กรุงเทพฯ 31 ม.ค. – สศอ.เผยดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือนธันวาคม 59 ขยายตัวร้อยละ 0.5 ทำให้ไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.46 และภาพรวมทั้งปีขยายตัวขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 0.44 ส่งสัญญาณเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้น
นายวีรศักดิ์ ศุภประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน 2559 ขยายตัวร้อยละ 0.5 ทำให้ไตรมาส 4/2559 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.46 และภาพรวมทั้งปีขยายตัวขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 0.44 เช่นเดียวกันกับการส่งออกเดือนธันวาคมที่มีการขยายตัวถึงร้อยละ 3.5 โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ส่งผลบวก ได้แก่ เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์ยาง อัญมณีและเครื่องประดับ และอาหารทะเลกระป๋องแช่แข็ง
สำหรับอุตสาหกรรมหลักที่ส่งผลให้ดัชนีฯ มีการขยายตัว ได้แก่ เหล็กและผลิตภัณฑ์เหล็ก การผลิตเดือนธันวาคม 2559 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 24.46 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากราคาเหล็กปรับสูงขึ้น ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จำพวก Other IC, Monolithic IC และ Transistors ที่ใช้ในอุตสาหกรรมรถยนต์และเครื่องมืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นตามแนวโน้มของเทคโนโลยียานยนต์และอุปกรณ์ที่ปรับมาใช้ระบบอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นทั้งในตลาดยุโรปและสหรัฐ
ผลิตภัณฑ์ยางอื่น ๆ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.74 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุจากปริมาณสตอกยางพาราในการผลิตยางแผ่น และผลิตภัณฑ์ยางแท่ง ของตลาดจีนปรับลดลง เครื่องประดับ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 20.01 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเฉพาะเครื่องประดับจำพวกกำไล จากส่งออกที่มีแนวโน้มพื้นตัวต่อเนื่อง อาหารทะเลกระป๋องและแช่แข็ง ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.36 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขยายตลาดในประเทศเพิ่มขึ้นและการเร่งผลิตในฤดูกาลนี้ โดยมีปลาแช่แข็ง เป็นสินค้าหลักที่ขยายตัว รองลงมาเป็นปลาหมึกแช่แข็ง
ส่วนอุตสาหกรรมที่ส่งผลลบ ได้แก่ รถยนต์และเครื่องยนต์สำหรับรถยนต์ การผลิตเดือนธันวาคม 2559 ลดลงร้อยละ 15.98 และ 9.97 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากช่วงเดือนธันวาคมปีก่อน ผู้บริโภคมีการเร่งซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้นก่อนราคาขายจะปรับขึ้นตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ในเดือนมกราคม 2559 โดยปีนี้ตลาดรถยนต์นั่งชะลอตัวลงมากจากกำลังซื้อในประเทศที่ฟื้นตัวช้า ส่วนเครื่องยนต์ดีเซลผู้ผลิตรถยนต์ยังไม่มีโมเดลใหม่ในตลาด.-สำนักข่าวไทย