิตเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
นางสาวธนารี ฟุ้งภิญโญภาพ หรือนุ้ย วัย 36 ปี ไม่มีนิ้วมือและนิ้วเท้าทั้ง 2 ข้างตั้งแต่กำเนิด แต่ไม่ยอมแพ้ มุ่งมั่นเรียนหนังสือพร้อมกับทำงานส่งเสียตัวเองจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี นิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ในเวลาเพียง 3 ปีครึ่ง เพราะเธอเชื่อมั่นมาโดยตลอดว่า “ถ้ามีความรู้ ย่อมมีโอกาสได้งานที่ดีทำ” โดยเดินทางจาก อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตั้งใจมาเข้าร่วมพิธีในวันนี้ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากที่สูญเสียพ่อหลวง ร.9 ไป เพราะพระองค์เป็นพ่อของคนทั้งแผ่นดิน นอนร้องไห้หลายวัน ถึงแม้จะพิการแต่มีความภูมิใจที่ได้เกิดมาอยู่ในแผ่นดินของพระองค์ท่าน และจะนำพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน ที่ให้กำลังใจกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนพิการหรือประชาชนโดยทั่วไปให้อยู่กันอย่างเท่าเทียมและอยากให้ประชาชนทุกคนรักกัน สาเหตุที่เรียนจนจบปริญญาตรีและเขียนหนังสือได้สวยงามเป็นระเบียบอย่างนี้ เกิดจากการฝึกฝนพากเพียรตามแนวพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน อย่างน้อยเราต้องหาทางทำอะไรก็ได้ให้สามารถเรียนรู้และนำไปประกอบอาชีพได้ ปัจจุบันทำงานบัญชีอยู่ที่ร้านเสริมสวยและขายลอตเตอรี่อยู่ในพื้นที่เมืองพัทยา ซึ่งมีรายได้สามารถเลี้ยงตัวเองได้ และอยู่อย่างเศรษฐกิจพอเพียงตามพระราชดำรัสของในหลวงตรัสไว้ ตนรักพ่อหลวงมาก เมื่อได้ยินเสียงเพลงเกี่ยวกับพระองค์ท่านก็จะร้องไห้ทุกอยากไปที่ท้องสนามหลวงเพื่อเข้าพระราชวัง กราบถวายบังคมพระบรมศพท่านสักครั้ง แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปอย่างไร อยากไปจริงๆ
ขณะที่หนุ่มใหญ่เมืองอุบล มุ่งมั่นเดินเท้าเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อกราบถวายบังคมพระบรมศพ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อม
ที่หน้าอาคารมูลนิธิศรีสะเกษสงเคราะห์ ถนนอุบล ตำบลเมืองใต้ อำเภอเมือง จังหวัดศรีสะเกษ นายสายหยุด วิลัย อายุ 51 ปี ชาวจังหวัดอุบลราชธานี เริ่มออกเดินเท้ามุ่งหน้าเข้ากรุงเทพมหานคร เพื่อเข้ากราบถวายบังคมพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านทรงมีต่อปวงชนชาวไทย โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิศรีสะเกษสงเคราะห์ผลัดเปลี่ยนกันเดินเท้าเป็นเพื่อนนายสายหยุด และใช้รถยนต์ตู้เปิดไฟสัญญาณไซเรนติดตามเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ ออกจากจังหวัดศรีสะเกษมุ่งหน้าสู่จังหวัดสุรินทร์ โดยใช้ถนนหมายเลข 226
นายสายหยุด กล่าวว่า ตนเองเป็นทหารผ่านศึกเคยรับใช้ชาติรับใช้สถาบันพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันมีอาชีพค้าขาย และได้เดินตามรอยพ่อของแผ่นดินด้วยการดำเนินชีวิตอยู่อย่างพอเพียง ตนเองรักเคารพพระองค์ท่าน จึงตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพ ระยะทาง 600 กว่ากิโลเมตร เพื่อเข้าถวายบังคมพระบรมศพ ออกเดินทางจากบ้านที่จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเวลา 07.30 น.ของเมื่อวานนี้ (10 พ.ย.) มาถึงจังหวัดศรีสะเกษเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.ซึ่งได้เตรียมเต็นท์ติดตัวมาด้วย ตอนแรกตั้งใจจะพักนอนตามข้างทางไปตามสะดวกโดยไม่ต้องรบกวนใคร แต่เจ้าหน้าที่มูลนิธิศรีสะเกษสงเคราะห์ได้แนะนำให้มานอนพักในมูลนิธิ เพราะสะดวกกว่า “ตนตั้งใจไว้ว่าจะเดินไปให้ถึงจุดหมายให้ได้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 10 วัน.-สำนักข่าวไทย