กรุงเทพฯ 2 ม.ค.-นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้กรมธนารักษ์กำลังทบทวนโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ ที่มีปัญหาการฟ้องร้องและเจรจาร่วมกันมากว่า 20 ปี จำนวน 3 โครงการ ทั้งโครงการโรงภาษีร้อยชักสาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ,โครงการสร้างศูนย์ประชุมของ NCC และการก่อสร้างสถานีขนส่งหมอชิตของซัน เรียลเอสเตส มูลค่ารวมทั้ง 3 โครงการกว่า 3 หมื่นล้านบาท จึงต้องการปัดฝุ่นโครงการดังกล่าว นำกลับมาพัฒนาให้เปิดมูลค่าเพิ่ม ขณะนี้ได้ว่าจ้างจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยทำการศึกษาแผนการพัฒนา ทั้ง 3 โครงการ เพื่อพิจารณาผลตอบแทน IRR แผนการลงทุน เพื่อต้องการก่อสร้างการลงทุนให้ได้ภายในปี 60 ยอมรับว่าปัญหาที่ผ่านมาไม่สามารถยกเลิกสัญญาได้ เพราะได้ลงนามร่วมกันไปแล้ว เพื่อสัญญายังติดค้างอยู่ จึงต้องเจรจาร่วมกันทั้งธนารักษ์กับภาคเอกชน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหายืดเยื้อทิ้งร้างไว้นานต่อไปอีก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า 3 โครงการขนาดใหญ่ ได้แก่ โครงการ “โรงภาษีร้อยชักสาม” บริษัท แนเชอรัล พาร์ค จำกัด (มหาชน) รับผิดชอบดูแล ตั้งโรงภาษีร้อยชักสามซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยเจริญกรุง 36 เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ เป็นอาคารโบราณสถานที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมจำนวน 3 หลัง สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 มาพัฒนาเป็นโรงแรมเพื่อเป็นการบริหารที่ราชพัสดุให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด อีกทั้งเป็นการอนุรักษ์อาคารโบราณที่มีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ วัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมให้กลับมีชีวิตอีกครั้งหนึ่งและเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
กรมธนารักษ์จึงประกาศเชิญชวนเอกชนเข้าประมูลร่วมลงทุนโครงการฯ เพื่อสร้างโรงแรม ห้องพัก 33 ห้อง พัฒนาเชิงอนุรักษ์โบราณสถาน (Heritage Development) ตลอดจนการคงคุณค่าทางสถาปัตยกรรมและทางประวัติศาสตร์ให้มากที่สุด ส่วนการจัดห้องพักจะเน้นเอกลักษณ์ ทางวัฒนธรรมและศิลปกรรม ความสอดคล้องกับสภาพแวดล้อม รวมถึงการจัดการภูมิทัศน์ริมน้ำตามวิถีชีวิตอันแนบแน่นกับสายน้ำของคนไทย มีลักษณะเป็นโรงแรมในสไตล์ บูติค(Boutique Hotel) ขณะนี้ติดปัญหาสัญญาก่อสร้าง
สำหรับโครงการศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (N.C.C.) ซึ่งกำหนดต้องสร้างโรงแรมบนพื้นที่พร้อมที่จอดรถโดยมีบริษัท เอ็น.ซี.ซี. แมนเนจเมนท์ แอนด์ ดิเวลลอปเมนท์ เป็นผู้รับสัมปทาน เมื่อไม่มีการก่อสร้างโรงแรมขนาดใหญ่ จึงได้เปลี่ยนแผนการพัฒนาเป็นการสร้างศูนย์ประชุมและศูนย์จัดนิทรรศการแทน ซึ่งได้เจรจากรมธนารักษ์ขยายระยะเวลาการเช่าพื้นที่จาก 30 ปีเพิ่มเป็น 50 ปี ต้องใช้เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท เมื่อหารือกับสำนักงานอัยการซึ่งได้ทำคดีฟ้องร้องโครงการดังกล่าว หากได้ข้อสรุปต้องนำเรื่องเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา และโครงการพัฒนาที่ราชพัสดุหมอชิต มูลค่า 18,000ล้านบาท ได้เริ่มโครงการมาตั้งแต่ปี 2538 มีปัญหาสัญญานานกว่า 20 ปี กรมธนารักษ์ได้ขยายสัญญาเช่าจากเดิม 30 ปี เพิ่มเป็น 50 ปี ครอบคลุมระยะเวลาทั้งการก่อสร้างและบริหารโครงการ.-สำนักข่าวไทย
