ร้อยเอ็ด 6 ก.พ.- รองผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด นำทีมลงพื้นที่ อ.ศรีสมเด็จ ตามข้อเท็จจริงผู้ป่วยเอดส์บ้านรวมน้ำใจ ยืนยันไม่มีเผานั่งยางตามโซเชียลโพสต์ ทุกฝ่ายให้การช่วยเหลือดูแลตลอด ด้าน ผอ.รพ.ศรีสมเด็จ แจงผู้ป่วย 39 ราย รับยาต้านไวรัสต่อเนื่อง
นายเฉลิมพล มั่งคั่ง รองผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด พร้อมนายพจน์ เอกอนันต์ถาวร นายอำเภอศรีสมเด็จ นพ.อรรณพ รัตนวรรณชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสมเด็จ นายณรงค์เกียรติ สิทธิเวช ผอ.ศูนย์ประชาบดี จ.ร้อยเอ็ด และอีกหลายหน่วยงาน เข้าตรวจสอบข้อเท็จจริง “บ้านรวมน้ำใจ ศูนย์สงเคราะห์ผู้ป่วยติดเชื้อโรคเอดส์” วัดป่าศรีมงคล (โคกร้าง) ต.สวนจิก อ.ศรีสมเด็จ หลังจากมีผู้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับชีวิตของผู้ติดเชื้อเอชไอวี ที่มาใช้ชีวิตช่วงสุดท้าย ภายในป่าช้าวัดป่าศรีมงคล ท่ามกลางกองยางรถยนต์เก่าเตรียมไว้เผาศพ หากมีใครเสียชีวิต เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ส่วนใหญ่จะเผาแบบนั่งยาง
นายเสาร์ ชาญชำนิ ผู้ใหญ่บ้านหนองไฮ หมู่ 3 ต.สวนจิก อ.ศรีสมเด็จ กล่าวว่า การเผาศพแบบใช้ยางรถยนต์นั้นเลิกใช้มาตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2540 รวม 20 ปีแล้ว เนื่องจากสร้างเมรุถาวรใ
นการเผาศพ ส่วนยางรถยนต์เพราะไม่มีที่ทิ้งก็เก็บรวมวางกองไว้ข้างเมรุ และในป่าริมถนนทางเข้าศูนย์ที่พัก ขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริงตามที่ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายดังกล่าวโพสต์ไว้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายได้ใช้จากเงินกองทุนช่วยเหลือผู้ป่วยติดเชื้อเอดส์ และเงินบริจาคผ่านวัดป่าโคกร้าง ล่าสุดกรมสุขภาพจิตได้มามอบเงินให้วัด 800,000 บาท เพื่อดูแลในเรื่องนี้
นพ.อรรณพ รัตนวรรณชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลศรีสมเด็จ กล่าวว่า ได้เยี่ยมเยียนดูแลผู้ป่วยและรักษาอย่างต่อเนื่อง โดยใช้สิทธิบัตรทองไม่เสียค่าใช้จ่าย ผู้ป่วยที่มารับยาต้านไวรัสมีจำนวนทั้งสิ้น 39 ราย มี 2 รายที่ออกไปทำงานนอกพื้นที่ แต่ก็รับยาต่อเนื่อง โดยหนึ่งในนี้รวมทั้งผู้ป่วยที่เป็นคนต่างด้าวด้วย
ด้านรองผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจากผู้ว่าฯ ให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบข้อเท็จจริง และไม่ได้เป็นอย่างในโซเชียลระบุ ล่าสุดกรมสุขภาพจิตเพิ่งมาทอดกฐินและมอบเงินให้กับวัด 800,000 บาท เพื่อให้ความช่วยเหลือทั้งวัดและผู้ป่วย อีกทั้งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นได้ช่วยเหลือเรื่องเงินผู้ติดเชื้อ เดือนละ 500 บาท รวมถึงสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดร้อยเอ็ด ช่วยเหลือดูแลผู้ป่วยเช่นกัน และอีกหลายหน่วยงาน ยืนยันว่าไม่ได้ทอดทิ้ง ทุกส่วนราชการดูแลอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เพื่อความโปร่งใสจะตรวจสอบการบริหารเงินด้วย.-สำนักข่าวไทย