สุราษฎร์ธานี 17 พ.ย.- ตำรวจสมุยแจ้งข้อกล่าวหาชาวสวีเดนวัย 51 ปี ทำร้ายร่างกายตำรวจขณะปฎิบัติหน้าที่ หลังชกต่อยตำรวจ 2 นาย กลางถนน คาดเมาสุรา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งออกมาเผยแพร่คลิปวีดีโอจากกล้องหน้ารถยนต์ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 07.24น. วันที่ 17 พ.ย.59 บริเวณถนนสายทวีราษฎร์ภักดี หน้าหน่วยบริการประชาชนตำบลแม่น้ำ สภ.เกาะสมุย อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เป็นภาพที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 2 นาย และชาวบ้านอีก 3 คน กำลังวิ่งไล่จับชายชาวต่างชาติรายหนึ่ง ผิวขาว รูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อแขนยาวสีดำ นุ่งกางเกงยีนส์ วิ่งหนีไม่ให้จับแต่โดยดี พร้อมกับต่อสู้ทำร้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่หลังจากนั้นไม่นานชายชาวต่างชาติรายนี้ก็นอนหมอบกับพื้น และยอมมอบตัวให้จับกุมแต่โดยดี
หลังจากนั้นผู้สื่อข่าวจึงได้ไปสอบถามข้อเท็จจริงของเหตุการณ์นี้กับ ส.ต.ท.ภาณุวัฒน์ แซ่ลิ่ม ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม และ ส.ต.ต.อนุชาติ เพ็ญสวัสดิ์ ผบ.หมู่งานป้องกันปราบปราม ทั้ง 2 นายปฏิบัติหน้าที่สายตรวจหน่วยบริการประชาตำบลแม่น้ำ ทราบว่าเมื่อช่วงเช้าได้กลับมาจากปฏิบัติหน้าที่สายตรวจกลับมาที่หน่วยบริการประชาชนตำบลแม่น้ำ และมีชาวบ้านนำตัวชายชาวต่างชาติมา 1 ราย ทราบชื่อว่า นายบาสทรัม ฮาน แพททริก (MR.BYSTROM HANS PATRIK) อายุ 51 ปี สัญชาติสวีเดน ซึ่งมีอาการมึนเมาพูดไม่รู้เรื่อง พูดแต่คำว่า “แคบบี้” ส.ต.ท.ภาณุวัฒน์ จึงได้กดโทรศัพท์ค้นหาคำดังกล่าว แต่นายบาสทรัม ได้ตบโทรศัพท์ลงกับโต๊ะ และชกไปที่หน้า ส.ต.ท.ภาณุวัฒน์ 1 ครั้ง ระหว่างนั้น ส.ต.ต.อนุชาติ จะเข้ามาห้าม นายบาสทรัม ก็ชกไปที่ไหล่ซ้าย 1 ครั้ง และวิ่งหลบหนีไปกลางถนน จนเป็นภาพที่วิ่งไล่จับกุมชายชาวต่างชาติรายนี้ และต่อสู้เจ้าหน้าที่ตำรวจบนถนน
ต่อมา ร.ต.อ.นาวี จิตรบาล พนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย เปิดเผยว่า นายบาสทรัม ฮาน แพททริก อายุ 51 ปี สัญชาติสวีเดน ถูกควบคุมตัวไว้ที่ห้องควบคุม สภ.เกาะสมุย แต่ยังไม่สามารถแจ้งข้อกล่าวหาได้ เนื่องจากผู้ต้องหายังนอนหลับจากฤทธิ์ของสุรา ส่วนตอนนี้ได้สอบปากคำผู้กล่าวหาที่เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติตามหน้าที่ ไม่ได้กระทำรุนแรงเกินกว่าเหตุ หรือใช้อาวุธกับผู้ต้องหาแต่อย่างใด
ล่าสุด รายงานข่าวแจ้งว่า ร.ต.อ.นาวี พนักงานสอบสวน ได้แจ้งข้อกล่าวหาแล้วกับ นายบาสทรัม ฮาน แพททริก อายุ 51 ปี สัญชาติสวีเดน ในข้อกล่าวหา ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะปฏิบัติหน้าที่ พร้อมนำตัวดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.-สำนักข่าวไทย