สวนสนประดิพัทธ์ 12 ก.พ.- นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธาน สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะคณะกรรมการเตรียมการสร้างความสามัคคีปรองดอง ในคณะกรรมการบริหารราชการแผ่นดินตามกรอบปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติและการสร้างความปรองดอง (ป.ย.ป.) กล่าวถึงการดำเนินการของคณะกรรมการว่า จะเริ่มเชิญพรรคการเมืองมาให้ความเห็นตามที่กำหนดหัวข้อไว้ทั้งหมด 11 ข้อ โดยเรียงลำดับการเชิญตามตัวอักษรของชื่อพรรคการเมือง และจะไม่ให้แต่ละพรรคการเมืองมาเจอกัน รวมถึงจะดำเนินการรับฟังความเห็นในคำถามชุดเดียวกันในระดับภูมิภาคต่างๆ ด้วยความร่วมมือของแม่ทัพภาค ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้บังคับการตำรวจระดับภาคและระดับจังหวัด ซึ่งอยู่ภายใต้การดำเนินการ โดยคณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง ซึ่งมีปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธานอนุกรรมการฯ จากนั้น จะนำข้อมูลทั้งหมดมาเข้าสู่การพิจาณาโดยคณะอนุกรรมการพิจารณาบูรณาการข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง และเข้าสู่ขั้นตอนของคณะอนุกรรมการจัดทำข้อเสนอกระบวนการเพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง รวมถึงมีการประชาสัมพันธ์โดย คณะอนุกรรมการด้านการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความสามัคคีปรองดอง แล้วจะสรุปผลทั้งหมดภายใน 3 เดือน ให้กับที่ประชุมใหญ่คณะกรรมการ ป.ย.ป. แต่หากไม่แล้วเสร็จในกรอบเวลาก็ต้องยืดออกไปอีก
ส่วนการหาข้อตกลงร่วมกันระหว่างพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า จะต้องผ่านขั้นตอนการรับฟังความเห็นทุกพรรคการเมืองซึ่งรวมถึงพรรคเล็กด้วย แล้วจึงมีขั้นตอนการหารือร่วมกันในขั้นตอนหลังจากนั้น
นายพีระศักดิ์ กล่าวต่อว่า บทบาทหน้าที่ของ สนช.ในการสร้างความปรองดองนั้นตนเองได้เข้าไปในฐานะเสนอความเห็นในระดับนโยบาย ตามที่มีการกำหนดโครงสร้างให้มีรองประธาน สนช. อยู่ด้วย ประธานสนช. จึงมอบหมายให้มาทำงานด้านนี้ ขณะที่สนช.คนอื่นๆจะเข้าไปช่วยงานในคณะอนุกรรมการด้านอื่นๆ ด้วย ส่วนการดำเนินการสร้างความปรองดองของ สนช. ที่เคยดำเนินการศึกษาโดยคณะกรรมาธิการด้านการเมือง เกี่ยวกับร่างกฎหมายอำนวยความยุติธรรมทางอาญาเกี่ยวเนื่องกับมูลเหตุจูงใจทางการเมือง ขณะนี้ยังเป็นเพียงหลักการ ยังไม่ได้มีการจัดทำร่างกฎหมายหรือสรุปข้อเสนอแนะ ซึ่งจะมีการศึกษาคู่ขนานไปกับการทำงานของคณะกรรมการ ป.ย.ป..-สำนักข่าวไทย