กรุงเทพฯ 10 ก.พ. – เบสท์ริน ลุยฟ้องผู้บริหารกรมศุลกากร ระบุศาลประทับรับฟ้องแล้ว. พร้อมยืนยันปฎิบัติตามกฎหมาย ไม่วางหลักประกันเพิ่ม เอารถเมล์ 99 คัน ออกมาวิ่ง และยังไม่ได้รับการแจ้งบอกเลิกสัญญา จากขสมก. ระบุจะรอดูเหตุผลขอเลิกสัญญา ถ้าไม่เป็นธรรมจะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
นายคณิสสร์ ศรีวชิระประภา ประธานบริษัทเบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด พร้อมด้วยทีมทนายความ เปิดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน กรณีข้อพิพาทการจัดซื้อรถเมล์ทีวี 489 คัน ภายหลังต้นสัปดาห์ที่ผ่านมากรมศุลกากรเปิดแถลงข่าวยืนยัน จะดำเนินคดีกับบริษัทเบสท์ริน ในข้อหาสำแดงเท็จ แหล่งกำเนิดสินค้านำเข้า และมีพฤติกรรมฉ้อฉล หลีกเลี่ยงชำระภาษี พร้อมขีดเส้นให้เบสท์ริน มาชำระภาษี 40% ของรถเมล์เอ็นจีวีอีก 99 คัน และวางประกันเบี้ยปรับจึงจะสามารถตรวจปล่อยรถได้
ต่อมาในวันนี้เบสทร์ริน แจ้งให้สื่อมวลชนทราบว่าจะมีการแถลงแฉผู้อยู่เบื้องหลังการล้มประมูลให้สื่อมวลชนรับทราบ โดยช่วงแรกยืนยันถึงปัญหาเอกสาร ฟอร์ม D ของประเทศมาเลเซียซึ่งล่าสุดกรมศุลกากรว่าไม่มีความจำเป็นต้องมาใช้ประกอบการพิจารณา เนื่องจากการให้ประโยชน์ สิทธิทางภาษี ตาม ฟอร์ม D ท้ายสุดผู้ชี้ขาดคือประเทศผู้นำเข้าว่าจะอนุมัติตามคำขอการใช้สิทธิ์ภาษี 0% หรือไม่ โดยประเด็นนี้ เบสท์รินระบุว่า การกระทำของกรมศุลกากร เป็นการปฏิเสธหนังสือเอกสารรับรองระหว่างประเทศ ทั้งที่ยังไม่มีการตรวจสอบข้อมูล หรือชี้ขาดจากหน่วยงานกลาง
ส่วนการดำเนินการกับผู้อยู่เบื้องหลังที่จ้องล้มการประมูลรถเมย์เอ็นจีวี 489 คันนี้นายคณิสสร์ กล่าวว่า อยากให้สื่อมวลชนติดตามคดีประวัติศาสตร์ครั้งนี้และพิจารณาว่าการล้มประมูลดังกล่าวใครเป็นผู้ได้รับประโยชน์ โดยในวันนี้ เบสท์ริน ได้ดำเนินการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ที่เชื่อว่ามีอย่างน้อย3 คนมีส่วนในการปลอมแปลงเอกสาร เพิ่มข้อความระบุว่ารถเมล์ที่นำเข้า. มีข้อสงสัยเรื่องแหล่งกำเนิดที่มาจากจีนทำให้บริษัทได้รับความเสียหาย และต้องไปตรวจสอบว่าอะไรอยู่เบื้องหลังให้เจ้าหน้าที่เหล่านี้ กระทำผิดกฏหมายดังกล่าว โดยในวันนี้บริษัทฯ ได้ยื่นฟ้องต่อศาลอาญาและศาลได้ดำเนินการประทับรับฟ้องแล้วโดยได้นัดไต่สวนนัดแรกในวันที่ 24 เมษายนในเวลา 09:00 น.
ส่วนข้อสงสัยว่าบริษัทจะดำเนินการไปวางหลักประกันค่าปรับเพื่อนำรถอีก 99 คันที่ถูกกักไว้ เพื่อนำรถออกวิ่งให้บริการหรือไม่นั้น นายคณิสสร์ ยืนยันว่าจะปฏิบัติตามกฏหมายโดย จะไม่ไปดำเนินการ วางหลักประกันเบี้ยปรับที่ไม่เป็นธรรม
ส่วนการบอกเลิกสัญญา จากองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ยืนยันว่าในขณะนี้ยังไม่เห็นหนังสือบอกเลิกสัญญาอย่างเป็นทางการ แต่หาก ขสมก. มีหนังสือบอกเลิกสัญญามาจริงก็จะพิจารณาเหตุผลการบอกเลิก ว่าเป็นความผิดของบริษัทจริงหรือไม่. หากไม่เป็นจริงก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การฟ้องร้อง ผู้บริหารกรมศุลกากรของเบสท์ริน ต่อศาลอาญา ในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบโดยในคำฟ้องที่มีต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร 7 ราย นั้น รวมถึงนายกุลิส สมบัติศิริ อธิบดี กรมศุลกากร นายชัยยุทธ คำคุณ รองอธิบดีกรมศุลกากร ในฐานะโฆษกกรม ศุลกากร ด้วย – สำนักข่าวไทย