พรรคประชาธิปัตย์ 8 ก.พ.- “อภิสิทธิ์-กรณ์” หนุนรัฐบาลเร่งสร้างความชัดเจน กรณีการสร้างโรงไฟฟ้าในภาคใต้ เสนอสูตร “เทพา–LNG กระบี่–ปาล์มน้ำมัน” ผลักดัน “พลังงานหมุนเวียน เพื่อความมั่นคง สะอาด ยั่งยืน”
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร่วมกับ นายกรณ์ จาติกวณิช แถลงสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุจะเร่งหาข้อยุติกรณีการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ภายใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า ว่า จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ปรารถนาจะเห็นการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานไฟฟ้าในภาคใต้ และเสนอให้รัฐบาลตัดสินใจเลือกใช้แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนและสอดคล้องกับความต้องการของประชาชนและโลกในอนาคต พรรคประชาธิปัตย์เสนอแนวทางให้รัฐบาลเร่งก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา แต่เปลี่ยนการใช้ถ่านหินเป็นเชื้อเพลิงมาเป็นการใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ควบคู่ไปกับการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างโรงไฟฟ้าที่จังหวัดกระบี่ โดยใช้ปาล์มน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงทางเลือก พร้อมกับลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเพื่อรองรับพลังงานหมุนเวียนซึ่งจะเป็นทิศทางของการใช้พลังงานในอนาคต
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข้อเสนอดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของการสร้างความมั่นคงทางด้านพลังงานให้แก่ภาคใต้และลดการพึ่งพาการใช้ก๊าซธรรมชาติจากอ่าวไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งยังสามารถดำเนินการได้รวดเร็วยิ่งขึ้นโดยไม่มีการเพิ่มภาระให้แก่ประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้า รวมทั้งหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและการเผชิญหน้ากับประชาชนในพื้นที่และกลุ่มอนุรักษ์ ยิ่งไปกว่านั้นการดำเนินการในแนวทางดังกล่าว ยังจะเป็นวิธีการรองรับการใช้พลังงานหมุนเวียนเพิ่มขึ้นในอนาคต สนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่และสอดคล้องกับการประกาศเจตนารมณ์ของรัฐบาลที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้ใช้งบประมาณที่ประหยัดได้จากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าแอลเอ็นจี (LNG) ที่มีต้นทุนต่ำกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหิน มาลงทุนในระบบ Smart Grid เพื่อรองรับการซื้อพลังงานหมุนเวียนจากภาคเอกชนและประชาชนในอนาคต
ด้านนายกรณ์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้พรรคประชาธิปัตย์ได้ทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี โดยให้ข้อมูลและเหตุผลสนับสนุนแนวทางดังกล่าวว่าสาเหตุที่เสนอ LNG แทนถ่านหินเนื่องจาก LNG เป็นเชื้อเพลิงที่มีแหล่งผลิตที่หลากหลาย ไม่ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตรายใดรายหนึ่งหรือภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง มีตลาดซื้อขายที่พัฒนาจึงทำให้ลดความเสี่ยงในด้านการจัดหาและเป็นการกระจายความเสี่ยงเรื่องแหล่งผลิต ในขณะที่ถ่านหินนั้นแม้จะผลิตได้จากหลายพื้นที่ก็จริงแต่ในภาคปฏิบัตินั้นลักษณะของถ่านหินที่จะใช้สำหรับโรงไฟฟ้าแต่ละโรงจะมีข้อจำกัดมากมายเสี่ยงต่อการทำให้เกิดภาวะผูกขาดทางวัตถุดิบและไม่ยืดหยุ่นต่อการสรรหาวัตถุดิบที่แพร่หลายได้
นายกรณ์ กล่าวว่า ราคา LNG และราคาถ่านหินในปัจจุบัน ทำให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจาก LNG ใกล้เคียงหรือต่ำกว่าต้นทุนการผลิตจากถ่านหิน ขณะที่เงินลงทุนในการสร้างโรงไฟฟ้า LNG ต่ำกว่าเงินลงทุนในการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินประมาณ 50% ทำให้รัฐบาลสามารถประหยัดงบประมาณในการก่อสร้างได้อีกจำนวนมาก การก่อสร้างโรงไฟฟ้า LNG ใช้ระยะเวลาในการขออนุญาตและก่อสร้างเพียง 48 เดือน เทียบกับระยะเวลาในการขออนุญาตและก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่ใช้เวลา 80 เดือน โรงไฟฟ้า LNG จึงตอบโจทย์ตรงประเด็นต่อภาวะการขาดแคลนพลังงานไฟฟ้าในพื้นที่ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต และพร้อมรับมือได้อย่างรวดเร็วกว่าแผนเดิมมาก
นายกรณ์ กล่าวว่า การก่อสร้าง LNG Receiving Terminal ในภาคใต้จะเสริมความมั่นคงให้ประเทศ จากปัจจุบันที่มีการนำเข้า LNG ที่ระยองเพียงจุดเดียว อีกทั้งโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินต้องผ่านการอนุมัติ EHIA ในขณะที่โครงการโรงไฟฟ้า LNG ต้องผ่านการอนุมัติ EIA เท่านั้น ซึ่งทำให้ระยะเวลาอนุมัติของโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินนานกว่า อันจะก่อให้เกิดความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ดังนั้นการยกเลิกการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน เป็นการแสดงจุดยืนที่ชัดเจนของไทยในการแสดงความตั้งใจที่จะช่วยลดภาวะเรือนกระจก และการแสดงถึงการให้ความสำคัญต่อสิ่งแวดล้อมของรัฐบาลเนื่องจาก LNG จัดเป็นพลังงานสะอาด และมีกระบวนการผลิตที่จะมีผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงในระดับที่น้อยมาก.-สำนักข่าวไทย