ศาลฎีกานักการเมือง 17 มี.ค.-ยิ่งลักษณ์ หวังกรณีภาษีชินฯ จะไม่ใช่การใช้อำนาจทางกม.ไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หนุนตั้งกรรมการกลางสร้างปรองดอง
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดไต่สวนพยานจำเลยครั้งที่ 12 คดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฐานปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำข้าว เป็นการไต่สวนพยาน 3 ปาก ช่วงเช้า 2 ปาก คือ บุคคลจัดหาผู้ตรวจสอบบัญชี ตำรวจที่จับกุมคดีเกี่ยวกับจำนำข้าว และช่วงบ่าย คือ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกรัฐมนตรี
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้สัมภาษณ์กรณีเรียกเก็บภาษีจากหุ้นชินคอร์ปฯ กรณีนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษายึดทรัพย์ไปแล้ว 45,000 ล้านบาท ยังไม่รู้ว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้น การจะเรียกเก็บภาษีต่าง ๆ ทั้งที่ศาลฎีกาตัดสินไปแล้ว หวังว่าคงไม่ใช่การใช้อำนาจที่ตัวเองมีอยู่ หรือกฎหมายที่ตัวเองมีอยู่ ไปใช้เพื่อประโยชน์ทางการเมือง หรือเพื่อหาวิธีการทางกฎหมายไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
“เห็นใจกันเถอะค่ะ ทุกอย่างดูจากมุมข้างนอก เราก็ยังไม่รู้ว่าในแง่ของรัฐบาล ในเรื่องข้อกฎหมายใด วิธีการใด รายละเอียดต่าง ๆ เราก็ยังไม่ทราบ ที่สำคัญมันเป็นเหมือนไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็หวังว่ากฎหมายจะคำนึงถึงความยุติธรรม คำนึงถึงการที่จะบังคับใช้กับทุกคน อย่างเท่าเทียมกัน อย่าให้กฎหมายเป็นเครื่องมือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพื่อไล่ล่า และเพื่อทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมากขึ้น ดิฉันตั้งข้อสงสัยนี้ไว้ หวังว่าผู้ที่รักษากฎกติกาจะกระทำกับทุกคนอย่างเท่าเทียม” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าว
ส่วนรัฐบาลควรชี้แจงหรือไม่ว่าใช้กฎหมายข้อใดเพื่อความเป็นธรรม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เชื่อว่าไม่ใช่แค่เพียงครอบครัวดิฉันหรือผู้ที่มีผลกระทบเท่านั้น เชื่อว่าประชาชนทุกคนคงอยากจะฟังคำชี้แจงจากรัฐบาล เราคงไม่อยากได้ยินคำว่าอภินิหารทางกฎหมายเกิดขึ้น เราอยากเห็นการใช้กฎหมายด้วยความสุจริตและเป็นธรรม
เมื่อถามย้ำว่าการดำเนินคดีหุ้นชินฯ จะกระทบการสร้างความปรองดองที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ถ้าเป็นการไล่ล่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แล้วไม่ได้เกิดความเสมอภาค ก็ยังไม่เห็นว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เราจะก้าวข้ามสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้อย่างไร เราเป็นผู้ที่ถูกกระทำอยู่ปลายทาง ผู้ที่ถือกติกาก็คงต้องคำนึงถึงจุดนี้ด้วย
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยเสนอตั้งกรรมการกลางเพื่อสร้างความปรองดอง น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องดี เพราะรัฐบาลต้องเปิดใจและในแง่การสร้างความบริสุทธ์ใจ อยากให้ผู้ที่มีความเป็นกลางมาร่วมดำเนินการด้วย เพื่อจะได้ไม่มองว่ารัฐบาลเป็นคู่ขัดแย้งเสียเอง ถ้ามีกรรมการอิสระและเป็นกลาง ทุกคนจะเชื่อมั่นว่าคนที่เป็นกลางจะให้ความยุติธรรมถือเป็นสิ่งที่ดี และอยากสนับสนุนแนวคิดนี้
เมื่อถามย้ำว่าหากรัฐบาลยังเดินหน้าเรียกเก็บภาษีหุ้นชินคอร์ป ความปรองดองจะเกิดขึ้นหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ต้องถามผู้ถือกติกาและผู้ที่จะวางกติกาเรื่องความปรองดอง ความหมายของคำว่าปรองดองหมายถึงอะไร
ส่วนกรณีที่สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) จะตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินนักการเมืองในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า การตรวจสอบทรัพย์สินนักการเมืองมีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ตรวจสอบอยู่แล้ว ซึ่งยังไม่ทราบว่าสิ่งที่สตง.จะส่งมาคืออะไร ขอให้ได้รายละเอียดก่อน
ส่วนกรณีที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน สหประชาชาติแสดงความห่วงใยเรื่องการใช้มาตรา 44 น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เป็นความห่วงใยที่ส่งผ่านมานานแล้ว คงไม่ต้องพูดซ้ำ เชื่อว่ารัฐบาลทราบ แต่ทำอย่างไรที่รัฐบาลจะรีบคืนอำนาจให้กับประชาชน อย่าใช้อำนาจที่มีอยู่ เพื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เพราะหากเกิดตรงนี้ได้ก็จะเกิดความเข้าใจและความสามัคคี.-สำนักข่าวไทย