กรุงเทพฯ 28 ก.พ. – นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน สั่งสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เตรียมแผนรองรับหากโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ต้องปรับเลื่อนเหมือนกับโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ เตรียมปรับแผนพีดีพี 2015 ประสาน สผ.ทำอีเอชไอเอใหม่ ด้านสหกรณ์การเกษตรเคลื่อนไหวกดดันปรับเพิ่มค่าไฟโซลาร์ฟาร์ม
ที่กระทรวงพลังงานวันนี้ (28 ก.พ.) มีความเคลื่อนไหวทั้งการประชุมผู้บริหารระดับสูง มีปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธาน หารือหลังคำสั่งนายกรัฐมนตรีให้ศึกษาอีไอเอ และอีเอชไอเอ โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ และกลุ่มสหกรณ์การเกษตร ประมาณ 200 คนมายื่นหนังสือขอให้ทบทวนค่าไฟฟ้า FIT สำหรับการรับซื้อไฟฟ้าโครงการโซลาร์ฟาร์มราชการและสหกรณ์การเกษตรใหม่ จาก 5.66 บาท/หน่วย เหลือ 4.12 บาท/หน่วย โดยขอให้ปรับมาเป็นอัตราเดิม 5.66 บาท และพิจารณาปรับเพิ่มสัดส่วนการรับซื้อจากสหกรณ์การเกษตรจากโควตาที่เหลือ 119 เมกะวัตต์ โดยขอให้นำสัดส่วนที่เหลือจากการเปิดรับซื้อโซลาร์ฟาร์มราชการ 400 เมกะวัตต์ หากมีผู้สมัครไม่ครบก็ควรนำสัดส่วนมาให้สหกรณ์ฯ ทั้งนี้ ระบุด้วยว่าหากกระทรวงพลังงานทำตามข้อเสนอจะล่ารายชื่อสมาชิกสหกรณ์ทั่วประเทศนับล้านคนมากดดัน
ด้านนายอารีพงศ์ กล่าวว่า ในส่วนข้อเสนอของสหกรณ์การเกษตร คงจะนำไปหารือในระดับผู้บริหารกระทรวงฯ ต่อไป อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราการสนับสนุน เนื่องจากเป็นการรับซื้อในช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ต้นทุนแผงโซลาร์ก็ลดลง ดังนั้น ต้นทุนการผลิตลดลง จึงสมควรปรับลดราคา FIT เพราะหากยังคงสูงอยู่ผลตอบแทนผู้ประกอบการจะสูงและกระทบต่อค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) ของภาคประชาชนที่ล่าสุดภาพรวมของพลังงานทดแทนเป็นต้นทุนในค่าไฟฟ้าเอฟประมาณ 21 บาทต่อสตางค์
นายอารีพงศ์ กล่าวว่า ในการประชุมผู้บริหารกระทรวงพลังงานวันนี้ได้หารือถึงคำสั่งนายกรัฐมนตรีที่ให้ดำเนินการจัดทำอีไอเอ (รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม) และอีเอชไอเอ (รายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ) โรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ใหม่ โดยเรื่องนี้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ต้องไปหารือกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ว่าจะดำเนินการอย่างไร หากเป็นไปตามที่ กฟผ.คาด คือ ล่าช้าไปอีก 2 ปีครึ่ง การจัดการด้านความมั่นคงด้านไฟฟ้าภาคใต้จะจัดการอย่างไร และหากผลกระทบการคัดค้านส่งผลต่อโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินเทพา จังหวัดสงขลา 2,000 เมกะวัตต์ด้วย จะกระทบภาพรวมแล้ว ทางออกเป็นอย่างไร ต้องสร้างโรงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี ) ทดแทนมากน้อยแค่ไหน ต้นทุนเพิ่มกระทบประชาชนอย่างไร จะใช้พลังงานทดแทนตามข้อเสนอคณะกรรมการไตรภาคีอย่างไร โดยให้สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ไปทำรายงาน เพื่อเตรียมเสนอคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ครั้งต่อไป
“ได้ให้ สนพ.ศึกษาผลกระทบและปรับแผนรองรับแผน 2 แผน 3 ทำอย่างไร หากโรงไฟฟ้าถ่านหินภาคใต้ โดนต่อต้านและต้องเลื่อนแผนออกไปเรื่อย ๆ ซึ่งกรณีแอลเอ็นจี ก็น่าเป็นห่วง เพราะต้องสร้างท่อไปรับก๊าซจากเรือขนส่งในทะเลเช่นกัน ก็กระทบสิ่งแวดล้อม ส่วนโครงการก่อสร้างสายส่งไปภาคใต้ กฟผ.ก็ลงทุนอยู่แล้ว ลงทุนนับแสนล้านบาท แต่ไฟฟ้าก็ยังไม่เพียงพอและมีความเสี่ยง ซึ่งต้องดูภาพรวมทั้งหมด”นายอารีพงศ์ กล่าว
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุว่าคงต้องปรับแผนพัฒนากำลังไฟฟ้าระยะยาว 20 ปี (พีดีพี 2015) จากความล่าช้าของโรงไฟฟ้าถ่านหินและให้ปรับเพิ่มพลังงานทดแทนให้มีสัดส่วนร้อยละ 40 ว่า เรื่องปรับแผนพีดีพี 2015 คงต้องดูทั้งหมด ความมั่นคง สิ่งแวดล้อม ราคาพลังงาน ซึ่งปัจจุบันกระทรวงฯ สนับสนุนพลังงานทดแทนอย่างหลากหลายแบบและต่อเนื่อง ซึ่งการใช้พลังงานทดแทนได้ดูทุกด้าน การลดผลกระทบสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมพืชพลังงาน ปัจจุบันเชื้อเพลิงชีวมวลก็ไม่เพียงพอ ที่สำคัญต้องดูด้วย. – สำนักข่าวไทย