กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – GPSC กางแผนเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าทุกมิติ ภายใต้แนวคิด Decarbonization for Sustainable Future ประกาศเดินหน้าสู่ Net Zero ในปี 2603 ด้วยการเพิ่มเสถียรภาพการป้อนไฟฟ้า ลดการปล่อยคาร์บอนฯ ตอบโจทย์ความต้องการใช้พลังงานสะอาด เพิ่มขีดความสามารถภาคการผลิต ลดอุปสรรคของภาคการส่งออกภายใต้เกณฑ์ใหม่โลก ล่าสุดร่วมกับบริษัท Saltfoss ประเทศเดนมาร์ค ศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนา SMR เพื่อทดแทนโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงหลัก
นายศิริเมธ ลี้ภากรณ์ ผู้จัดการใหญ่ และรักษาการประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC แกนนำนวัตกรรมธุรกิจไฟฟ้ากลุ่ม ปตท. เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท.ได้จัดทำยุทธศาสตร์การลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ โดยมอบหมายภารกิจ Decarbonization Power ของกลุ่ม ปตท. ให้กับ GPSC บริษัทฯ จึงกำหนดเป้าหมายขับเคลื่อนธุรกิจให้สอดรับกับกระแสการเปลี่ยนผ่านพลังงาน รวมถึงความต้องการของตลาดด้านพลังงานแห่งอนาคต ที่มุ่งสู่พลังงานสีเขียวที่ทุกอุตสาหกรรมต้องพัฒนาธุรกิจ เพื่อรักษาขีดความสามารถการแข่งขันด้านการผลิตให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดย GPSC จะมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำ ด้วยนวัตกรรมพลังงานสะอาด ตามโรดแมป Decarbonization Power ที่จะดำเนินการลดคาร์บอนฯ เพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้า ควบคู่ไปกับการแสวงหาเทคโนโลยีและนวัตกรรมพลังงาน สู่เป้าหมายการลดคาร์บอนฯ ต่อหน่วยการผลิตไฟฟ้า (Carbon intensity) ให้ได้ 10% ในปี 2568 และ 35% ในปี 2573 กระทั่งนำไปสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนฯ ในปี 2593 และมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2603
ทั้งนี้ การลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิของ GPSC กำหนดแผนงานไว้ 4 แนวทาง ได้แก่ แนวทางที่ 1 ลดการใช้เชื่อเพลิงฟอสซิล (Reduce Fossil Fuel Usage) เดินเครื่องผลิตไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ โดยใช้เทคโนโลยี AI วางแผนการเดินเครื่องโรงไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพสูงสุด แนวทางที่ 2 เพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน (Grow Renewables) GPSC ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศอินเดียผ่านการลงทุนในบริษัท Avaada Energy Private Limited หรือ AEPL ผ่านสัดส่วนการถือหุ้นที่ร้อยละ 42.93 ที่มีกำลังการผลิตเติบโตจาก 3.7 กิกะวัตต์ สู่ 20.6 กิกะวัตต์ เพิ่มขึ้น 5.5 เท่าในระยะเวลาเพียง 3.8 ปีนับจากเริ่มลงทุน โดยปัจจุบันมีกำลังการผลิตที่ดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วกว่า 5.1 กิกะวัตต์ ส่งผลให้บริษัทฯ มีพอร์ตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเกินกว่า 50% เร็วกว่าเป้าหมายที่กำหนดไว้ในปี 2573 และยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
แนวทางที่ 3 เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านโครงสร้างพื้นฐาน (Enhance Infrastructure) GPSC ได้ร่วมมือกับ Doosan Enerbility Co, Ltd. ผู้เชี่ยวชาญในงานวิศวกรรมก่อสร้างโรงไฟฟ้าและผลิตอุปกรณ์กระบวนการผลิต จากสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ศึกษาการนำกรีนแอมโมเนียมาใช้ร่วมกับเชื้อเพลิงหลัก (Fuel Shifts & Hybridization) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิง และการดักจับและกักเก็บคาร์บอนฯ (Carbon Capture and Storage) หรือ CCS นอกจากนี้ ยังศึกษาการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าชีวมวล (Biomass) ด้วยการจัดหาวัตถุดิบทางการเกษตร หรือวัสดุเหลือใช้ให้เพียงพอในการป้อนเป็นเชื้อเพลิงให้กับโรงไฟฟ้า ทั้งในประเทศและการนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน รวมทั้งการนำโซลูชั่นพลังงานปลอดคาร์บอนฯ (Carbon Free Energy Solutions) อื่นๆ เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนฯ ในกระบวนการผลิตไฟฟ้าและไอน้ำในโรงไฟฟ้าประเภทต่างๆ พร้อมกันนี้ ยังได้ร่วมมือกับบริษัท Saltfoss (เดิมชื่อ Seaborg Technologies) ประเทศเดนมาร์ค ในการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเทคโนโลยีโมดูล่าร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor) หรือ SMR เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีที่ถูกพัฒนาขึ้นเป็น GEN ที่ 4 เป็นพลังงานสะอาดที่มีความปลอดภัยสูง ในกรณีที่เกิดภาวะฉุกเฉิน สามารถใช้หลักธรรมชาติลดความร้อนจากแท่งเชื้อเพลิงได้ดี เพื่อนำมาทดแทนโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงหลัก ตอบสนองภาคการผลิตที่ต้องการไฟฟ้าและไอน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง GPSC พร้อมศึกษารายละเอียดและรอความชัดเจนจากนโยบายภาครัฐในการเดินหน้าพัฒนาโครงการ SMR ที่จะพิจารณาอยู่ในแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าของประเทศ (PDP) ของประเทศ
นอกจากนี้ ยังได้ศึกษาความเป็นไปได้ในโครงการลดคาร์บอนฯ ในพื้นที่มาบตาพุด ร่วมกับ ปตท. เพื่อศึกษาการใช้ไฟฟ้าพลังงานสะอาดในพื้นที่มาบตาพุดทั้งหมด ขณะนี้ บริษัทฯ อยู่ระหว่างหาแนวทางผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อสนับสนุนพลังงานสีเขียวในแผนการส่งเสริมการลงทุน Data Center ในไทย ทั้งนี้ GPSC ยังได้ศึกษาการกักเก็บพลังงานหมุนเวียนในรูปแบบความร้อนด้วย Molten Salt Heat Storage เพื่อผลิตพลังงานความร้อนป้อนโรงงานอุตสาหกรรม สนับสนุนให้ลูกค้าอุตสาหกรรมเข้าถึงพลังงานความร้อนสีเขียว นับเป็นส่วนหนึ่งในแนวทาง Maptaphut Decarbonization Power ทั้งนี้ ในส่วนแผนการลงทุนด้านนวัตกรรมพลังงานแห่งอนาคต ได้ร่วมมือกับ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ศึกษาและพัฒนาเทคโนโลยี CCUS (Carbon, Capture, Utilization & Storage) หรือการดักจับคาร์บอนฯ มาใช้ประโยชน์ในระยะยาว และแนวทางที่ 4 กิจกรรมซื้อขาย ชดเชยคาร์บอนฯ (Trading/Offsets) ได้แก่ การรับซื้อคาร์บอนฯ การออกใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy Certificate หรือ REC) เพื่อตอบสนองความต้องการคาร์บอนฯ และจัดหาให้กับลูกค้า รวมถึงโครงการปลูกป่าที่ตั้งเป้าหมายไว้ 10,000 ไร่ เป็นต้น .-517-สำนักข่าวไทย