เอ็นโก้ 7 มี.ค. – นายประเสริฐ สินสุขประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เห็นชอบให้คงราคาก๊าซแอลพีจีสำหรับเดือนมีนาคมอัตราเดิม ที่ 20.96 บาทต่อกิโลกรัม แม้ว่าราคาอ้างอิงจะมีการปรับลดลงจากราคาตลาดโลก
นายประเสริฐ กล่าวว่า จากสถานการณ์ราคาก๊าซแอลพีจีตลาดโลกเดือนมีนาคม 2560 ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อน 15 เหรียญสหรัฐ/ตัน มาอยู่ที่ระดับ 540 เหรียญสหรัฐ/ตัน ประกอบกับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ 2560 แข็งค่าขึ้นจากเดือนก่อน 0.4221 บาท/เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 35.1893 บาท/เหรียญสหรัฐ ส่งผลให้ราคาโรงกลั่นที่อ้างอิงราคานำเข้า ซึ่งเป็นราคาซื้อตั้งต้นก๊าซแอลพีจีปรับลดลง 0.9327 บาท/กก. จาก 21.5114 บาท/กก. เป็น 20.5787 บาท/กก. ดังนั้น เพื่อลดภาระการชดเชยของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและเตรียมการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซแอลพีจี เต็มรูปแบบในอนาคต ที่ประชุม กบง.จึงเห็นควรให้คงราคาขายปลีกก๊าซแอลพีจี เดือนมีนาคม 2560 ไว้ที่ 20.96 บาท/กก.
ทั้งนี้ ที่ประชุมปรับลดอัตราเงินชดเชยจากกองทุนน้ำมันฯ ลง 0.9327 บาท/กก. จากเดิมกองทุนน้ำมันฯ ชดเชยที่ 7.5663 บาท/กก. เป็นชดเชยที่ 6.6336 บาท/กก. ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป ซึ่งผลจากการปรับอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ ดังกล่าว ทำให้กองทุนน้ำมันฯ ในส่วนของก๊าซแอลพีจี มีรายจ่ายลดลงจากเดือนก่อน ประมาณ 47 ล้านบาท จากเดิมมีรายจ่ายอยู่ที่ 490 ล้านบาท/เดือน ลดลงเหลือ 443 ล้านบาท/เดือน โดยฐานะสุทธิของกองทุนน้ำมันฯ ณ วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2560 อยู่ที่ 40,423 ล้านบาท แบ่งเป็นบัญชีก๊าซ แอลพีจี อยู่ที่ 6,961 ล้านบาท และบัญชีน้ำมันสำเร็จรูป อยู่ที่ 33,462 ล้านบาท
นายวิฑูรย์ กุลเจริญวิรัตน์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงงาน กล่าวว่า ที่ประชุมรับทราบมาตรการรองรับความเสียหายอันเกิดจากการชดเชยราคาส่วนต่างจากการนำเข้าก๊าซแอลพีจีแบบฉุกเฉิน พร้อมเห็นชอบหลักการการขออนุญาตส่งออกก๊าซแอลพีจีออกนอกราชอาณาจักร โดยให้กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้ควบคุมดูแลและพิจารณาการขออนุญาตส่งออกเป็นรายเที่ยว โดยการขออนุญาตส่งออกก๊าซแอลพีจีที่ผลิตได้ภายในประเทศจะพิจารณาอนุญาตเฉพาะผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 ที่เป็นผู้ผลิตก๊าซแอลพีจีให้สามารถส่งออกได้ในกรณีที่มีก๊าซแอลพีจีเกินกว่าความต้องการใช้ภายในประเทศ และให้ผู้ส่งออกมีหน้าที่ต้องส่งเงินเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงตามอัตราที่กำหนด โดยมอบหมายให้ สนพ.รับไปดำเนินการออกประกาศอัตราเงินส่งเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับการส่งออกก๊าซแอลพีจีดังกล่าวต่อไป
อย่างไรก็ตาม การกำหนดดังกล่าวเกิดจากการเห็นชอบให้ผู้ประกอบการนำเข้าแอลพีจีเสรี โดยขณะนี้มีเพียงบริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SGP เพียงรายเดียวที่ขออนุญาตนำเข้า เพื่อจำหน่ายในประเทศ โดยขออนุญาตนำเข้าเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม-พฤษภาคม เฉลี่ยเดือนละ 44,000 ตัน เมื่อคำนวณรวมระหว่างกำกลังการผลิตและความต้องการใช้คาดว่าจะมีปริมาณแอลพีจีเหลือ 21,000-26,000 ตันต่อเดือน ดังนั้น ที่ประชุมจึงต้องกำหนดหลักเกณฑ์การอนุญาตส่งออกนอกราชอาณาจักร มีข้อกำหนดการส่งออกกองทุนน้ำมันเชื้อเพิลงตามอัตราที่กำหนด นอกจากนี้ ในกรณีผู้ขออนุญาตนำเข้ามีประกาศกระทรวงพลังงานชัดเจนในเรื่องบทปรับ หากแจ้งนำเข้าแล้วไม่นำเข้าตามแจ้งจะถูกปรับ 50,000 บาทต่อครั้ง และมีโทษจำคุก 6 เดือน ซึ่งกรณีที่มีการกระทำผิด 3 ครั้งต่อปี จะถูกเพิกถอนใบอนุญาตนำเข้า นอกจากนี้ หากประเทศเสียหายจากการไม่นำเข้าจนต้องให้เอกชนรายอื่นนำเข้าแทนผู้ขออนุญาตนำเข้าจะต้องรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย.-สำนักข่าวไทย