กรุงเทพฯ 31 ม.ค.-กระทรวงอุตสาหกรรมเผยภาพรวมดัชนี MPI ปี 65 ขยายตัวร้อยละ 0.62 รับเศรษฐกิจ – การท่องเที่ยวฟื้นตัว คาดจีนเปิดประเทศดันจีดีพีอุตฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.30
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม (อก.) เปิดเผยว่า ภาพรวมดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม(MPI) ปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 98.32 ขยายตัวร้อยละ 0.62 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีอัตราการใช้กำลังการผลิตสะสมทั้งปี เฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 62.61 เป็นผลจากการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวดีขึ้น ขณะที่ภาพรวมการส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม (ไม่รวมทองคำ) ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 2.95 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนการนำเข้าสินค้าทุนปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 2.48 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและกึ่งสำเร็จรูป (ไม่รวมทองคำ) ปี 2565 ขยายตัวร้อยละ 6.43 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
นางวรวรรณ ชิตอรุณ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนธันวาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 93.89 โดยอุตสาหกรรมหลักที่ขยายตัวในเดือนธันวาคม 2565 ได้แก่ น้ำมันปาล์มจากปริมาณผลผลิตปาล์มน้ำมันออกสู่ตลาดจำนวนมากกว่าปีก่อน ยานยนต์ จากรถยนต์นั่งขนาดกลางและรถยนต์นั่งขนาดเล็กที่ตลาดส่งออกขยายตัว และน้ำมันปิโตรเลียมที่กลับมาผลิตได้อีกครั้ง ทั้งนี้ คาดการณ์ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม (MPI) เดือนมกราคม 2566 มีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง หลังได้รับแรงส่งของภาคการท่องเที่ยว รวมถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายช้อปดีมีคืน หนุนการบริโภคในประเทศจากความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงที่ควรเฝ้าระวังและติดตาม ได้แก่ ราคาพลังงานที่อยู่ในระดับสูงอุปสงค์สินค้าในตลาดโลกจากการที่ตลาดส่งออกสำคัญและคู่ค้าหลักมีแนวโน้มเข้าสู่ภาวะชะลอตัว และค่าเงินบาทที่แข็งค่าส่งผลต่อการส่งออกไทย
ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมในปี 2566 ที่มีแนวโน้มขยายตัวตามกระแสโลกและตามการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวได้แก่ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อาหารและเครื่องดื่มที่เกี่ยวกับสุขภาพ เครื่องปรับอากาศเทคโนโลยีสูง เม็ดพลาสติกชีวภาพ เภสัชภัณฑ์ สิ่งทอเทคนิค และยางล้อรถประหยัดพลังงาน นอกจากนี้ สศอ. ได้ประเมินว่าจากนโยบายจีนเปิดประเทศจะส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมไทยมีรายได้จากนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้นประมาณ200,000 – 300,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้น และส่งผลให้ผลิตภัณฑ์ภายในประเทศที่แท้จริงภาคอุตสาหกรรม (Real GDP of Manufacturing) เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.30 .-สำนักข่าวไทย