“สมคิด”ยอมรับการจัดอันดับคอร์รัปชั่นไทยลดลงและต้องเร่งหาทางอุดรูรั่ว

กรุงเทพฯ 26 ม.ค.-“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์”ยอมรับการจัดอันดับคอร์รัปชั่นของไทยลดลง และต้องหาทางแก้ไข อุดรูรั่ว มั่นใจสถานการณ์ของไทยจะดีขึ้นจากความพยายามดำเนินการด้านต่าง ๆ ของรัฐบาล


นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในการเปิดโครงการ “พาณิชย์ 4.0 สู่โลกการค้ายุคใหม่” พร้อมกับการเปิดตัวสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy:NEA) โดยยอมรับว่า ผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชันไทยหรือ CORRUPTION PERCEPTION INDEX 2016 ที่ได้คะแนนดิบ 35 คะแนน จากเดิมปี 2558ได้คะแนนดิบ 38 คะแนนอย่างไรก็ตาม จะเห็นว่า เป็นการปรับลดลงมาเพียง 3 คะแนนดิบ เท่านั้นแต่เนื่องจากมีประเทศแข่งขันในการทำให้อันดับดีขึ้นมาก ส่งผลให้ภาพรวมแล้วสถานการณ์คอร์รัปชั่นของไทยลดลงถึง 20 อันดับ แต่จะรับมาพิจารณาว่า การประเมินตกลงมาเพราะอะไร

นายสมคิดกล่าวว่า การประเมินสถานการณ์คอร์รัปชั่นที่ตกลงลงมาในส่วนของ IMD ด้านคะแนนดิบดีไทยขึ้น แต่ว่า การจัดอันดับของ เวิลด์อีโคโนมิคฟอรั่ม(WEF)ไม่ดีขึ้นตกลงมา ขึ้นอยู่กับคำถามที่ใช้ในการสำรวจความรู้สึกของนักธุรกิจเกี่ยวกับคอร์รัปชั่นในประเทศไทย ผลของคะแนนสองหน่วยงานประเมินต่างกัน ทั้งๆ ที่ทั้งสองหน่วยงานเป็นหน่วยงานที่มีในลักษณะใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ตาม ในอนาคตเชื่อว่า หน่วยงานผู้สำรวจจะใช้ฮาร์ดดาต้ามากกว่าเพียงการสัมภาษณ์นักธุรกิจ  บางหน่วยงานเรื่องการใช้อำนาจองค์กรแห่งรัฐในการแสวงหาผลประโยชน์เข้าสู่ส่วนตัว ซึ่งเป็นแหล่งข้อมูลในการสำรวจอย่างหนึ่ง ในส่วนนี้สถานการณ์ในประเทศไทยดีขึ้น ซึ่งสะท้อนว่า ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา วิธีการในลักษณะนี้มีน้อยลง  โดยรวมสถานการณ์คอร์รัปชั่นลักษณะต่างในประเทศผลการสำรวจมีทั้งที่ปรับตัวดีขึ้นและแย่ลง โดยภาพรวมแล้วประเทศไทยอันดับปัญหาคะแนนลดลง 3 อันดับเท่านั้น


สิ่งสำคัญคือ ประเทศไทยไม่ปฎิเสธ แต่รับมาและอย่าเสียกำลังใจ หาวิธีอุดรูรั่ว แต่ไม่ใช่มาพูด มาว่ากัน ประเทศไทยไม่เหลือชิ้นดีเลย เรื่องของคนที่จะต้องสร้างความรับผิดชอบให้สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า สิ่งที่ประเทศไทยดำเนินการอยู่ในขณะนี้ จะค่อยๆ ทำให้สถานการณ์คอร์รัปชั่นในประเทศไทยดีขึ้น  และเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะต้องทำให้รัฐวิสาหกิจเข้มแข็ง จะไม่มาโทษกันว่าที่ไหนเป็นอย่างไร สิ่งเหล่านี้ทราบข้อเท็จจริงกันมาเป็นสิบๆ ปีแล้ว แล้วเพิ่งจะมาตีข่าว ฉะนั้นจะไม่โทษกันไปโทษกันมา อย่าให้ประเทศไทยช้ำไปกว่านี้เลย หลายสิ่งหลายอย่างกำลังดีขึ้น เศรษฐกิจกำลังดีขึ้น แต่มีข่าวเป็นเรื่องอดีตแล้วทำให้สิ่งข้างหน้าในอนาคตแย่ลงคุ้มหรือไม่ อย่าไปมองว่า ใครได้ประโยชน์ เสียประโยชน์ มองตามเนื้อผ้า คะแนนลงมาก็ทำให้ดีขึ้น พยายามเต็มที่ทุกภาคส่วนช่วยกัน อย่างไรก็ตาม ปัญหาคอร์รัปชั่นรูปแบบต่าง ๆ ที่ประเทศไทยถูกจัลตามอง ได้รับการแก้ไขไปแล้วถึงร้อยละ 70

ส่วนข่าวข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ถูกจับได้ว่าขโมยของในประเทศญี่ปุ่นนั้น นายสมคิด กล่าวว่า  กระทรวงพาณชิย์ดูแลอยู่แล้วและเป็นเรื่องของบุคคล อย่าไปบอกว่าเป็นกระทรวงไม่เกี่ยวกัน ต้องพิจารณาว่า เจ้าหน้าที่สืบมาแล้วเป็นอย่างไร ก็ว่ากันไปตามเนื้อผ้า ต้องให้ความยุติธรรมกันว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ ไม่มีการช่วยเหลืออะไรที่ผิดอยู่แล้ว

นายสมคิด ยังกล่าวด้วยว่า สถานการณ์การส่งออกของไทยในเดือนธันวาคม 2559 ปรับตัวดีขึ้น แต่หากพิจารณา โครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยแล้ว ยังเป็นสินค้าแบบเดิม ราคาสินค้าที่ปรบขึ้นเป็นผลจากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงทองคำ ขณะที่ตลาดใหญ่ ๆ เริ่มสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม สินค้าอุสาหกรรมบางตัว เริ่มย้ายฐานการผลิตออกไปประเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาว ประเทศเวียดนาม  ดังนั้น รัฐบาลและเอกชนไทยจะดีใจไม่ได้  จำเป็นต้องร่วมกันยกระดับอุตสาหกรรมเดิม s-curve ที่มีอยู่เดิมให้เพิ่มมูลค่า และพยายามสร้างสินค้าใหม่คือ New S-Curve เพื่อสร้างรายได้แก่อนาคตส่งออกของไทย


ทั้งนี้ รัฐบาลเริ่มวางพื้นฐานไปแล้ว แต่ต้องใช้เวลา และขณะนี้เริ่มแล้วคือ “เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy)” ที่อยู่บนพื้นฐานสินค้าเกษตร ที่ใช้เทคโนโลยีความรู้ นวัตกรรรม ซึ่งมีนโยบายให้ภายในปีนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมต้องสร้างให้เกิดขึ้นให้ได้  ด้านผู้ประกอบการรายใหญ่ จะต้องช่วยดูแลคนตัวเล็ก ซึ่งหมายถึง ประชาชน ผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม(เอสเอ็มอี) นักธุรกิจรายย่อย ประชาชนที่อยากสร้างธุรกิจของตัวเองได้ เพื่อเติบโตไปด้วยกันหรือ Inclusive Growthซึ่งประเทศจีนใช้ Alibaba ในการช่วยให้คนตัวเล็ก ทำการค้าผ่านผ่านช่องทางออนไลน์หรือ E-commerce : อีคอมเมิร์ซ ในส่วนของประเทศไทย หากผู้ประกอบการรู้จักปรับตัวก็สามารถทำการค้าผ่าน E-commerce ได้เช่นกัน โดยจะโฟกัสกลุ่มบุคคลอายุ 30 ปีจะต้องไม่เป็น salary man โดยอาศัยความรู้ผ่านสถาบันการศึกษา สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ จะจุดประกายให้กลุ่มคนเหล่านี้เข้าสู่การค้าแบบออนไลน์ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ และจะต้องปรับหลักสูตรใหม่ให้ครอบคลุมถึงประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเชื่อมโยงการค้าด้วย โดยร่วมมือกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง หนุนเกษตรกรทำสมาร์ทฟาร์มเมอร์ และท่องเที่ยว โดยจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาและให้โควต้าประเทศเพื่อนบ้านมาเรียนรู้ด้วย-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภราดร” ประกาศลาออก “รองปธ.สภาฯ”

รัฐสภา 19 มิ.ย.- “ภราดร” ประกาศลาออกจาก “รองประธานสภาฯ” รักษาหลักการเสียงข้างมาก คืนอำนาจให้สภาฯ เลือกใหม่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง และ สส.จังหวัดอ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ประกาศยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งรองประธานฯ โดยมีผลทันทีในวันนี้ หลังจากพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์เมื่อค่ำวานนี้ว่ากรรมการบริหารพรรคมีมติให้พรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากการร่วมรัฐบาล และรัฐมนตรีของพรรคทุกคนได้ส่งใบลาออกต่อนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผลวันที่ 19 มิถุนายนนี้เช่นกัน นายภราดรให้เหตุผลว่า ตนได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งนี้ด้วยเสียงส่วนใหญ่ของสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น ในวันนี้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและพรรคภูมิใจไทยไม่ได้ร่วมอยู่ในรัฐบาลแล้ว จึงเห็นว่าควรคืนอำนาจให้สภาผู้แทนราษฎรได้มีโอกาสตัดสินใจเลือกรองประธานฯคนใหม่ด้วยมติเสียงข้างมาก ตามธรรมเนียมที่เคยถือปฏิบัติมา “ผมขอขอบคุณเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่ได้ให้เกียรติเลือกผมมาปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเป็นเพียงช่วงเวลาสั้นๆ แต่ก็เป็นประสบการณ์ในการทำงานที่มีคุณค่า และขอถือโอกาสนี้ขอบคุณทีมงานของรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สองทุกคนที่ได้ทุ่มเททำงานจนบรรลุภารกิจไปหลายประการ ซึ่งล้วนสร้างความก้าวหน้าให้กับสภาของประชาชน กราบขอบพระคุณท่านประธานและรองประธานสภาฯคนที่หนึ่ง ที่ได้ให้ความเมตตาผมอย่างยิ่งในการทำงาน” นายภราดรกล่าว พร้อมย้ำว่าจะฝากงานหลายอย่างที่ได้ดำเนินการไว้ โดยเฉพาะโครงการเปิดพื้นที่รัฐสภาให้เป็นแหล่งเรียนรู้ เป็นพื้นที่ของประชาชนอย่างแท้จริง โครงการวันรัฐธรรมนูญ กิจกรรมสภาวาที การพัฒนาสถานีวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาให้เป็นสถานีของประชาชน โดยเปิดโอกาสให้สถานศึกษาเข้ามามีส่วนร่วม และการต่อยอดโครงการยุวชนประชาธิปไตยที่สร้างเสริมศักยภาพเยาวชน ให้ผู้รับตำแหน่งคนต่อไปได้มาสานต่อ นอกจากนี้ นายภราดรยังยืนยันจะทำหน้าที่เป็นผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านอย่างเข้มแข็ง เคียงบ่าเคียงไหล่กับ ส.ส. ของพรรคภูมิใจไทยต่อไป.312 -สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์สำนวนก่อนลบทิ้ง เตรียมเข้าทำเนียบฯ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์สำนวน “ผู้คน ไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งโอเค” ก่อนลบทิ้ง ยกเลิกประชุมทีมคณะที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก เข้าทำเนียบ เมื่อเวลา 08.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานความเคลื่อนไหวของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ช่วงเช้าวันนี้ (19 มิ.ย.) พบว่า มีการแชร์สตอรี่อินสตาแกรม เป็นสำนวนภาษาอังกฤษ ระบุว่า “People don’t fake depression.They fake being okay. Remember that. Be kind.” ซึ่งมีความหมายว่า “คนเราไม่ได้แกล้งเศร้า แต่แกล้งว่าตัวเองโอเคต่างหาก, จำไว้นะ จงมีเมตตา” พร้อมซาวด์ดนตรี Another love อย่างไรก็ตามในเวลา 08.54 น. นายกรัฐมนตรี ได้ลบโพสต์ดังกล่าว ออกจากสตอรี่อินสตราแกรม ทำให้ไม่มีข้อความปรากฏแล้ว ขณะเดียวกัน ยังรายงานอีกว่า วันนี้ นายกรัฐมนตรีได้ยกเลิกภารกิจ […]

“กัญจนา” เชื่อ “วราวุธ’” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย.- “หนูนา กัญจนา” ชี้พรรคชาติไทยพัฒนาแม้เป็นพรรคเล็ก แต่ศักดิ์ศรีรักบ้านเกิดเมืองนอนยิ่งใหญ่เสมอ เชื่อ “วราวุธ” ไม่หนุนการกระทำที่ไม่ดีต่อบ้านเมือง น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาพรรคชาติไทยพัฒนา โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีคลิปเสียงสนทนาสองผู้นำไทย-กัมพูชา ว่า “ณ วันนี้ ดิฉันไม่ได้นิยามตัวเองเป็นนักการเมืองแล้ว ถอยออกมามานานแล้ว แต่ที่ดิฉันเป็นเสมอคือ เป็นคนไทยที่รักแผ่นดินเกิด “จุดยืนของดิฉันมั่นคงมาตลอดเหมือนพ่อ คือยึดมั่นต่อ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และเชื่อว่าน้องชายดิฉัน (นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์) ก็เช่นกัน” น.ส.กัญจนา ยังระบุอีกว่า “แม้ที่ผ่านมา เขาอาจจะพูดอะไรพลาดบ้าง นั่นก็เป็นบทเรียนในชีวิตให้เขาต้องจดจำ วันนี้ดิฉันแม้ไม่ได้เป็นหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว แต่ดิฉันยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ แม้พรรคชาติไทยพัฒนาในวันนี้ จะเป็นพรรคขนาดเล็ก แต่ศักดิ์ศรี และความรักบ้านเกิดเมืองนอนต้องยิ่งใหญ่เสมอ” “ดิฉันเชื่อว่า พรรค และหัวหน้าพรรคจะมีการตัดสินใจที่ชัดเจนในการไม่สนับสนุนการกระทำใดที่ไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง ทำในสิ่งที่ควรทำ” -สำนักข่าวไทย

นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี หลัง “ภูมิใจไทย” ถอนตัว

19 มิ.ย.- นายกฯ รีโพสต์สตอรี่ไอจี กลางดึก หลัง “ภูมิใจไทย” ประกาศถอนตัวพรรคร่วมรัฐบาล ความเคลื่อนไหวช่วงกลางดึกในเวลา 21.08 น. ของ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ภายหลังพรรคภูมิใจไทยออกแถลงการณ์ถอนตัวจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล โดยจะยื่นใบลาออกมีผลวันนี้ (19 มิ.ย.) พร้อมเรียกร้องให้นายกฯ รับผิดชอบทำประเทศเสียเกียรติภูมิ นั้น พบว่าสตอรี่อินสตราแกรมของ นายกรัฐมนตรี ยังคงมีการเคลื่อนไหวผ่านการรีโพสต์สตอรี่ ที่มีคนโพสต์และแท็ก โดยเป็นภาพระหว่างสื่อมวลชนตามสัมภาษณ์นายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา และเป็นโพสต์รูปภาพของนายกรัฐมนตรี พร้อมใส่เพลง “ทำด้วยหัวใจ” โดยไม่มีการใส่แคปชั่น หรือระบุข้อความใดใดในภาพ รวมถึงคลิปที่นายกรัฐมนตรีได้มีการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงเสียงสนทนากับสมเด็จฮุนเซน ด้วย -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

รัฐบาลออกแถลงการณ์โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน“ ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ

ทำเนียบ 19 มิ.ย.-รัฐบาลออกแถลงการณ์กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชา โต้คลิปเสียง “ฮุนเซน” ยันมีเจตนาบริสุทธิ์ จริงใจ แต่ได้รับผลตรงข้าม ชี้ 26 ปี JBC ไร้ผล เป็นเหตุตัดสินใจใช้การทูตโทรหาผู้นำกัมพูชา ย้ำแก้ปัญหายึดสันติวิธี รักษาอธิปไตยไทย นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 13.30 น. วันนี้ (19 มิ.ย.) “กรณีสถานการณ์ความสัมพันธ์ ไทย-กัมพูชา” โดยมีเนื้อหาว่า “พี่น้องประชาชนชาวไทยที่เคารพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ขออภัยต่อพี่น้องประชาชนด้วยความจริงใจ จากกรณีคลิปเสียงสนทนาทางโทรศัพท์กับผู้นำกัมพูชาที่เกิดขึ้น ทุกการดำเนินการเป็นไปภายใต้เจตจำนงที่จะปกป้องอธิปไตยของชาติ รักษาผลประโยชน์และความปลอดภัยของประชาชนไทย ทั้งที่อยู่ในประเทศไทยและพักอาศัยอยู่ในกัมพูชา ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ดังกล่าว ไม่นึกว่าจะเกิดเหตุไม่พึงประสงค์ น่าเสียใจอย่างยิ่งที่ความจริงใจของเรา กลับมีผลตอบรับตรงกันข้าม รัฐบาลไทยยึดหลักสันติวิธี ใช้กลไกทวิภาคีเรื่องเขตแดนที่มีอยู่ โดยเฉพาะการทำงานของ JBC ที่รัฐบาลไทยและกัมพูชาร่วมมือกันมาตลอด 26 ปี เพื่อคลี่คลายปัญหา แต่ในระหว่างนั้นได้ปรากฏเหตุการณ์สื่อสารโต้ตอบที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น หากรัฐบาลนิ่งเฉย และไม่แก้ไขสถานการณ์เฉพาะหน้า ย่อมเกิดความเสี่ยงที่จะบานปลายไปสู่ความรุนแรงและความสูญเสียต่อชีวิตและความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนชาวไทยได้ นายกรัฐมนตรีจึงตัดสินใจใช้วิธีทางการทูต ผ่านการโทรศัพท์พูดคุยโดยตรงกับผู้นำกัมพูชา […]

กต. ทำหนังสือประท้วงกัมพูชากรณีปล่อยคลิปเสียงหลุด

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – กระทรวงการต่างประเทศ ส่งหนังสือประท้วงกรณีคลิปเสียงบทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีไทย-ฮุน เซน ย้ำผิดมารยาทและผิดหลักปฏิบัติสากล และทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยถึงพัฒนาการความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา หลังจากที่ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาส่วนตัวระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับสมเด็จฯ ฮุนเซน ประธานวุฒิสภา ของกัมพูชา ต่อสาธารณชนวานนี้ (18 มิ.ย.68) ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อจรรยาบรรณ และมารยาทพื้นฐานของการปฏิสัมพันธ์ระหว่างรัฐที่ไม่อาจยอมรับได้ ถือเป็นการทำลายความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างกัน ซึ่งส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และความพยายามที่จะใช้กลไกทวิภาคีในการแก้ไขปัญหาของทั้งสองฝ่ายตามแนวปฏิบัติสากล และการเป็นเพื่อนบ้านที่ดี พร้อมเน้นย้ำว่า ไม่ว่าผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจะเป็นใคร ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคือหัวหน้ารัฐบาลของประเทศ ที่ควรได้รับการเคารพ และให้เกียรติ ตามแนวปฏิบัติสากลในการเจริญสัมพันธ์ระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกหนังสือประท้วงกรณีดังกล่าว ผ่านช่องทางทางการทูต โดยได้เชิญให้เอกอัครราชทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย มารับหนังสือดังกล่าว เพื่อแจ้งว่าการกระทำข้างต้นของทางกัมพูชาเป็นการกระทำที่ไม่สามารถยอมรับได้ ถือว่าผิดมารยาทพื้นฐานของความสัมพันธ์ระหว่างรัฐ เป็นการทำลายความไว้ใจระหว่างประเทศเพื่อนบ้านอย่างร้ายแรง ซึ่งการออกหนังสือดังกล่าวเป็นไปตามแนวปฏิบัติทางการทูต มีความรอบคอบ โปร่งใส มีวุฒิภาวะ ใช้สันติวิธี และดำเนินการอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ รัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศได้ดำเนินการประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและการดูแลคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาแล้ว พร้อมยืนยันว่าการกระทำดังกล่าว เป็นการดำเนินการทางการทูต […]

นายกฯ แถลงขอโทษคนไทยปมคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน”

กรุงเทพฯ 19 มิ.ย. – นายกฯ แถลงขอโทษคนไทยทุกคน กรณีคลิปเสียงหลุดคุย “ฮุน เซน” เป็นเรื่องไม่น่าเกิดขึ้น ได้คุย มทภ.2 และทำความเข้าใจกับกองทัพ โดยได้อธิบายถึงเจตนาที่แท้จริง ยอมรับไม่ทราบจริงๆ ว่ามีการอัดคลิปเผยแพร่ ย้ำวันนี้ไทยต้องร่วมมือผนึกกำลัง ปกป้องอธิปไตย ทุกภาคส่วนสรุปว่า “เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าพบ เพื่อรายงานผลการประชุมของศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) รวมถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังเกิดกรณีคลิปเสียงการโทรศัพท์เจรจาระหว่าง น.ส.แพทองธาร กับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ว่าได้เชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงมาพูดคุยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ก่อนอื่นต้องขออภัยพี่น้องประชาชนและคนไทยทุกคนในเรื่องกรณีที่มีคลิปเสียงหลุดออกมาระหว่างที่ตนคุยกับผู้นำกัมพูชา ความจริงเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ต้องขออภัยพี่น้องประชาชนที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ ได้มีโอกาสคุยกับเจ้าหน้าที่และกองทัพ อธิบายถึงเหตุผลว่าเป็นเพียงแท็กติกของการสื่อสารที่จะเจรจาต่อไปว่าเราจะต้องแสดงความเข้าใจก่อน เพื่อจะคุยถึงต่อไป เป็นการต่อรองเพื่อให้การปะทะนั้นหยุดลง ด้วยความตั้งใจที่แท้จริงว่าต้องการจะให้สถานการณ์สงบสุขเท่านั้นเอง และไม่ทราบจริงๆ ว่าจะมีการอัดคลิปและเผยแพร่เช่นนี้ ก็ได้ทำความเข้าใจกับทางกองทัพเรียบร้อยแล้ว และรับฟังว่าวันนี้เราต้องร่วมมือกันผนึกกำลังเอาไว้ คนไทยทุกคนต้องผนึกกำลังเอาไว้ วันนี้ทุกภาคส่วนได้สรุปว่ากรณีดังกล่าวเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของชาติ ไม่ใช่ภัยคุกคามเล็กๆ ของประชาชนหรือของอะไร ที่จะพูดถึงว่ารัฐบาลหรือกองทัพต้องมาสู้กัน วันนี้เราไม่มีเวลาที่จะมาทะเลาะกันเองแบบนี้ เราต้องปกปกอธิปไตย ยินดีสนับสนุนกองทัพทุกรูปแบบ และวันนี้การที่เราจะทำอะไรหรือตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เราต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยที่อยู่ในกัมพูชาด้วย รวมทั้งประชาชนตรงชายแดน […]

ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่น ปชต. ย้ำเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี”

กองทัพบก 19 มิ.ย. – ผบ.ทบ. แสดงจุดยืนยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย พร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ ย้ำสถานการณ์บ้านเมืองในเวลานี้ “คนไทยต้องสามัคคี” พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า ด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันที่ปรากฏข้อมูลหรือการแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่หลากหลายและส่งผลกระทบต่อสังคมเป็นบริเวณกว้าง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์ในประเทศที่เกิดขึ้นโดยขอให้คนไทยได้เชื่อมั่นในกองทัพบก ที่มีจุดยืนในการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และพร้อมทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติอย่างสุดความสามารถ ภายใต้กลไกที่มีอยู่ ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้เน้นย้ำว่า หากพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดในห้วงเวลานี้คือ “คนไทยต้องสามัคคี” ร่วมกันปกป้องอธิปไตยจากผู้ไม่หวังดี โดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ-313 .-สำนักข่าวไทย