รัฐสภา 16 พ.ย.-กมธ.พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ปิโตเลียมรับยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ เพราะยังมีความเห็นต่าง ส่วนข้อเรียกร้องตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเป็นเรื่องสำคัญ ต้องศึกษารอบคอบ ยังไม่บรรจุในร่างกฎหมายนี้
พล.อ.สกนธ์ สัจจานิตย์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติปิโตรเลียม สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) แถลงว่า ยังหาข้อสรุปใน ร่าง พ.ร.บ. ปิโตรเลียมและร่าง พ.ร.บ.ภาษีเงินได้ปิโตรเลียมไม่ได้ตามกำหนดระยะเวลา เนื่องจากติดขัดปัญหาองค์ประชุม อีกทั้ง กรรมาธิการบางคนไม่มีความเชี่ยวชาญเรื่องพลังงาน และมีความเห็นไม่ตรงกันหลายประเด็น แต่ไม่ถึงขั้นแตกแยก จึงต้องใช้เวลาในการศึกษาเรียนรู้อย่างรอบคอบ ทำให้การพิจารณาล่าช้าออกไป
“แต่ยืนยันว่าไม่ได้ต้องการถ่วงเวลาการพิจารณา เนื้อหาส่วนใหญ่ยังคงเป็นไปตามที่คณะรัฐมนตรีเสนอ มีเพียงมาตรา 33 ที่มีความเห็นตรงกันให้ปรับเปลี่ยนให้สามารถโอนข้ามแปลงได้ เพื่อบริหารทรัพยากรให้เกิดประโยชน์ ส่วนเรื่องการเก็บภาษีเงินได้ปิโตรเลียม ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเห็นด้วยกับกรรมาธิการให้ปรับอัตราการจัดเก็บนั้น เป็นเรื่องที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง จะต้องนำเข้าหารือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง” พล.อ.สกนธ์ กล่าว
ส่วนข้อเรียกร้องจากภาคประชาชน ให้ตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ พล.อ.สกนธ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องศึกษาอย่างละเอียด และรัฐบาลรับทราบแล้ว โดยได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานและกระทรวงการคลังนำไปศึกษา ดังนั้น กรรมาธิการจึงจะไม่นำเรื่องดังกล่าวใส่ไว้ในร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ขณะเดียวกันกรรมาธิการไม่มีอำนาจถอนร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ออกจากวาระการพิจารณาของสนช. แต่จะเดินหน้าทำตามหน้าที่ในการพิจารณาวาระ 2 ต่อให้เสร็จ โดยในวันจันทร์ที่ 21 พฤศจิกายน จัดนัดประชุมอีกครั้งเพื่อหาข้อสรุป
“เรื่องตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติเราคุยกันทุกครั้ง ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญ ผมเห็นว่าการตั้งองค์กรใหม่ขนาดใหญ่ไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องศึกษาทั้งเรื่องงบประมาณ เรื่องคน รัฐบาลและทุกคนจึงต้องช่วยกันศึกษาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และเป็นแผนระยะยาว ไม่ใช่ตั้งมาแล้วล้ม ส่วนเรื่องที่มีคนมาเรียกร้องให้ถอนร่างกฎหมายออกนั้น ผมไม่มีอำนาจ ซึ่งหากจะให้ถอน ประธาน สนช.ต้องหารือกับรัฐบาลก่อน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการใด ๆ หน้าที่ของผมก็ต้องพิจารณาวาระ 2 ให้เสร็จ” พล.อ.สกนธ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย