กรุงเทพฯ 19 ก.พ. – รฟท.ชี้แจงกรณีรถไฟรุ่นใหม่ตกรางย่านสถานีชุมทางบางซื่อ เกิดจากความบกพร่องจากการสับประแจทางรถไฟ ไม่ใช่เกิดจากปัญหาตัวรถ หรือระบบการเดินรถ สั่งตั้งคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงหาผู้กระทำผิดมาลงโทษทางวินัยอย่างเด็ดขาด
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า รฟท.ได้รับรายงานการเกิดเหตุขบวนรถไฟเปล่าที่ 1171 ซึ่งพ่วงตู้โดยสารรุ่นใหม่ที่ให้บริการเส้นทางเชียงใหม่-กรุงเทพฯ เกิดเหตุตกรางบริเวณที่หยุดรถ กม.11 หลังจากเดินรถออกจากสถานีกรุงเทพฯ เพื่อเข้าไปทำความสะอาดและสูบถ่ายสิ่งปฏิกูลที่ย่านสถานีชุมทางบางซื่อ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บและอันตราย เนื่องจากเป็นขบวนรถเปล่าที่เสร็จสิ้นจากการรับส่งผู้โดยสารเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งขบวนรถยังไม่กระทบต่อการเดินรถ เพราะสามารถใช้เส้นทางประธานเดินรถขึ้นระหว่างสถานีบางเขนถึงสถานีชุมทางบางซื่อได้
ทั้งนี้ จากการสอบถามเบื้องต้นพนักงานสับเปลี่ยนประแจระบุว่าระหว่างขบวนรถดีเซลกำลังลากรถพ่วงขบวน 1711 ซึ่งพ่วงตู้โดยสารรุ่นใหม่ผ่านประแจเบอร์ 263 ประแจเกิดดีดกลับเป็นท่าทางประธาน จนเป็นเหตุให้ตู้โดยสารตู้ที่ 2 คือ รถ บนท.ป.1354 ตกราง 1 ตู้ สำหรับสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากการกลับประแจใต้ท้องรถกะทันหัน โดยขบวนรถยังไม่พ้นระยะปลอดภัยจนทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้น แต่ยืนยันว่าเหตุครั้งนี้ไม่ใช้ความบกพร่องที่เกิดจากตัวรถรุ่นใหม่ หรือระบบการเดินรถของการรถไฟฯ แต่อย่างใด หลังจากนี้จะมีการตั้งคณะทำงานสอบสวนข้อเท็จจริงอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาสาเหตุและผู้กระทำผิดมาลงโทษตามวินัยอย่างเด็ดขาด
นายวุฒิชาติ กล่าวต่อว่า ระหว่างรับทราบการเกิดอุบัติเหตุตกรางได้มีการระดมเจ้าหน้าที่เร่งแก้ไขสถานการณ์อย่างทันท่วงที โดยเมื่อเวลา 09.20 น.ได้ส่งทีมเจ้าหน้าที่เข้ากู้ขบวนรถที่ตกราง ด้วยการใช้รถพิเศษช่วยอันตรายจากสถานีชุมทางบางซื่อมาทำการยก และสามารถยกแคร่ที่ 1 ได้สำเสร็จ ในเวลา 15.42 น. และยกแคร่ที่ 2 สำเร็จเวลา 15.57 น. รวมถึงให้เจ้าหน้าที่บำรุงทางแก้ไขทางรถไฟที่ได้รับความเสียหาย จนสามารถใช้เส้นทางบริเวณดังกล่าวได้เป็นปกติอีกครั้งเวลา 17.30 น. นอกจากนี้ ระหว่างที่มีการกู้ขบวนรถและซ่อมบำรุงทาง ยังจัดขบวนรถสำรองหมุนเวียนสับเปลี่ยนแทนขบวนรถที่ตกราง ทำให้สามารถเปิดเดินรถได้ครบตามตารางที่กำหนดไว้ ส่วนความเสียหายของตู้โดยสารที่ตกรางอยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ทำการประเมินอีกครั้ง.-สำนักข่าวไทย