นายกฯ กำชับ ตร.-ทหาร เข้มงวดตรวจตราเด็กแว้นป่วนเมือง

087ทำเนียบฯ 19 ม.ค.-นายกฯ กำชับตำรวจทหารเข้มงวดตรวจตราเด็กแว้นป่วนเมือง เน้นจับจริง ยึดจริง ปรับจริง ตามคำสั่ง คสช. ขู่หากเพิกเฉยมีโทษ เตือนพ่อ-แม่อย่าละเลยกฎหมาย ต้องร่วมรับผิด


พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้รับข้อร้องเรียนจากประชาชนในหลายจังหวัดผ่านศูนย์ดำรงธรรมเกี่ยวกับความเดือดร้อนจากปัญหาการแข่งขันรถจักรยานยนต์ในทาง (เด็กแว้น) ป่วนเมืองจำนวนมาก รวมทั้งมีการนำเสนอข่าวผ่านสื่อและโซเชียลมีเดียว่ายังมีผู้ฝ่าฝืนกฎหมายในหลายพื้นที่ ซึ่งก่อให้เกิดความรำคาญและอันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงและผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไป

“นายกฯ จึงได้สั่งกำชับไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติและหน่วยทหารในพื้นที่ให้เข้มงวดตรวจตราและบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังต่อผู้กระทำผิด ตามคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 22/2558 เรื่องมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาการแข่งรถยนต์และจักรยานยนต์ในทางฯ เพื่อให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่ได้ละเลยต่อปัญหา และมีความปลอดภัยในการเดินทางสัญจรโดยเฉพาะยามค่ำคืน โดยพื้นที่ใดที่ดำเนินการได้ดีอยู่แล้วให้ทำต่อไป ส่วนพื้นที่ใดยังพบปัญหา เช่น บริเวณชายหาดบางแสน ให้ผู้บังคับบัญชาลงไปตรวจสอบ และกวดขันให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย ควบคู่ไปกับมาตรการทางสังคม ส่งเสริมให้เด็กมีแรงจูงใจทำเรื่องอื่นที่มีประโยชน์ ไม่ก่อความเดือดร้อนวุ่นวาย หากไม่เกิดความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น ผู้บังคับบัญชาจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบตามลำดับชั้น” พล.ท.สรรเสริญ กล่าว


พล.ท.รรเสริญ กล่าวอีกว่า เด็กและเยาวชนหรือพ่อแม่ผู้ปกครองอาจละเลยในข้อกฎหมายที่มีอยู่ จึงอยากเตือนว่าเจ้าหน้าที่จำเป็นต้องทำตามกฎกติกาบ้านเมืองด้วยการ “จับจริง ยึดจริง ปรับจริง” เพื่อไม่ให้ผู้อื่นเอาเยี่ยงอย่างโดยเด็ดขาด โดยทั้งเด็ก เยาวชน พ่อแม่ผู้ปกครอง จะต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันหากลูกหลานกระทำผิด ดังนั้นผู้ใหญ่จะต้องสั่งสอนและตักเตือนไม่ให้มีการกระทำผิดเกิดขึ้น

ทั้งนี้ คำสั่งหัวหน้า คสช.กำหนดให้เจ้าหน้าที่สามารถยึดรถไว้ชั่วคราวหากมีการกระทำผิด และพ่อแม่ผู้ปกครองต้องวางเงินประกันไว้ไม่เกิน 2 ปี โดยหากพบว่ากระทำผิดซ้ำ ให้ผู้ปกครองต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 30,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ริบเงินประกันเป็นของกองทุนคุ้มครองเด็ก ส่วนผู้ที่ยุยงส่งเสริมให้มีการกระทำผิด ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และหากเป็นผู้ประกอบการให้สั่งปิดกิจการหรือเพิกถอนใบอนุญาต.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด