กรุงเทพฯ 26 ม.ค.-“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”ยอมรับการจัดอันดับคอร์รัปชั่นของไทยลดลง และต้องหาทางแก้ไข อุดรูรั่ว มั่นใจสถานการณ์ของไทยจะดีขึ้นจากความพยายามดำเนินการด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเปิดโครงการ “พาณิชย์ 4.0 สู่โลกการค้ายุคใหม่” พร้อมกับการเปิดตัวสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy:NEA) โดยยอมรับว่า ผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันไทยหรือ CORRUPTION PERCEPTION INDEX 2016 ที่ได้คะแนนดิบ 35 คะแนน จากเดิมปี 2558ได้คะแนนดิบ 38 คะแนนอย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า เป็นการปรับลดลงมาเพียง 3 คะแนนดิบ เท่านั้นแต่เนื่องจากมีประเทศแข่งขันในการทำให้อันดับดีขึ้นมาก ส่งผลให้ภาพรวมแล้วสถานการณ์คอร์รัปชั่นของไทยลดลงถึง 20 อันดับ แต่จะรับมาพิจารณาว่า การประเมินตกลงมาเพราะอะไร
นายสมคิดกล่าวว่า การประเมินสถานการณ์คอร์รัปชั่นที่ตกลงลงมาในส่วนของ IMD ด้านคะแนนดิบดีไทยขึ้น แต่ว่า การจัดอันดับของ เวิลด์อีโคโนมิคฟอรั่ม(WEF)ไม่ดีขึ้นตกลงมา ขึ้นอยู่กับคำถามที่ใช้ในการสำรวจความรู้สึกของนักธุรกิจเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นในประเทศไทย ผลของคะแนนสองหน่วยงานประเมินต่างกัน ทั้งๆ ที่ทั้งสองหน่วยงานเป็นหน่วยงานที่มีในลักษณะใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเชื่อว่า หน่วยงานผู้สำรวจจะใช้ฮาร์ดดาต้ามากกว่าเพียงการสัมภาษณ์นักธุรกิจ บางหน่วยงานเรื่องการใช้อำนาจองค์กรแห่งรัฐในการแสวงหาผลประโยชน์เข้าสู่ส่วนตัว ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลในการสำรวจอย่างหนึ่ง ในส่วนนี้สถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้น ซึ่งสะท้อนว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา วิธีการในลักษณะนี้มีน้อยลง โดยรวมสถานการณ์คอร์รัปชั่นลักษณะต่างในประเทศผลการสำรวจมีทั้งที่ปรับตัวดีขึ้นและแย่ลง โดยภาพรวมแล้วประเทศไทยอันดับปัญหาคะแนนลดลง 3 อันดับเท่านั้น
สิ่งสำคัญคือ ประเทศไทยไม่ปฎิเสธ แต่รับมาและอย่าเสียกำลังใจ หาวิธีอุดรูรั่ว แต่ไม่ใช่มาพูด มาว่ากัน ประเทศไทยไม่เหลือชิ้นดีเลย เรื่องของคนที่จะต้องสร้างความรับผิดชอบให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า สิ่งที่ประเทศไทยดำเนินการอยู่ในขณะนี้ จะค่อยๆ ทำให้สถานการณ์คอร์รัปชั่นในประเทศไทยดีขึ้น และเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะต้องทำให้รัฐวิสาหกิจเข้มแข็ง จะไม่มาโทษกันว่าที่ไหนเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ทราบข้อเท็จจริงกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว แล้วเพิ่งจะมาตีข่าว ฉะนั้นจะไม่โทษกันไปโทษกันมา อย่าให้ประเทศไทยช้ำไปกว่านี้เลย หลายสิ่งหลายอย่างกำลังดีขึ้น เศรษฐกิจกำลังดีขึ้น แต่มีข่าวเป็นเรื่องอดีตแล้วทำให้สิ่งข้างหน้าในอนาคตแย่ลงคุ้มหรือไม่ อย่าไปมองว่า ใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ มองตามเนื้อผ้า คะแนนลงมาก็ทำให้ดีขึ้น พยายามเต็มที่ทุกภาคส่วนช่วยกัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาคอร์รัปชั่นรูปแบบต่าง ๆ ที่ประเทศไทยถูกจัลตามอง ได้รับการแก้ไขไปแล้วถึงร้อยละ 70
ส่วนข่าวข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ถูกจับได้ว่าขโมยของในประเทศญี่ปุ่นนั้น นายสมคิด กล่าวว่า กระทรวงพาณชิย์ดูแลอยู่แล้วและเป็นเรื่องของบุคคล อย่าไปบอกว่าเป็นกระทรวงไม่เกี่ยวกัน ต้องพิจารณาว่า เจ้าหน้าที่สืบมาแล้วเป็นอย่างไร ก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ต้องให้ความยุติธรรมกันว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ไม่มีการช่วยเหลืออะไรที่ผิดอยู่แล้ว
นายสมคิด ยังกล่าวด้วยว่า สถานการณ์การส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม 2559 ปรับตัวดีขึ้น แต่หากพิจารณา โครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยแล้ว ยังเป็นสินค้าแบบเดิม ราคาสินค้าที่ปรบขึ้นเป็นผลจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงทองคำ ขณะที่ตลาดใหญ่ ๆ เริ่มสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม สินค้าอุสาหกรรมบางตัว เริ่มย้ายฐานการผลิตออกไปประเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ประเทศเวียดนาม ดังนั้น รัฐบาลและเอกชนไทยจะดีใจไม่ได้ จำเป็นต้องร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมเดิม s-curve ที่มีอยู่เดิมให้เพิ่มมูลค่า และพยายามสร้างสินค้าใหม่คือ New S-Curve เพื่อสร้างรายได้แก่อนาคตส่งออกของไทย
ทั้งนี้ รัฐบาลเริ่มวางพื้นฐานไปแล้ว แต่ต้องใช้เวลา และขณะนี้เริ่มแล้วคือ “เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy)” ที่อยู่บนพื้นฐานสินค้าเกษตร ที่ใช้เทคโนโลยีความรู้ นวัตกรรรม ซึ่งมีนโยบายให้ภายในปีนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมต้องสร้างให้เกิดขึ้นให้ได้ ด้านผู้ประกอบการรายใหญ่ จะต้องช่วยดูแลคนตัวเล็ก ซึ่งหมายถึง ประชาชน ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) นักธุรกิจรายย่อย ประชาชนที่อยากสร้างธุรกิจของตัวเองได้ เพื่อเติบโตไปด้วยกันหรือ Inclusive Growthซึ่งประเทศจีนใช้ Alibaba ในการช่วยให้คนตัวเล็ก ทำการค้าผ่านผ่านช่องทางออนไลน์หรือ E-commerce : อีคอมเมิร์ซ ในส่วนของประเทศไทย หากผู้ประกอบการรู้จักปรับตัวก็สามารถทำการค้าผ่าน E-commerce ได้เช่นกัน โดยจะโฟกัสกลุ่มบุคคลอายุ 30 ปีจะต้องไม่เป็น salary man โดยอาศัยความรู้ผ่านสถาบันการศึกษา สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ จะจุดประกายให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าสู่การค้าแบบออนไลน์ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ และจะต้องปรับหลักสูตรใหม่ให้ครอบคลุมถึงประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเชื่อมโยงการค้าด้วย โดยร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง หนุนเกษตรกรทำสมาร์ทฟาร์มเมอร์ และท่องเที่ยว โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาและให้โควต้าประเทศเพื่อนบ้านมาเรียนรู้ด้วย-สำนักข่าวไทย