นักวิชาการแนะรัฐเตรียมเครื่องมือรับความเสี่ยงนโยบายผู้นำสหรัฐคนใหม่

กรุงเทพฯ 19 ม.ค.-นักวิชาการมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แนะรัฐเตรียมเครื่องมือให้พร้อมรับมือความเสี่ยงจากนโยบายนายโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐคนใหม่ เตือนอย่าใช้มาตรการกระตุ้นการบริโภคมากเกินไป ควรแก้โจทก์ใหญ่สร้างความเชื่อมั่นให้เอสเอ็มอีลงทุน


นายสกนธ์ วรัญญูวัฒนา คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวภายหลังการเปิดสัมมนา “เส้นทางเศรษฐกิจไทย บนความผันผวนของเศรษฐกิจโลก ว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ยังต้องเผชิญความเสี่ยงและความผันผวนหลายด้านจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ประกาศมาตรการกีดกันทางการค้า โดยเฉพาะกับจีน ดึงเม็ดเงินลงทุนกลับสหรัฐ  ซึ่งจะมีผลกระทบต่อประเทศไทยแน่นอน โดยเฉพาะการส่งออกในกลุ่มซัพพลายเชน อุตสาหกรรมยานยนต์ และคอมพิวเตอร์ เพราะอุตสาหกรรมเหล่านี้ส่งออกไปยังประเทศจีนเป็นหลัก ส่วนการที่สหรัฐยกเลิกการตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจเอเชีย – แปซิฟิก หรือ ทีพีพี นั้น ทำให้ทั่วโลกต้องมีการปรับตัว เพราะจะเกิดความไม่เชื่อมั่นต่อการค้าระหว่างประเทศ แต่เป็นโอกาสของไทยที่จะมีการเจรจาการค้าเสรีกับสหรัฐได้ เพราะที่ผ่านมาไทยไม่ได้เข้าร่วมทีพีพี

นายสกนธ์ กล่าวว่า จากปัจจัยกระทบที่มีความผันผวน รัฐบาลต้องระมัดระวังการดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังอย่ากระตุ้นการบริโภคระยะสั้นมากเกินไป โดยมุ่งหวังเรื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจเป็นหลัก  เช่นมาตรการช้อปช่วยชาติ  การให้สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ รัฐบาลควรเตรียมเครื่องมือทางการเงินให้เพียงพอ เพื่อเตรียมรับมือผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นรวดเร็ว  โดยโจทก์ใหญ่ที่เป็นการบ้านของรัฐบาล คือ การสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับภาคเอกชน โดยเฉพาะผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ เอสเอ็มอี เพราะแม้ที่ผ่านมารัฐบาลจะเร่งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน แต่เม็ดเงินส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่เพียงกลุ่มผู้ประกอบการรายใหญ่เท่านั้น


ขณะที่เอสเอ็มอียังชะลอการลงทุน ดังนั้นรัฐบาลต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เอสเอ็มอีลงทุน จึงจะทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตแบบทั่วถึงได้ อย่างไรก็ตามยังมองว่าพื้นฐานเศรษฐกิจไทย ยังคงแข็งแกร่ง ทุนสำรองระหว่างประเทศยังสูง ขณะที่หนี้สาธารณะต่อจีดีพียังต่ำ อยู่ที่ร้อยละ 48 ดังนั้นรัฐบาลยังสามารถใช้งบประมาณโดยเฉพาะงบกลางปีกระจายสู่ตามต่างจังหวัดได้ เพื่อหนุนให้เศรษฐกิจไทยในปีนี้เติบโตประมาณ ร้อยละ 3.2 ถึง 3.5

นายวศิน ศิวสฤษดิ์   อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  กล่าวว่า มี 3 ปัจจัยที่กระทบเศรษฐกิจไทย คือการแถลงนโยบายของว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ  กรณีสหราชอาณาจักรถอนตัวจากการเป็นสมาชิกยุโรป และปัญหาเศรษฐกิจจีน  โดยเฉพาะนโยบายของนายโดนัล ทรัมป์ ที่ทั่วโลกกำลังจับตามองการแถลงในการเข้ารับตำแหน่งวันที่ 20 มกราคมนี้ ส่งผลให้ดัชนีความกลัว อยู่ที่ระดับ 10  หรือหมายถึงอยู่ในสภาพนิ่งเพื่อรอความชัดเจน  ซึ่งหากนักลงทุนผิดหวังกับการแถลงของนายโดนัลด์ ทรัมป์ มีโอกาสที่จะทำให้ค่าดัชนีความกลัวขึ้นไปถึงระดับ 20-30 หรือหมายถึงความผันผวนสูง จะส่งผลให้ตลาดเงิน ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนหนัก   อย่างไรก็ตามยังเชื่อมั่นในพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่งรองรับความผันผวนได้  แต่หากนักลงทุนมั่นใจนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ต้องรอเวลาให้เห็นผลงานอย่างน้อย  6  เดือน.- สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กล้อง CCTV จับภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย ก่อเหตุ จยย.บอมบ์

กล้อง CCTV จับภาพผู้ต้องสงสัย 2 ราย คาดเป็นคนร้ายก่อเหตุ จยย.บอมบ์ ปัตตานี มีผู้บาดเจ็บ 10 ราย ทั้งเจ้าหน้าที่ อส. ตำรวจ และชาวมาเลเซีย

พิธีสืบพระชะตาหลวง

รัฐบาลจัดยิ่งใหญ่ พิธีสืบพระชะตาหลวง เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล

รัฐบาลจัดพิธีสืบพระชะตาหลวงและพิธีแห่ไม้ค้ำโพธิ์หลวง อย่างยิ่งใหญ่ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีสมมงคล

เรือใบคาตามารันพร้อม 38 ชีวิต ล่มทะเลภูเก็ต

เรือใบคาตามารันล่ม ขณะนำนักท่องเที่ยวพร้อมลูกเรือรวม 38 ชีวิต ออกไปดำน้ำบนเกาะราชา จ.ภูเก็ต ล่าสุดทุกคนได้รับการช่วยเหลือกลับเข้าฝั่งปลอดภัย