กทม. 17 ม.ค.-โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเป็นห่วงเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์คดีครูจอมทรัพย์ เนื่องจากอยู่ระหว่างขั้นตอนการพิจารณาของศาล ทำให้สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิดศาล และคำพิพากษาของศาลฎีกายังมีผลผูกพันและชอบด้วยกฎหมาย ที่ผ่านมาเคยมีการขอรื้อคดีขึ้นพิจารณาใหม่หลายคดี
หลังศาลอุทธรณ์ภาค 4 มีคำสั่งให้รับคำร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญาของนางจอมทรัพย์ แสนเมืองโคตร อดีตครูโรงเรียนในจังหวัดสกลนคร ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุกในคดีขับรถชนคนเสียชีวิต ปรากฏว่ามีการแสดงความคิดเห็นผ่านช่องทางสื่อต่างๆ อย่างกว้างขวาง
โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดชี้แจงว่าขณะนี้ศาลจังหวัดนครพนมอยู่ระหว่างนัดสืบพยานฝ่ายผู้ร้อง และพนักงานอัยการผู้คัดค้าน ซึ่งนัดสืบพยาน 9-11 กุมภาพันธ์นี้ จากนั้นจะทำความเห็นพร้อมส่งสำนวนให้ศาลฎีกาพิจารณาว่าจะยกคำร้องขอรื้อฟื้นคดีอาญาใหม่ หรือเพิกถอนคำพิพากษาศาลฎีกาเดิม และพิพากษาว่านางจอมทรัพย์ไม่ได้กระทำผิด ซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.การรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ พ.ศ.2526 มาตรา 13
ดังนั้น ระหว่างอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของศาล จึงไม่อาจวิพากษ์วิจารณ์หรือมีความเห็นใดๆ เกี่ยวกับการรื้อฟื้นคดี เพราะจะเป็นการก้าวล่วงและละเมิดกระบวนการพิจารณาของศาล พร้อมยืนยันคำพิพากษาศาลฎีกาที่สั่งจำคุก 3 ปี 2 เดือน และนางจอมทรัพย์ได้รับโทษจนพ้นโทษแล้วนั้น เป็นคำพิพากษาที่ยังมีผลผูกพันและชอบด้วยกฎหมาย
ด้านรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุดเผยได้ดูสำนวนคดีแล้ว ยืนยันพนักงานอัยการใช้ดุลพินิจตรวจสำนวนอย่างละเอียดรอบคอบ และพิจารณาตามพยานหลักฐาน จึงต้องการสื่อสารให้ประชาชนเข้าใจกระบวนการตามกฎหมาย ขออย่าด่วนสรุปว่าเป็นการจับแพะหรือไม่ ส่วนการสืบพยานตามคำร้องขอรื้อฟื้นคดี เชื่อว่าอัยการจะทำหน้าที่อย่างรอบคอบเช่นกัน
ที่ผ่านมามีคดีอาญาที่ตัดสินแล้วทั้ง 3 ศาล และมีการยื่นขอรื้อฟื้นคดีอาญาใหม่อยู่หลายคดี หนึ่งในนั้นคือคดี 2 อดีตตำรวจ สน.เพชรเกษม ที่ถูกศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 20 ปี ฐานกระทำชำเราหญิงอายุ 16 ปี เหตุเกิดบนโรงพัก สน.เพชรเกษม เมื่อปี 50 และต่อมาหญิงอายุ 16 ปี สารภาพว่าโกหก และถูกตัดสินจำคุกฐานเบิกความเท็จ ต่อมาครอบครัว 2 อดีตตำรวจยื่นขอรื้อฟื้นคดีอาญาใหม่ แต่ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกคำร้อง เนื่องจากเห็นว่าไม่มีมูลเหตุให้รื้อฟื้นคดีใหม่ ผู้ร้องมายื่นฟ้องผู้เสียหายต่อศาลในความผิดฐานแจ้งความเท็จ หลังศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้ว ระหว่างการพิจารณาตั้งแต่ศาลชั้นต้นจนถึงชั้นฎีกา จำเลยทั้งสองนำพยานหลักฐานเข้าต่อสู้ได้เต็มที่ และช่วงเกิดเหตุกลับไปแจ้งความที่ สน.พหลโยธิน ไม่แจ้ง สน.ท้องที่เกิดเหตุ พยานหลักฐานต่างๆ จึงยังมีพิรุธหลายประการว่าที่ผู้เสียหายกลับคำให้การยอมรับสารภาพนั้นอาจมีเหตุจูงใจอื่น นอกจากการสำนึกผิด จึงไม่มีมูลให้รื้อฟื้นคดีใหม่.-สำนักข่าวไทย