กรุงเทพฯ 12 ม.ค.-แต่ละปีมีข้าราชการและพนักงานบริษัทเอกชนเกษียณอายุกว่า 400,000 คน และจะได้รับเงินก้อนสุดท้ายจากการทำงาน วันนี้เรามีคำแนะนำว่าจะลงทุนอย่างไรกับเงินก้อนนี้ ให้เกิดดอกผลและมีความสุขหลังเกษียณ
จำนวนผู้สูงอายุในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในอีก 4 ปีข้างหน้า แต่คุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุกลับสวนทาง เพราะเงินออมที่ใช้หลังวัยเกษียณมีจำนวนไม่มากพอ ผู้บริหาร K EXPERT ให้ข้อมูลว่าเงินก้อนสุดท้ายเมื่ออายุ 60 ปี หลังวัยเกษียณควรมีประมาณ 6-8 ล้านบาท จึงจะพอเหมาะกับค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 15,000 ต่อเดือน ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถออกดอกออกผลได้เพิ่มถ้านำไปลงทุนอย่างถูกต้อง ดังนั้นการจัดพอร์ตการลงทุนหลังวัยเกษียณจึงมีความสำคัญไม่แพ้คนวัยทำงาน
วิธีการจัดพอร์ตสำหรับวัยเกษียณ เริ่มจากการจัดสรรเงินลงทุน 10- 30 % ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงเช่น หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ เนื่องจากมีความผันผวนสูงส่วนที่เหลือแบ่งลงทุนในสินทรัพย์ปานกลาง เช่นพันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้เอกชน ที่ได้เรตติ้งตั้งแต่ BBB+ ถึง AAA และส่วนที่ 3 ลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงต่ำ เพื่อไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน โดยมีหลักคำนวนว่าแบ่งเงิน 2-3 เท่าของค่าใช้จ่าย เช่นค่าใช้จ่าย 20,000 บาท/เดือน แบ่งเงินไว้ 60,000 บาท ฝากในบัญชีออมทรัพย์
และแบ่งเงิน 10 เท่า ของค่าใช้จ่ายลงทุนในกองทุนรวมที่มีความเสี่ยงต่ำ เช่นกองทุนตลาดเงิน ตราสารหนี้ระยะสั้น เพื่อสร้างผลตอบแทนและยังสามารถไถ่ถอนยามฉุกเฉินได้ ซึ่งหากจัดสรรการลงทุนในลักษณะดังกล่าวคาดว่าจะได้ผลตอบแทนอยู่ที่ 5-10 % ซึ่งถือเป็นอัตราที่น่าพอใจ การวางแผนการเงินหลังวัยเกษียณมีความสำคัญ เพื่อการใช้ชีวิตในบั้นปลายเป็นไปอย่างสบาย มีเงินเพียงพอและใช้จ่ายสำหรับความสุขในชีวิต.-สำนักข่าวไทย