ไอเอ็มเอฟเสนอใช้นโยบายการเงินการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ

กรุงเทพฯ  19 มี.ค. – ไอเอ็มเอฟประเมินเศรษฐกิจไทยเติบโตแบบ News Normal เสนอใช้นโยบายการเงินการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจ  ขณะที่รองนายกรัฐมนตรีมองอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 เหมาะสม


นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า  สัปดาห์ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เข้ามาเก็บข้อมูลพื้นฐานทางเศรษฐกิจของไทยและหารือกับนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี โดยเจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟ ยอมรับว่าเศรษฐกิจโลกอยู่ในช่วงชะลอตัว ไทยจึงได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงเศรษฐกิจเติบโตแบบ “News Normal”  หรือการขยายตัวแบบไม่หวือหวา ซึ่งเผชิญเหมือนกันทุกประเทศทั่วโลก

ทั้งนี้  จากปัญหาเศรษฐกิจคอขวดทั้งการจ้างงานไม่เต็มที่ รายได้แรงงานเกษตรกรไม่สูง โครงสร้างพื้นฐานไม่ได้ลงทุน   ไอเอ็มเอฟจึงเสนอให้ไทยใช้นโยบายการเงิน การคลัง กระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้กำลังซื้อในประเทศเพิ่มระยะสั้น จึงควรเน้นนโยบายการเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ดึงอัตราเงินเฟ้อกลับไปสู่เป้าหมายของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ร้อยละ 2.5 ในปี 2560 ส่วนนโยบายการคลัง มุ่งด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานยกระดับศักยภาพระยะยาว เพราะการลงทุนภาครัฐเป็นปัจจัยการลงทุนสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ  ทำให้ภาคเอกชนลงทุนเพิ่มตามไปด้วย และจะช่วยดึงอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้นตามเป้าหมายได้อีกทางหนึ่ง นับว่านโยบายการคลังทั้งรัฐบาลและไอเอ็มเอฟเห็นสอดคล้องกัน เพราะเห็นด้วยกับแนวทางขาดดุลงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2561 ขาดดุล 460,000 ล้านบาท ขณะที่กระทรวงคลังกำลังดูแลสังคมผู้สูงอายุ ปัญหาแรงงาน


ไอเอ็มเอฟย้ำว่านโยบายการคลังไม่ควรนำมากระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ไม่มีเป้าหมายชัดเจน และเสนอปฏิรูปเรื่องระบบชำนาญราชการ การปฏิรูปด้านประกันสังคมดูแลแรงงาน  การดูแลผู้สูงอายุและมีส่วนใช้แรงงานจากผู้สูงอายุให้เกิดประโยชน์  ยอมรับว่าสิ่งที่ไอเอ็มเอฟเสนออยู่ในแผนรัฐบาลกำลังดำเนินการและจะเพิ่มขึ้นในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า ขณะที่อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.5 เป็นระดับที่เหมาะสมกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ดอกเบี้ยเงินฝากเหลือร้อยละ 0.25-0.3 หากไอเอ็มเอฟเสนอให้ลดดอกเบี้ยอีก นายสมคิด ย้ำกับไอเอ็มเอฟว่ารัฐบาลมองว่าอัตราร้อยละ 1.5 เหมาะสมแล้ว ไม่จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยเพิ่มอีก เพื่อเป็นกระสุนเก็บไว้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจหากเศรษฐกิจผันผวน รัฐบาลเห็นด้วยกับนโยบายการเงินกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่เห็นด้วยหากต้องการให้ลดดอกเบี้ยจากระดับปัจจุบัน โดยภาพรวมแล้วทั้งไอเอ็มเอฟและรัฐบาลมองในมุมสอดคล้องกัน. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จำคุกสมรักษ์คำสิงห์

ศาลสั่งคุก 2 ปี 13 เดือน 10 วัน “สมรักษ์” พยายามข่มขืนสาววัย 17

ศาลจังหวัดขอนแก่น พิพากษาจำคุก “สมรักษ์ คำสิงห์” อดีตนักมวยฮีโร่เหรียญทองโอลิมปิก เป็นเวลา 2 ปี 13 เดือน 10 วัน พร้อมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนรวม 170,000 บาท คดีพยายามข่มขืนเด็กสาววัย 17 ปี

Chinese foreign ministry in January 2025

ถอดบทเรียนจากจีน แก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 จริงจัง

ปักกิ่ง 23 ม.ค. – สถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังเป็นปัญหาใหญ่และเร่งด่วนในไทยอยู่ในขณะนี้ หลายฝ่ายกำลังหาทางแก้ไขด้วยการมุ่งไปที่ต้นตอที่ทำให้เกิดฝุ่น จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลกระบุว่า ในปี พ.ศ. 2542 ประชากรโลกมากถึง 92% ได้รับฝุ่น PM2.5 ในระดับความเข้มข้นสูงกว่าที่องค์การอนามัยโลกกำหนด และถ้ารัฐบาลทุกประเทศไม่เร่งแก้ปัญหาอย่างเอาจริงเอาจัง ภายในอีก 7 ปีข้างหน้า หรือ พ.ศ. 2573 คุณภาพชีวิตคนทั่วโลกจะยิ่งเลวร้ายสุดขีด เพราะปริมาณ PM2.5 จะเพิ่มขึ้นจากเดิม 50% และประเทศที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นเป็นตัวอย่างว่า หากรัฐบาลตั้งใจจริงจัง ทุ่มสรรพกำลังความพยายาม จะสามารถกำจัดปัญหาฝุ่นควันพิษได้อย่างแน่นอนนั่นก็คือ จีน   จีนเคยมีคนเสียชีวิตเพราะมลพิษในอากาศปีละหลายล้านคน แต่ทุกวันนี้แม้แต่ธนาคารโลกยังยกย่องจีนว่า เป็นแบบอย่างของความพยายาม สามารถพลิกฟ้าหม่นเพราะฝุ่น PM2.5 ให้กลับเป็นฟ้าใสได้สำเร็จ ความพยายามของเหมา เจ๋อตุง ผู้นำจีนที่มุ่งเปลี่ยนสังคมเกษตรกรรมเป็นสังคมอุตสาหกรรม ทำให้จำนวนโรงงานในจีนเพิ่มขึ้นทวีคูณภายใน พ.ศ. 2502 แน่นอนว่า นโยบายเศรษฐกิจของผู้นำจีนช่วยให้คนจีนหลายล้านหลุดพ้นจากขีดความยากจน แต่ก็ต้องแลกกับชีวิตและสุขภาพ เพราะควันพิษจากโรงงานทำให้ฝุ่น PM2.5 พุ่งในระดับเกินกว่าจะรับไหว กว่ารัฐบาลจะรู้ตัวว่าปัญหามาถึงขั้นวิกฤต […]

คึกคัก คู่รักจูงมือกันไปจดทะเบียนวันแรกกฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผล

วันนี้กฎหมายสมรสเท่าเทียมมีผลใช้บังคับอย่างเป็นทางการ หลายคู่รักควงแขนไปจดทะเบียนสมรสกันชื่นมื่น ที่สยามพารากอน มีคู่รักที่ลงทะเบียนมาจดทะเบียนสมรสที่นี่กว่า 300 คู่

ผู้ป่วยเสียชีวิต

รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก-เสียชีวิต จากเหตุชายผิวสีคลุ้มคลั่ง

ผอ.รพ.สิรินธร ยืนยันไม่มีผู้ป่วยช็อก หรือเสียชีวิต จากเหตุต่างชาติผิวสีคลุ้มคลั่ง มีเพียงเจ้าหน้าที่ รพ.บาดเจ็บจากการถูกต่อยเล็กน้อย

ข่าวแนะนำ

ตร.ทางหลวงไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าวลักลอบเข้าไทย

ระทึก! ตำรวจทางหลวงขับรถไล่ล่ากระบะขนแรงงานต่างด้าว 2 คัน สุดท้ายไม่รอด จนมุมบริเวณ ต.หาดท่าเสา อ.เมือง จ.ชัยนาท ตรวจสอบพบแรงงานต่างด้าวจำนวนมาก จึงนำตัวทั้งหมด พร้อมกับคนขับรถทั้ง 2 คัน ส่งดำเนินคดีที่ สภ.เมืองชัยนาท

คุมพ่อชาวรัสเซียฝากขัง จับลูกชายวัย 13 โยนลงทะเลเสียชีวิต

ตำรวจคุมตัว “หนุ่มรัสเซีย” ฝากขัง หลังก่อเหตุโยนลูกวัย 13 ปี ออกจากเรือ บริเวณหมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา จนถูกใบพัดเรือบาดเจ็บสาหัส ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา อ้างเสียความทรงจำ ไม่รู้ทำอะไรลงไป

ดีเอสไอจ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ สืบคดี “แตงโม”

ดีเอสไอ นำผู้เชี่ยวชาญหลายด้านเปิดประชุมนัดแรก ลุยสืบสวน “คดีแตงโม” จ่อล่องเรือใช้เลเซอร์สแกนจำลอง 3 มิติ หาพยานหลักฐานใหม่ และบินเก็บข้อมูลระบบ Cloud ในมือถือทุกคนบนเรือ-นอกเรือ

แก้ปัญหาฝุ่น

นายกฯ สั่งการด่วนคมนาคมออกมาตรการหยุด PM 2.5

นายกฯ สั่งการคมนาคมออกมาตรการเร่งด่วน หยุด PM 2.5 ให้ประชาชนนั่งรถไฟฟ้าทุกสาย-ขสมก.ฟรี 7 วัน 25-31 ม.ค.นี้ เตรียมใช้งบกลางกว่า 140 ล้านบาท ชดเชยผู้ประกอบการ เข้มตั้งจุดตรวจควันดำ 8 จุด รอบ กทม.-ปริมณฑล