กรุงเทพฯ 12 พ.ย.-บริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด รายงานสรุปการเคลื่อนไหวเงินบาทสัปดาห์นี้(7-11 พ.ย.) ว่า เงินบาทแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 เดือน ก่อนลดช่วงติดลบลงมาบางส่วน โดยเงินบาทแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงแรก โดยอาจมีแรงหนุนจากแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ในประเทศ หลังจากราคาทองคำในตลาดโลกปรับสูงขึ้นท่ามกลางความกังวลต่อชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ดี เงินบาทกลับมาอ่อนค่าลงในช่วงที่เหลือของสัปดาห์ ขณะที่ เงินดอลลาร์ฯ ฟื้นตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่งจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจได้รับแรงกระตุ้นเพิ่มเติมจากมาตรการเศรษฐกิจของนายทรัมป์ ประกอบกับตลาดประเมินว่า เฟดยังมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นดอกเบี้ยในเดือนธ.ค. นี้
สำหรับในวันศุกร์ (11 พ.ย.) เงินบาทอยู่ที่ 35.30 บาทต่อดอลลาร์ฯ เทียบกับระดับ 34.97 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ (4 พ.ย.)
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (14-18 พ.ย.) ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทที่ 35.10-35.40 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยจุดสนใจของตลาดการเงินทั่วโลกน่าจะอยู่ที่ผลกระทบที่ตามมาหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และสัญญาณเกี่ยวกับแนวโน้มดอกเบี้ยสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง และตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญได้แก่ ดัชนีกิจกรรมการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและสาขาฟิลาเดลเฟีย ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย. ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้บริโภค ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคานำเข้าและส่งออก การผลิตภาคอุตสาหกรรม การเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. รวมถึงข้อมูลเงินทุนไหลเข้าสุทธิและปริมาณการซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ของต่างชาติเดือนก.ย. นอกจากนี้ นักลงทุนอาจมีจุดสนใจเพิ่มเติมที่ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ของญี่ปุ่นและยูโรโซน ตลอดจนตัวเลขเศรษฐกิจเดือนต.ค. ของจีน
ส่วนตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ ดัชนีหุ้นไทยลดลงปลายสัปดาห์ หลังผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยดัชนี SET ปิดที่ระดับ 1,494.53 จุด เพิ่มขึ้น 0.59% จากสัปดาห์ก่อน มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันเพิ่มขึ้น 45.95% จากสัปดาห์ก่อน มาที่ 73,021.58 ล้านบาท ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 587.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.44% จากสัปดาห์ก่อน
ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นในช่วงต้นของสัปดาห์ โดยได้รับมุมมองเชิงบวก หลัง FBI ยืนยันตามคำตัดสินเดิมว่า นางฮิลลารี คลินตันไม่สมควรถูกดำเนินคดี เพราะไม่มีความผิดทางอาญา อย่างไรก็ดี ตลาดแกว่งตัวผันผวนในวันพุธหลังนาย โดนัลด์ ทรัมป์ พลิกล็อกชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากนั้น ตลาดหุ้นไทยปรับเพิ่มขึ้นตามตลาดหุ้นต่างประเทศในวันพฤหัสบดีจากความคาดหวังว่า นโยบายด้านเศรษฐกิจของทรัมป์น่าจะเป็นมิตรต่อภาคธุรกิจ กระนั้น ดัชนีหุ้นไทยปรับลดลงในวันศุกร์ ตามแรงขายเพื่อทำกำไรของนักลงทุน Thailand’s SET index
สำหรับสัปดาห์ถัดไป (14-18 พ.ย.) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,480 และ 1,455 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,510 และ 1,525 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ ถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่เฟด และพัฒนาการทางการเมืองของสหรัฐฯ ขณะที่ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ข้อมูลภาคการผลิต ยอดค้าปลีก และดัชนีราคาผู้บริโภค ส่วนปัจจัยต่างประเทศอื่นๆ ที่น่าสนใจ ได้แก่ ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีน และยูโรโซน รวมทั้ง การรายงานจีดีพีในญี่ปุ่น และประเทศยูโรโซน-สำนักข่าวไทย