เมียนมาร์ 2 ก.พ. – รองนายกรัฐมนตรีนำคณะนักลงทุนภาคเอกชนรายใหญ่ของไทยหารือ เพื่อขยายการค้าการลงทุนกับเมียนมาร์ ตั้งเป้าเพิ่มมูลการค่าการค้าการลงทุนเป็น 2 เท่าในอีก 5 ปี
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจ ประกอบด้วย กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพลังงาน และกระทรวงอุตสาหกรรม และคณะนักลงทุนรายใหญ่ของไทย 22 ราย หารือกับนายติน จ่อ ประธานาธิบดีเมียนมาร์ และนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐ เพื่อกระชับความร่วมมือทางเศรษฐกิจการค้าระหว่าง ทั้ง 2 ประเทศ โดยตั้งเป้าหมายให้มูลค่าการค้าทั้ง 2 ฝ่ายเป็น 2 เท่า ภายในปี 2564 จากในปี 2559 มูลค่าการค้ารวมระหว่างไทยและเมียนมาร์อยู่ที่ประมาณ 6,500 ล้านบาท
สำหรับการเดินทางครั้งนี้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของภาครัฐและเอกชนรายใหญ่ของเมียนมาร์ เพื่อขยายความร่วมมือด้านการค้าและการลงทุนภาคธุรกิจที่จะเอื้อต่อการพัฒนาเศรษฐกิจทั้ง 2 ประเทศ และเชื่อมโยงกลุ่ม CLMVT กับจีน และภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก โดยได้มีการลงนาม MOU ระหว่างภาครัฐทั้ง 2ฝ่าย จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทย-เมียนมาร์ว่าด้วยการพัฒนาแผนกฉุกเฉินโรงพยาบาลทวาย บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านประมง และบันทึกความเข้าใจเรื่องความร่วมมือในการส่งเสริมธุรกิจเอสเอ็มอีและความร่วมมือด้านการพัฒนานิคมอุตสาหกรรมและท่าเรืออุตสาหกรรม ขณะที่ความร่วมมือระหว่างภาคเอกชน มีการลงนาม MOU จำนวน 16 ฉบับ ครอบคลุม 4 ด้าน ทั้งการพัฒนาเอสเอ็มอี การลงทุนอุตสาหกรรม การพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ และการก้าวสู่ดิจิตัล อีโคโนมี เป็นต้น
นายสมคิด กล่าวย้ำว่า การเดินทางไปโรดโชว์ครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากเมียนมาร์อย่างดี ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างแนวทางความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งสิ่งที่หารือกับเมียนมาร์ คือ การพัฒนาเส้นทางเศรษฐกิจ “อีสเวสคอริดอร์ เชื่อมอินเดีย – ไทย – เวียดนาม” ซึ่งเมียนมาร์เห็นพ้องให้ตั้งคณะทำงานพัฒนาเส้นทางร่วมกัน และหารือการกระชับการค้าการลงทุนชายแดน โดยจะยกระดับแม่สอด-เมียวดี เป็นเขตเศรษฐกิจร่วม 2 ประเทศ และจะผลักดันให้ใช้เงินบาทในเขตเศรษฐกิจพิเศษร่วม เพื่อพัฒนาการค้าให้มากขึ้น.-สำนักข่าวไทย