รร.เซ็นทารา ลาดพร้าว 11 ม.ค. – สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจสัมมนาใหญ่ประจำปี 2559 “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” ภาครัฐ-เอกชนเตรียมความพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ทั้งสังคมผู้สูงอายุ โมเดลการผลิต
สมาคมผู้สื่อข่าวเศรษฐกิจจัดสัมมนาใหญ่ประจำปี 2559 “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” นายสมชัย สัจจพงษ์ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมรับมือการเปลี่ยนแแปลงผ่านนโยบายทางการคลัง เมื่อไทยเริ่มเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุผ่านกองทุนบำเหน็จบำนาญแห่งชาติ (กบช.) รวมทั้งมาตรการป้องกันวิกฤติทางการคลังใน 20-25 ปีข้างหน้าจากการใช้เงินดูแลผู้สูงอายุ และมาตรการด้านต่าง ๆ ยอมรับการพึ่งพาเศรษฐกิจต่างประเทศจากการส่งออกได้น้อยลง จึงต้องหันมาให้ความสำคัญกับการบริการ ซึ่งมีความสำคัญมากขึ้น เมื่อรัฐบาลปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ กระทรวงการคลังจึงเตรียมเสนอแนวทางเปิดเสรีภาคการเงิน เพื่อเป็นศูนย์กลางทางการเงินภูมิภาค ยกระดับการประกันภัยให้มีประสิทธิภาพ และด้านบริการอื่นมาทดแทนเพิ่ม เพื่อทดรายได้จากการส่งออก เมื่อรัฐบาลกำหนดให้ปี 2560 เป็นปีแห่งการปฏิรูปจึงต้องขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน
สำหรับการพิจารณาขยายมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้ภาคเอกชน เพื่อนำค่าใช้จ่ายในการลงทุนหักลดหย่อนภาษีปี 2560 ต้องดำเนินการอย่างมีเงื่อนไข เพราะออกไปแล้วปีที่ผ่านมาแต่เอกชนไม่สนใจลงทุน จึงต้องปรับเงื่อนไขเพิ่ม คาดเสนอ ครม.เร็ว ๆ นี้ แนวทางการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างเศรษฐกิจ จึงทำให้จีดีพีเติบโตอย่างยั่งยืน ทำให้การขยายตัวมากกว่าการเติบโตปกติร้อยละ 3-4 ดังนั้น ภาคเอกชนต้องช่วยเหลือรัฐบาลพิจารณาการลงทุน และวันนี้นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมผู้บริหารรัฐวิสาหกิจเงินลงทุนรวมกันกว่า 400,000 ล้านบาท จึงเป็นปัจจัยหนึ่งสำคัญต่อเร่งรัดการลงทุนให้เงินออกสู่ระบบ
ปลัดกระทรวงคลัง กล่าวว่า การดึงสหกรณ์มาให้กระทรวงการคลังดูแลยอมรับว่าคงทำได้ยาก จึงเตรียมเสนอ ครม.พิจารณาแนวทางกำกับดูแลสหกรณ์ทั้งระบบ เพื่อให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์กำกับดูแลเหมือนเดิม มีผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีความรู้มาร่วมดูแล ผ่านข้อกำหนดเรื่องบริหารความเสี่ยง การบริหารจัดการ โดยเข้มงวดเหมือนกับสถาบันการเงิน ตลอดจนการปรับระบบรักษาพยาบาลข้าราชการ เมื่อตั้งงบประมาณ 60,000 ล้านบาทรองรับ แต่กลับใช้จ่ายจริง 70,000 ล้านบาท สัดส่วนดังกล่าวเป็นค่าใช้จ่ายยาถึงร้อยละ 80 เมื่อโอนย้ายระบบไปยังโรงพยาบาลเอกชนทำได้ลำบาก เนื่องจากมีกระแสคัดค้าน กระทรวงคลังพร้อมปรับระบบของกรมบัญชีกลาง เพื่อดูแลให้เหมือนกับภาคเอกชน โดยสิทธิประโยชน์การรักษาไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ภาคเอกชนต้องปรับเปลี่ยนโมเดลการผลิต เช่น อุตสาหกรรมสิ่งทอ ถูกมองว่าเกือบหายไปแล้ว เมื่อปรับมาเป็นสิ่งบรรจุภัณฑ์ เนื่องจากการพิมพ์เข้าไปอยู่ในทุกบรรจุภัณฑ์ เมื่อปรับภารกิจได้อุตสาหกรรมสิ่งพิมพ์ยังพอปรับทิศทางธุริกิจได้ รวมทั้งอุตสาหกรรมสิ่งทอ หากปรับโมเดลให้บริการพิมพ์ตัวหนังสือไปอยู่ในตัวผลิตภัณฑ์หรือเสื้อผ้า สิ่งเหล่านี้จะทำให้สิ่งทออยู่รอดในกระแสโลกใหม่ อีกทั้งเมื่ออินเทอร์เน็ตแทรกเข้าไปอยู่ทุกด้านภาคเอกชนจึงต้องปรับตัวรองรับกระแสดังกล่าว อีกทั้งเมื่อรัฐบาลพิจารณาขยายมาตรการส่งเสริมการลงทุน มองว่าจะสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนมากขึ้น หลังจากปีก่อนภาคเอกชนยังไม่มั่นใจหลายด้าน และเมื่อภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกมาแล้วจะเป็นแรงกระตุ้นให้เกิดการลงทุน เนื่องจากบังคับไม่ให้ปล่อยทิ้งร้างว่างเปล่า
นายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คือ การเปลี่ยนรัฐบาลบริหารบ้านเมืองเมื่อมีการเลือกตั้ง นักลงทุนคาดการณ์ปัจจัยดังกล่าวไว้แล้ว เพราะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการดำเนินนโยบาย และต้องติดตามแผนยุทธศาสตร์ชาติระยะเวลา 20 ปี จะมีการออกกฎหมายควบคุมแผนและผูกมัดการดำเนินการตามแผนอย่างไร จึงต้องจับตาว่ารัฐบาลชุดใหม่จะสานต่ออย่างไร รวมทั้งเมื่อไทยเริ่มเข้าสู่สังคมสูงอายุ การเตรียมเข้าสู่ประชากรสูงวัย จึงต้องเตรียมตัวรองรับสถานการณ์ดังกล่าว การเปลี่ยนแปลงรองรับสถานการณ์โลก เมื่ออัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มสูงขึ้น และปีนี้สหรัฐอาจมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นได้ 3 ครั้ง ขณะที่ยุโรปเมื่อมาตรการ QE พิมพ์เงินอัดฉีดออกสู่ระบบเริ่มลดลง
รวมทั้งเยอรมนีเมื่อจีดีพีโตเต็มที่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องให้ดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ และแบงก์ชาติของญี่ปุ่นยังใช้มาตรการ QE ด้วยการกำหนดให้พันธบัตรรัฐบาลมีดอกเบี้ยเป็นศูนย์ จึงเหลือมาตรการ QE เพียงประเทศเดียวในโลก สัญญาณดังกล่าวจึงทำให้พันธบัตรรัฐบาลไทยอายุ 10 ปี ปรับเพิ่มจากร้อยละ 2.15 ช่วงสิ้นปี เป็นร้อยละ 2.75 ในเดือนมกราคม พันธบัตรอายุ 6 เดือน เพิ่มจากร้อยละ 1.45 เป็นร้อยละ 1.50 นับว่าตลาดปรับเพิ่มล่วงหน้าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ไปแล้ว รวมท้ังยังต้องติดตามความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจของสหรัฐกับจีนจะมีแนวโน้มอย่างไร เพราะหากสหรัฐทำสงครามเศรษฐกิจกับจีนย่อมกระทบกับญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน อาเซียน เพราะจีนเป็นตลาดส่งออกหลักของกลุ่มประเทศเหล่านี้.-สำนักข่าวไทย