ขอนแก่น 16 พ.ย.- นักธุรกิจพาลูกชายวัย 17 ปี ร้องเรียนกับทหาร หลังถูกเจ้าของร้านอาหารหลัง ม.ขอนแก่น และการ์ดของร้าน 7 คน รุมทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บสาหัส พร้อมยึดไอโฟน 7 ไว้ ให้นำเงิน 1 หมื่นมาไถ่คืน
นายอนุพงษ์ เรืองจิรภัทร อายุ 66 ปี ประธานกรรมการบริษัท พุฒิธร คอนสตรัคชั่น จำกัด พาลูกชายวัย 17 ปี สภาพหน้าตาเขียวช้ำ เลือดคั่งในลูกตาทั้ง 2 ข้าง เข้าร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องร้องทุกข์ มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร จ.ขอนแก่น โดยมี พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการพื้นที่ มทบ.23 เป็นผู้รับเรื่อง
นายอนุพงษ์ กล่าวว่า เช้าวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ไม่เห็นลูกชายตื่นมารับประทานอาหารเช้า จึงปลุกให้ตื่น ก็เห็นลูกชายในสภาพหน้าตา ร่างกายเขียวช้ำไปทั่ว ตาปิดทั้ง 2 ข้าง สอบถามจึงรู้ว่าคืนวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา ลูกชายพร้อมเพื่อนวัยเดียวกันรวม 4 คน เข้าไปเที่ยวที่ร้านอัพทาวน์หลังมหาวิทยาลัยขอนแก่น ถูกการ์ดและเจ้าของร้านรุมทำร้ายร่างกาย และยึดโทรศัพท์มือถือไอโฟน 7 ไป โดยบอกว่าให้หาเงิน 10,000 บาท ไปไถ่คืน จึงได้พาลูกชายเข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ย่อย มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในวันที่ 13พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งพนักงานสอบสวนได้ทำหนังสือส่งตัวเข้าตรวจร่างกายที่ รพ. ซึ่งแพทย์ลงความเห็นว่า รักษาตัวต่อเนื่อง 14 วัน แต่ไม่ได้นอนรักษาตัวรับยาไปกินที่บ้าน เวลาผ่านมาก็ไม่มีความคืบหน้า จึงเข้าร้องขอความเป็นธรรมกับทหาร เพื่อให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการเอาผิดกับบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
ขณะลูกชายวัย 17 ปี เล่าว่า เข้าไปเที่ยวที่ร้านอาหาร หลังมหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นประจำ ในคืนเกิดเหตุคืนวันที่ 12 พ.ย.ที่ผ่านมา เข้าไปนั่งในร้านตั้งแต่ 20.30-23.00 น. ได้พบกับแฟนสาว จึงออกไปคุยที่ริมถนนฝั่งตรงข้ามกับร้านและมีเรื่องกับแฟนสาว จากนั้นถูก นายวินัย หัวหน้าการ์ดของร้านอาหารดังกล่าว พร้อมพวกมาลากตัวไปที่หน้าร้านและรุมทำร้ายร่างกาย ต่อมาถูกเจ้าของร้านมาลากตัวไปที่ลานจอดรถ พร้อมกับลงมือตบหน้า เตะ ต่อย หลายครั้ง บอกว่าในฐานะที่เป็นคนสร้างปัญหาความวุ่นวายให้เอาเงินมาจ่าย 10,000 บาท แต่ตนไม่มีเงินจ่าย เจ้าของร้านอาหารจึงยึดโทรศัพท์มือถือไอโฟน 7 ไว้ แล้วปล่อยตัวในเวลา 04.00 น.ของวันที่ 13 พ.ย. จึงรีบเดินทางกลับบ้าน และช่วงสายวันเดียวกันพ่อก็พาเข้าแจ้งความ
พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี กล่าวภายหลังรับเรื่องว่า ได้ประสานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว ทั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่า ร้านลักษณะดังกล่าวมีลักษณะการประกอบการคล้ายสถานบริการ จะไม่มีใบอนุญาตสถานบริการ แต่น่าจะมีใบอนุญาตให้ขายสุรา บุหรี่ อาหาร ส่วนการกระทำของบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดนั้น การยึดทรัพย์ของบุคคลอื่นไปโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย เข้าลักษณะเป็นความผิดลักทรัพย์ และหากทำให้ทรัพย์สินของบุคคลอื่นเสียหาย เป็นความผิดทำให้เสียทรัพย์ ส่วนการใช้กำลังทำร้ายร่างกาย เป็นความผิดฐานทำร้ายร่างกาย ซึ่งจะเร่งให้เกิดความยุติธรรมต่อทั้ง 2 ฝ่ายโดยเร็ว
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามไปยัง พ.ต.อ.นพดล เพ็ชร์สุทธิ์ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น ทราบว่า สภ.เมืองขอนแก่น ซึ่งดูแลรับผิดชอบพื้นที่เกิดเหตุ มีการตรวจความเรียบร้อยตามจุดเสี่ยงและสถานบันเทิงประจำทั้งสายตรวจรถยนต์ รถจักรยานยนต์ การทำร้ายร่างกาย หากไม่มีใครแจ้งเจ้าหน้าที่ก็อาจจะมีที่เล็ดลอดสายตาบ้าง ในส่วนของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ร้านอาหารนั้น ได้รับรายงานจากพนักงานสอบสวน สภ.ย่อย มหาวิทยาลัยขอนแก่น แล้ว พนักงานสอบสวนได้ประสานชุดสืบสวน สภ.เมือง เพื่อลงพื้นที่สืบสวนหาตัวคนที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมทั้งรวบรวมหลักฐานจากพยานแวดล้อม กล้องวงจรปิด เพื่อเรียกตัวคนที่เกี่ยวข้องมาสอบสวนต่อไป.-สำนักข่าวไทย